เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1683 ท่านปู่เทพเซียน ตอนที่ 1684 พบเบาะแส
ตอนที่ 1683 ท่านปู่เทพเซียน / ตอนที่ 1684 พบเบาะแส
ตอนที่ 1683 ท่านปู่เทพเซียน
เหนือท้องฟ้าแถบนี้ ท่ามกลางเมฆขาว ชายชราชุดขาวผู้หนึ่งมือถือแส้ขนหางจามรีนั่งขัดสมาธิอยู่บนถาดบิน เขาหลับตาขณะบินไปข้างหน้า เหมือนกำลังฝึกบำเพ็ญ แต่ก็เหมือนกำลังพักผ่อน
ทว่า ดวงจิตที่ทอดออกไปกลับคอยฟังเสียงของผู้คนด้างล่างอยู่เสมอ ท่ามกลางเสียงดังวุ่นวาย แว่วเสียงของเด็กน้องกำลังร้องขอความช่วยเหลือ รวมถึงเสียงคำรามของเสือร้ายดังปนมา
ได้ยินเสียงนั้น เขาค่อยๆ ลืมตา มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาขยับนิ้วคำนวณ ก่อนจะมองลงไปข้างล่าง
ทะลผ่านชั้นเมฆ เห็นว่าท่ามกลางป่าผืนน้อย เห็นเด็กน้อยอายุประมาณสามขวบยืนกอดต้นไม้อยู่บนกิ่งไม้ร้องไห้ขอความช่วยเหลือ ส่วนด้านล่าง เด็กผู้ชายอายุเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งร่างกายเต็มไปด้วยเลือด กำลังหลบหนีการไล่กัดจากเสือร้าย พลางพยายามใช้ดาบสั้นในมือแทงเสือร้ายตัวนั้นไปด้วย
จนใจที่เด็กน้อยมีเรี่ยวแรงจำกัด แทบไม่อาจทำอะไรเสือร้ายตัวนั้นได้เลย ครั้นเห็นเด็กน้อยถูกเสือร้ายพุ่งชน ร่างกายเล็กๆ ปลิวออกไปหลายจั้ง ก่อนจะกระตุกและหมดสติไป ขณะที่เสือร้ายกำลังจะเข้าไปฉีกร่างของเด็กผู้ชายที่หมดสติไป เด็กน้อยบนต้นไม้ก็ร้องไห้เสียงดัง ถอดรองเท้าแล้วขว้างใส่เสือร้าย กลับดึงดูดความสนใจจากเสือร้ายไปได้อย่างคาดไม่ถึง
“กรรซ์!”
เสือร้ายคำราม กระโจนไปข้างหน้า ใช้ลำตัวขนาดใหญ่ของมันกระแทกต้นไม้ใหญ่สุดแรง พริบตาเดียว เห็นเพียงเด็กน้อยที่กำลังกอดต้นไม้กรีดร้องด้วยความตกใจ จากนั้นก็ร่วงตกลงมาจากต้นไม้
“อ๊าก!”
เสี่ยวเฟิ่งเย่ยกมือขึ้นปิดตาด้วยความกลัว ปล่อยโฮเสียงดัง เขากลับถูกเสือร้ายกิน กลัวว่าตายแล้วร่างกายจะเหลือแต่กระดูก บางที เสือร้ายอาจกินแม้กระทั่งกระดูกของเขาเข้าไปด้วย เช่นนั้นเขาก็จะไม่เหลือแม้แต่กระดูกแล้ว
ทว่า ท่ามกลางความหวาดกลัว เขาหลับตาแต่กลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการถูกพุ่งชน รวมถึงความเจ็บจากการถูกฉีกทึ้งด้วยเขี้ยวเล็บอันแหลมคม กลับได้ยินเสียงเสือร้ายร้องโหยหวนแทน
“ไม่เป็นไรแล้ว”
เสียงชราเปี่ยมด้วยคุณธรรมดังกระทบโสตประสาท ทำให้เสี่ยวเฟิ่งเย่อึ้งงัน มือน้อยที่กำลังปิดตาค่อยๆ แหวกออกเป็นช่องเล็กๆ เขามองผ่านช่องนิ้วมือ ก็เห็นท่านปู่ผมขาวคิ้วขาวใส่เสื้อผ้าสีขาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า
“ท่านปู่เทพเซียน! ท่านจะต้องเป็นท่านปู่เทพเซียนแน่ๆ!”
เด็กน้อยเอามือลงด้วยความดีใจ จึงค้นพบว่าตนเองลอยอยู่กลางอากาศแล้ว ก่อนที่ร่างของเขาจะลอยลงพื้นพร้อมกับแส้ขนหางจามรีในมือของท่านปู่เทพเซียนที่ปัดลง
ได้ยินเสี่ยวเฟิ่งเย่พูดอย่างนั้น ชายชรายกมือลูบหนวดแล้วหัวเราะเสียงดัง คล้ายเบิกบานใจมาก เขาลอยตัวลงมาจากกลางอากาศ ครั้นถึงพื้นดินก็ลุกขึ้นเดินมาหาจ้าวหยาง แล้วตรวจบาดแผลบนตัวเขา
“ท่านปู่เทพเซียน หยางหยางเป็นอย่างไรบ้าง? หยางหยางจะตายหรือไม่?” เสี่ยวเฟิ่งเย่ถามด้วยความเป็นห่วง
ชายชราลูบหนวดแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ “เขาไม่ตายหรอก นี่เป็นเคราะห์กรรมที่พวกเจ้าจ้องพบเจอ แล้วก็เป็นชะตาของพวกเจ้าด้วย”
เขาหยิบยาเม็ดหนึ่งมายัดใส่ปากของหยางหยาง ขณะที่กำลังตรวจสอบลมปราณของเขา แววประหลาดใจพาดผ่านดวงตา “ร่างกายนี้ กลับเป็นอัจฉริยะในด้านฝึกวรยุทธ์ที่หาได้ยากในรอบร้อยปี”
เสี่ยวเฟิ่งเย่ไม่เข้าใจที่เขาพูดจึงเอียงคอมองเขา เห็นเพียงท่านปู่เทพเซียนหน้าตาเปี่ยมเมตตาลูบหัวเขา จากนั้นก็วางมือลงกลางหัวเขา ไม่รู้ว่าทำอะไร แต่ไม่นานก็ได้ยินเขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจ
“ดูเหมือนว่าจะเป็นพวกเจ้าสองคนอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว”
สายตารักใคร่ของชายชราจับจ้องไปที่ทั้งสอง ยิ้มบอกว่า “ไปกับข้าเถิด!” สิ้นเสียง เขาสะบัดแส้ในมือ จ้าวหยางที่นอนอยู่บนพื้นถูกย้ายตัวไปไว้บนถาดบิน
“ท่านปู่เทพเซียน ท่านจะพาพวกข้าไปไหนหรือ?” เสี่ยวเฟิ่งเย่ยืนนิ่งไม่ขยับ
………………………………….
ตอนที่ 1684 พบเบาะแส
“ไปยังที่ที่พวกเจ้าควรไป” ชายชราลูบหนวดยิ้มๆ ยื่นมือไปหาเขา “ไปกับข้าเถิด!”
“แต่ว่า แต่ว่าข้ายังต้องตามหาท่านพ่อกับท่านแม่ของข้า แล้วยังต้องตามหาหลานสาวของข้าอีกนะ!” เสี่ยวเฟิ่งเย่เอามือไปไว้ข้างหลัง ถอยหลังหนึ่งก้าว “หากข้าไป ข้าก็ไม่ได้พบท่านพ่อกับท่านแม่แล้ว หลานสาวของข้าก็จะตามหาข้าไม่เจอด้วย”
“หึๆๆ” ชายชราหัวเราะเบาๆ เขามองเสี่ยวเฟิ่งเย่ด้วยสายตาลึกซึ้ง แล้วพูดอย่างมีความนัยแฝงว่า “ไม่ใช่ว่าไม่ได้พบ แต่ยังไม่ถึงเวลาต่างหาก”
“ทำไมเล่า?” เด็กน้อยเหมือนจะชอบตั้งคำถามว่าทำไม เพราะเขาไม่เข้าใจที่ชายชราพูดเลย
ชายชราที่เดิมทีไม่อยากพูดอะไรมากเห็นเด็กน้อยถอยหลัง แล้วยังเอามือไปซ่อนไว้ข้างหลัง ไม่ยอมเดินทางไปกับเขา จึงได้แต่อธิบายด้วยความจนใจ “ข้าถามเจ้า ยามเจ้าเกิด แม่ของเจ้าคลอดเจ้าลำบากใช่หรือไม่?”
เสี่ยวเฟิ่งเย่กะพริบตาปริบๆ พลางครุ่นคิด ไม่นานก็พยักหน้า “ใช่แล้ว! ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าเคยบอก ว่าตอนที่คลอดข้าเกือบตายแล้ว เป็นหลานสาวข้าที่ช่วยท่านแม่ข้าทำคลอด ฉะนั้นพวกข้าถึงรอดมาได้”
เรื่องนี้เรียกได้ว่าเขาได้ยินพวกเขาเล่าให้ฟังมาตลอดตั้งแต่จำความได้ บอกว่าหากไม่ได้เฟิ่งจิ่ว พวกเขาคงตายไปแล้ว แต่เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเรื่องตอนนี้ด้วยเล่า?
ชายชรายิ้มๆ สะบัดแส้ในมือ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เป็นตายลิขิตโดยสวรรค์ แต่คนบางคนกลับฝืนชะตาฟ้าลิขิต เพราะเหตุนี้ ถึงได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมาย”
เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง ก่อนจะมองเสี่ยวเฟิ่งเย่แล้วอธิบายว่า “เจ้ารู้หรือไม่เหตุใดนักพรตเฒ่าจึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้?” เห็นเด็กน้อยส่ายหน้าอย่างงุนงง เขาจึงยิ้มบอกว่า “นั่นเพราะพวกเจ้ามีวาสนาเป็นศิษย์อาจารย์กับนักพรตเฒ่าอย่างไรเล่า
แล้ววาสนานี้ ก็เป็นพรหมลิขิตที่เกิดขึ้นตามชะตาที่เปลี่ยนแปลงไป พวกเจ้ามีวาสนากับข้า แต่กลับมีวาสนากับพ่อแม่และครอบครัวน้อยนัก ด้วยเหตุนี้ คนที่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่จึงเป็นข้า คนที่ช่วยพวกเจ้าจากอันตรายก็เป็นข้า แต่ไม่ใช่คนในครอบครัวของพวกเจ้า”
“ข้าอธิบายเช่นนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?” ชายชรายิ้มถาม
เด็กน้อยเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ แต่กลับฟังออกคร่าวๆ จึงถามว่า “เช่นนั้นต่อไปข้าจะยังได้พบท่านพ่อกับท่านแม่แล้วก็พวกหลานสาวของข้าหรือไม่?”
“หากมีวาสนาย่อมได้พานพบ”
ได้ยินอย่างนั้น เสี่ยวเฟิ่งเย่ก้มหน้าครุ่นคิด กอปรกับเห็นหยางหยางบาดเจ็บไปทั้งตัวและหมดสติไปแล้ว จึงถามอีกว่า “เช่นนั้นท่านปู่เทพเซียนจะรับข้ากับหยางหยางเป็นศิษย์หรือ? เหตุใดท่านปู่เทพเซียนจึงแทนตนเองว่านักพรตเฒ่า? นักพรตเฒ่าคือพระหรือ? ข้าไม่อยากโกนหัว”
“ฮ่ะๆๆๆๆ…”
ได้ยินคำพูดเด็กน้อยเหล่านั้น ชายชราหัวเราะอย่างมีความสุข “ไปกันเถิด! ไปกับข้า แล้วพวกเจ้าก็จะรู้เอง” สิ้นเสียง ก็หมุนตัวเดินขึ้นไปบนถาดบิน
เห็นอย่างนั้น เสี่ยวเฟิ่งเย่กัดเม้มริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เดินตามขึ้นไปบนถาดบิน ไม่นานก็เห็นถาดบินลอยขึ้นกลางอากาศในพริบตา ก่อนจะกลืนหายเข้าไปในหมู่เมฆ…
หนึ่งวันต่อมา เมื่อพวกเฟิ่งจิ่วเดินตามเส้นทางลับมาจนถึงเมืองที่เด็กน้อยสองคนอาศัยอยู่ในช่วงที่ผ่านมา ก็เริ่มออกสืบหา พบว่าเด็กสองคนเคยอยู่ที่นี่ดังคาด
พวกเขาสืบเสาะไปตามเบาะแสที่ได้ จึงรู้ว่าพวกเขาถูกนักค้ามนุษย์จับตัวไปขายในตลาดค้าทาส ก่อนจะหลบหนีไป ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงออกค้นหาตามเส้นทางในพื้นที่นี้ แต่นึกไม่ถึง กลับเจอเศษผ้าและรองเท้าถูกฉีกทึ้งอยู่ใต้ต้นไม้ในป่าผืนน้อย รวมถึงรอยเลือดกระดำกระด่างบนพื้นดินด้วย
เรียกได้ว่า เหล่าองครักษ์ประจำตระกูลเฟิ่งที่เจอร่องรอยพวกนั้นต่างก็ตึงเครียด เพราะพอมาถึงตรงนี้ เบาะแสก็ขาดหายไปแล้ว พวกเขาทำได้แค่ส่งข่าวให้เฟิ่งจิ่ว ให้เธอมาดูด้วยตนเอง
และคนที่มาด้วยกัน นอกจากเฟิ่งจิ่วแล้วก็ยังมีพวกเฟิ่งเซียวด้วย…
………………………………….
———————————