เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1643 สามีของนาง ตอนที่ 1644 เก็บไว้ในใจ
ตอนที่ 1643 สามีของนาง / ตอนที่ 1644 เก็บไว้ในใจ
ตอนที่ 1643 สามีของนาง
เขายืนดูอยู่ตรงนี้เงียบๆ เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป สองคนนั้นหยุดเคลื่อนไหว เขาเพิ่งมองเห็นในตอนนี้เอง สองคนนั้นต่างก็ใส่เสื้อคลุมสีดำ ขนาดตัวไม่ต่างกันมาก เพียงแต่ คนหนึ่งสีหน้าดูลึกล้ำกว่าหน่อย ทำให้เขาดูค่อนข้างสุขุม
ยามที่สายตาของเขาจับจ้องที่สองคนนั้น ถึงเพิ่งสังเกตได้ว่าอายุกระดูกของทั้งสองต่างกันมาก คนหนึ่งเป็นชายอายุยี่สิบกว่าปี คนหนึ่งแม้หน้าตาดูเหมือนอายุยี่สิบสามสิบปี แต่อายุกระดูกกลับสี่สิบกว่าปีแล้ว อีกทั้งยังมีบุคลิกที่มั่นคงกว่าด้วย
“คนที่ใส่ชุดคลุมสีดำอ่อนกว่าหน่อยคือพี่ชายบุญธรรมของนายท่านของข้า ชื่อกวนสีหลิ่นขอรับ” เหลิ่งหวาที่มาอยู่ข้างหลังต้วนมู่ไป๋ตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
ต้วนมู่ไป๋เอียงหน้าไป มองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกาย เด็กหนุ่มคนนี้อายุเท่ากับเหล่าลูกศิษย์ของเขา แต่บุคลิกอ่อนโยน ไม่เหมือนองครักษ์หรือคนรับใช้ระดับล่าง
“เจ้าคือเหลิ่งหวากระมัง!” ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นความมั่นใจ ในนี้มีคนงานอยู่ไม่มากนัก พวกเฉินเต้าบอกว่านอกจากตู้ฝานก็มีแค่เหลิ่งหวาคนเดียว รวมถึงหญิงสาวที่ชื่อเหลิ่งซวงด้วย
เหลิ่งหวายิ้มอย่างอ่อนโยน “ใช่แล้วขอรับ”
“คนข้างกายเฟิ่งจิ่ว ล้วนเป็นคนไม่ธรรมดาดังคาด” ต้วนมู่ไป๋เอ่ยด้วยความชื่นชม
“ข้าเป็นเพียงพ่อบ้านที่ติดตามนายท่าน เป็นเพียงคนที่แสนจะธรรมดาในหมู่ผู้คนเท่านั้น” เหลิ่งหวากล่าวอย่างถ่อมตน
ต้วนมู่ไป๋ยิ้มๆ ถามว่า “ชายคนที่ใส่ชุดคลุมสีดำอ่อนเป็นพี่ชายบุญธรรมของเฟิ่งจิ่ว แล้วคนนั้นเล่า?” สายตาของเขาจับจ้องไปที่เฟิ่งเซียว บนตัวคนผู้นั้น เขาสัมผัสได้ถึงความห้าวหาญและน่าเกรงขาม รวมถึงบุคลิกดุดันแข็งกร้าว ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
เหลิ่งหวามองตามสายตาของเขาไปหยุดที่เงาร่างของเฟิ่งเซียว ยิ้มๆ แล้วกล่าวเสียงนุ่มนวลว่า “ท่านที่ชุดคลุมสีเข้มหน่อยก็คือเฟิ่งเซียว ผู้นำตระกูลของเรา แล้วก็เป็นบิดาของนายท่านข้า สามีของฮูหยิน”
ได้ยินประโยคนั้น ต้วนมู่ไป๋แววตาไหวระริก หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ ตกตะลึงเล็กน้อย “เป็นบิดาของเฟิ่งจิ่ว? สามีของหวั่นหรง?”
นาทีนี้ ลึกๆ ข้างในใจของเขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ราวกับสูญเสียอะไรบางอย่างไปก็ไม่ปาน หัวใจหดหู่
ที่แท้ ผู้ชายคนนี้ก็คือชายในดวงใจของนาง และก็เป็นผู้ชายที่นางเฝ้าคำนึงหามาตลอด ที่แท้ นางก็ได้อยู่พร้อมหน้ากับเขาแล้ว…
นึกมาถึงตรงนี้ สายตาของเขาอดมองไปที่เฟิ่งเซียวอีกครั้งไม่ได้ แม้เขาจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็จำต้องบอกว่าเฟิ่งเซียวคนนี้โดดเด่นมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือบุคลิกของเขา กระทั่งกลิ่นอายมั่นคงแข็งแกร่งนั่น ล้วนถือได้ว่าเป็นคนโดดเด่นและยอดเยี่ยมเหนือผู้คน
แล้วก็เป็นคนประเภทที่ไม่เหมือนเขาด้วย เฟิ่งเซียวผู้นี้แรกเห็นให้ความรู้สึกดุดันแข็งกร้าว เหมือนผู้แข็งแกร่งที่น่าเกรงขาม แต่เขา เขาเป็นเพียงนักเล่นแร่แปรธาตุคนหนึ่ง แม้นักเล่นแร่แปรธาตุจะเป็นตำแหน่งที่ผู้คนเคารพนับถือ แต่หากเทียบกันเรื่องความน่าเกรงขาม เรื่องพลังต่อสู้ เขาล้วนเทียบเฟิ่งเซียวไม่ได้
ขณะที่เขากำลังยืนมองอย่างเหม่อลอย พลันนั้นก็มีเงาร่างสง่างามร่างหนึ่งปรากฏในครรลองสายตา บนทางเดินเล็กๆ เส้นหนึ่งที่อยู่อีกฝั่งของสนามฝึก มือของซั่งกวนหวั่นหรงถือตะกร้าไม้ไผ่เดินเข้ามา สองคนในสามเห็นนางมาล้วนหยุดฝึกซ้อมทันที
เพราะอยู่ค่อนข้างไกล เขาไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน เห็นเพียงเฟิ่งเซียวรีบเดินไปรับตะกร้าจากมือหวั่นหรง แล้ววางลง จากนั้นก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรกับนางอีก ส่วนหวั่นหรงก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อที่หน้าผากให้เขา…
………………………………….
ตอนที่ 1644 เก็บไว้ในใจ
ยามมองดูใบหน้าที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มและความอ่อนโยน บอกไม่ถูกว่าหัวใจของเขารู้สึกเช่นไร ความอบอุ่นและอ่อนโยนของนาง ไม่มีวันเป็นของเขา ที่ผ่านมาก็เป็นเพียงรักฝ่ายเดียวจากเขาทั้งนั้น
ทว่า ได้เห็นนางมีความสุข อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกยินดีแล้ว
หลังปรับอารมณ์เล็กน้อย เขาเก็บความรู้สึกที่มีต่อนางไว้ในใจ แล้วจึงค่อยก้าวเดินไปข้างหน้า
เหลิ่งหวาที่อยู่ข้างๆ เห็นก็เผยรอยยิ้มออกมา เดินตามเข้าไปในสนามฝึก กระทั่งเข้าใกล้ระยะหนึ่ง เขาก็พูดขึ้นว่า
“ผู้นำตระกูล ฮูหยิน เจ้าเขาต้วนมาแล้วขอรับ”
พอเหลิ่งหวาพูดออกไป ซั่งกวนหวั่นหรงที่กำลังคุยกับเฟิ่งเซี่ยวตะลึงเล็กน้อย นัยน์ตาหันมองผู้มา เห็นว่าเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของนางจริงๆ ด้วยเหตุนี้ นางคล้องแขนเฟิ่งเซียวเดินเข้ามา “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร?”
เฟิ่งเซียวได้ยินนางเรียกว่าศิษย์พี่ใหญ่ ก็ลอบพิจารณาผู้มาเงียบๆ ลูกสาวของเขาเคยเล่าให้เขาฟัง ว่าตอนที่หวั่นหรงอยู่ในสำนักโอสถตะวันมีคนหมายปองนางไม่น้อย
“ข้าได้ยินพวกเฉินเต้าบอกว่าเจ้าอยู่ที่นี่ เลยคิดว่าอยากแวะมาดูว่าตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ต้วนมู่ไป๋เอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน สายตาเลื่อนออกจากซั่งกวนหวั่นหรง ไปที่เฟิ่งเซียวที่อยู่ข้างๆ
“นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะได้พบผู้นำตระกูลเฟิ่งที่นี่ ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ”
ใช่แล้ว! ก่อนเขาจะมาที่นี่ เขาไม่รู้เลยว่าจะได้พบสามีของหวั่นหรงที่นี่ ยิ่งไม่คิดว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมเพียงนี้ แต่พอเห็นว่าเขายอดเยี่ยมอย่างนี้ ลึกๆ ข้างในเขากลับรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งเซียวหัวเราะเสียงดัง “ข้าเองก็ไม่นึกว่าจะได้พบศิษย์พี่ใหญ่ที่ฮูหยินข้าพูดถึงที่นี่เช่นกัน ก่อนหน้านี้ไม่ทันสังเกตเห็น หากเสียมารยาทไปตรงที่ใด ขอสหายต้วนอย่าถือสา”
“ไม่หรอก” ต้วนมู่ไป๋กล่าว แล้วหันไปมองซั่งกวนหวั่นหรง “ที่จริงข้ามาที่นี่ก็ไม่ได้มีเรื่องใดสำคัญ เพียงผ่านทางมาเยี่ยมศิษย์น้องเล็กเท่านั้น ศิษย์น้องเล็ก สุขภาพเจ้าแข็งแรงดีหรือไม่?”
ซั่งกวนหวั่นหรงเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ตอบเสียงนุ่มนวลว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง วิชาแพทย์ของเสี่ยวจิ่วเยี่ยมยอดมาก ตอนนี้ข้าไม่เป็นไรแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” เขาพยักหน้า เห็นนางในตอนนี้ เขาก็รู้แล้วว่านางสบายดี
“สหายต้วน พวกเราไปนั่งคุยกันที่ห้องโถงด้านหน้าเถิด! ปล่อยให้สหายต้วนยืนอยู่แบบนี้ ดูจะเป็นการเสียมารยาทกับแขกเกินไป” เฟิ่งเซียวผายมือทำท่าเชิญ
เห็นอย่างนั้น ต้วนมู่ไป๋มองพวกเขาสองคนแวบหนึ่ง แล้วเดินตามเขาไปที่ห้องโถงด้านหน้า
กวนสีหลิ่นดึงเหลิ่งหวาไว้ รอจนคนข้างหน้าเดินห่างออกไป จึงถามว่า “ต้วนมู่ไป๋มาได้บอกเสี่ยวจิ่วแล้วหรือยัง?”
“ยังขอรับ นายท่านน่าจะยังไม่ตื่น” เหลิ่งหวาตอบ
“งั้นหรือ! เช่นนั้นเจ้าไปต้อนรับที่ด้านหน้า ข้าจะไปดูที่เรือนด้านหลัง” ขณะกล่าว ก็พยักพเยิดให้เหลิ่งหวาไป ส่วนตนเองก็ไปที่เรือนด้านหลัง พอมาถึงเรือนของเฟิ่งจิ่ว เห็นเหลิ่งซวงยืนเฝ้าอยู่ข้างนอก จึงกวักมือเรียกนาง
“คุณชาย มีอะไรหรือเจ้าคะ?” เหลิ่งซวงถาม
“นายท่านของเจ้าตื่นหรือยัง?”
“ยังเจ้าค่ะ”
“เซวียนหยวนโม่เจ๋ออยู่ข้างในหรือไม่?” เขาถามอีก
ได้ยินคำถามเขา เหลิ่งซวงชะงักเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “ไม่อยู่เจ้าค่ะ เจ้าตำหนักยมราชนอนอยู่ในห้องของเขา”
เพราะผู้นำตระกูลและฮูหยินล้วนอยู่ที่นี่ หนำซ้ำยังมาหานายท่านเป็นครั้งคราว แม้เจ้าตำหนักยมราชจะมีความคิดอยากร่วมเตียงเคียงหมอนกับนายท่าน ก็ไม่เหมาะที่จะทำเรื่องเช่นนั้นต่อหน้าทั้งสองท่าน ฉะนั้นเขาจึงนอนที่ห้องของตนตามกฎระเบียบ
………………………………….