เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1685 เจ้ากลับไปก่อน ตอนที่ 1686 ทำลายกับมือ
ตอนที่ 1685 เจ้ากลับไปก่อน / ตอนที่ 1686 ทำลายกับมือ
ตอนที่ 1685 เจ้ากลับไปก่อน
“นายท่าน เป็นที่นี่ขอรับ”
หลัวอวี่ก้าวเข้ามา ยื่นรองเท้าข้างหนึ่งและเศษผ้าเปื้อนเลือดให้เธอดู “เศษผ้านี้แม้จะสกปรก แต่ก็ยังพอดูออกว่าเป็นเสื้อผ้าของพวกเขา อีกทั้งจากการตรวจสอบ ตอนนั้นมีคนได้ยินเสียงคำรามของเสือร้ายดังออกไปจากป่าผืนน้อยแห่งนี้ เกรงว่าจะเป็น…”
เสื้อผ้าของเสี่ยวเฟิ่งเย่กับหยางหยางเป็นเสื้อผ้าที่สั่งทำ หากตรวจสอบอย่างละเอียดจะรู้ได้ไม่ยากว่าเศษผ้าพวกนี้เป็นแบบเดียวกัน เพียงแต่พวกเขาไม่มีทางคาดคิด ว่าพอตามหาเด็กทั้งสองเจอ กลับต้องมาเห็นเศษผ้าเปื้อนเลือดเช่นนี้
เฟิ่งจิ่วถือรองเท้าข้างนั้น หัวใจหนักอึ้ง เนิ่นนานไม่รู้จะพูดอะไรดี ทั้งสองไม่อยู่แล้วจริงๆ หรือ? พวกเขาตายด้วยเขี้ยวเล็บของเสือร้ายไปแล้วจริงๆ หรือ?
“กลับกันเถิด!”
เฟิ่งเซียวเอ่ย ใบหน้าซีดขาว หมุนตัวออกเดิน พวกท่านพ่อตายกลางเพลิงทะเล ยามนี้เขากลับไม่อาจช่วยได้แม้แต่น้องชายของเขา ปล่อยให้เขาต้องตายด้วยเขี้ยวเล็บของเสือร้าย ภายหน้าเขาจะมีหน้าไปพบพวกท่านพ่อของเขาในปรโลกได้อย่างไร?
เห็นท่านพ่อของเธอหมุนตัวเดินกลับไป เฟิ่งจิ่วก้มหน้าเก็บงำสายตา หัวใจหนักอึ้ง ไม่รู้จะทำเช่นไรดี พักนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ทำให้เธอแทบตั้งตัวไม่ทัน
ยามนี้ ศัตรูจับตามองอยู่ในที่มืด เธอกลับไม่มีพลังไปต่อกรกับพวกเขา ไม่รู้จริงๆ ว่าทั้งหมดนี้จะจบลงเมื่อใด สถานการณ์จะพลิกผันเมื่อใด?
เฟิ่งจิ่วที่กลับมาถึงวังมุ่งหน้าไปที่ตำหนักใหญ่ ก็เห็นเริ่นเสียงเดินมาหาเธอด้วยสีหน้าตึงเครียด เห็นอย่างนั้น เธอหยุดเดินแล้วถามว่า “เหตุใดสีหน้าเจ้าไม่ค่อยดี? เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
เริ่นเสียงมองเธอแวบหนึ่ง แล้วพยักนห้า “ภูตหมอ ข้ามีเรื่องจะบอกท่าน เป็นเรื่องเกี่ยวกับนายท่าน”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วนัยน์ตาไหวระริก พลางเดินไปทางตำหนักด้านหลังพร้อมกับเขา แล้วนั่งในศาลา “มีเรื่องใด? ว่ามาเถิด!”
“พักนี้ทางจักรวรรดิเซวียนหยวนเองก็เกิดเรื่องขึ้นเช่นกัน ผู้ครองแคว้นถูกทำลายวรยุทธ์ แก่นพลังในถูกทำลาย ยามนี้กลายเป็นคนธรรมดาไปแล้ว เพราะจักรวรรดิมีทั้งปัญหาภายนอกและภายใน นายท่านจึงยังเดินทางมาที่นี่ไม่ได้ เขาให้คนส่งข่าวมาให้ท่านขอรับ” ขณะรายงาน เริ่นเสียงยื่นจดหมายให้เฟิ่งจิ่ว
คำบอกเล่าของเริ่นเสียง ทำให้หัวใจของเฟิ่งจิ่วหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม แม้แต่จักรวรรดิเซวียนหยวนก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นงั้นหรือ? พ่อของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ กษัตริย์ผู้แข็งแกร่งท่านนั้น ถูกคนทำลายวรยุทธ์จนกลายเป็นคนธรรมดาแล้วงั้นหรือ?
ยิ่งคิดก็ยิ่งหวั่นใจ กลุ่มอำนาจกลุ่มนี้ คิดจะทำลายราชวงศ์เฟิ่งหวงและจักรวรรดิเซวียนหยวนงั้นหรือ?
เธอเปิดซองแล้วอ่านจดหมายที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อส่งให้เธอ ในจดหมาย เขาเล่าเรื่องที่สะสางอยู่ในช่วงนี้ให้เธอฟัง รวมถึงเรื่องที่พ่อของเขาถูกทำลายวรยุทธ์ด้วยเช่นกัน
หลังอ่านจดหมายจบ เธอครุ่นคิด แล้วพูดกับเริ่นเสียงว่า “เรื่องทางนี้ก็กลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องคอยคุ้มกันอีก เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! เจ้าพาคนกลับไปช่วยเขาที่จักรวรรดิเซวียนหยวนก่อนเถิด”
“แต่ว่า ศัตรูของพวกท่านยังอยู่…”
เริ่นเสียงลังเล ศัตรูยังอยู่ในที่มืด หนำซ้ำไม่รู้ว่าพวกนั้นจากไปแล้วหรือยัง หากเขาไม่อยู่จะดีจริงหรือ? แม้ใจเขาจะเป็นห่วงพวกนายท่านมาก แต่นายท่านก็ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนางมากเช่นกัน เขากลัวว่าหากตนเองไป แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ แล้วจะทำอย่างไร?
“เจ้าวางใจแล้วไปเถิด! เรื่องทางนี้ข้าจะหารือกับท่านพ่อสักหน่อย ข้ามีแผนในใจแล้ว” เธอบอกเพื่อไม่ให้เขากังวล
ขณะบอก ก็ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกำชับอีกว่า “ก่อนไปเจ้ามาหาข้าก่อน ข้าจะเตรียมยาเอาไว้ให้เจ้าพกกลับไปด้วย เอาไว้ป้องกันตัว”
………………………………….
ตอนที่ 1686 ทำลายกับมือ
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ! ข้ากลับไปเตรียมตัวก่อน” เริ่นเสียงประสานมือคารวะ จากนั้นก็หมุนตัวเดินกลับไป
มองดูเขาเดินห่างออกไป เฟิ่งจิ่วนั่งอีกครู่หนึ่ง แล้วค่อยมุ่งหน้าไปทางตำหนักใหญ่ เธอเจอกวนสีหลิ่นที่ตำหนักใหญ่ กลับไม่เห็นพวกท่านพ่อของเธอ จึงถาม “ท่านพี่ ท่านพ่อเล่า?”
“พ่อบุญธรรมกลับตำหนักไปแล้ว ข้าเห็นสีหน้าเขาเหมือนไม่ค่อยดี เลยบอกให้เขากลับไปพักผ่อนก่อน พักนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ข้ากลัวว่าเขาจะรับแรงกระทบกระเทือนใจมากมายขนาดนั้นไม่ไหว” กวนสีหลิ่นถอนหายใจ มองเธอ แล้วถามว่า “เริ่นเสียงหาเจ้ามีเรื่องใดหรือ?”
“เขาบอกข้าว่าทางโม่เจ๋อก็เกิดเรื่องเช่นกัน พ่อของเขาถูกทำลายวรยุทธ์ ยามนี้กลายเป็นคนธรรม กระทั่งสุขภาพยังไม่สู้คนธรรมดา กอปรกับแคว้นต่างๆ ในแปดจักรวรรดิใหญ่พากันกดดันพวกเขา ตอนนี้พวกเขาเองก็วุ่มีปัญหาไม่น้อยไปกว่าพวกเรา”
พูดมาถึงตรงนี้ เฟิ่งจิ่วถอนหายใจเบาๆ ทิ้งตัวนั่งพิงเก้าอี้ หรี่ตาบอกว่า “พักนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเกินไปแล้ว ข้าตั้งตัวแทบไม่ทัน หนำซ้ำศัตรูในที่มืดก็ไม่รู้ว่าจากไปแล้วหรือยัง? จะเล่นงานพวกเราอีกหรือไม่? ฉะนั้น ข้าคิดแผนขึ้นมาแผนหนึ่ง เดิมตั้งใจจะหารือกับพวกท่านพ่อ แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว พวกเขาคงไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว”
“แผนอะไรหรือ?” กวนสีหลิ่นถาม
เฟิ่งจิ่วลืมตา นั่งตัวตรงแล้วมองหน้าเขา “ข้าอยากล้มล้างราชวงศ์เฟิ่งหวง ข้าอยากทำให้ตระกูลเฟิ่งหายสายสูญเสียที่นี่!”
ได้ยินอย่างนั้น กวนสีหลิ่นสะท้านไปทั้งใจ “เจ้าหมายความว่า จะล้มราชวงศ์เฟิ่งหวงที่เจ้าสู้อุตส่าห์สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก? ทำลายราชวงศ์นี้เสีย? ให้ที่นี่ไร้ระบอบกษัตริย์ปกครอง? มีเพียงตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจต่างๆ? เจ้าหมายความเช่นนี้หรือ?”
“ถูกต้องแล้ว” เธอพยักหน้า “สร้างราชวงศ์หนึ่งขึ้นมานั้นง่าย แต่จะปกป้องราชวงศ์หนึ่งกลับไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะตอนนี้ที่พวกเรามีเรื่องบาดหมางกับศัตรูที่เราไม่อาจต่อกรได้เลยแม้แต่น้อย หากยังไม่ยอมปล่อยราชวงศ์นี้ไป สุดท้ายแม้แต่คนเราก็จะไม่เหลือเลย ราชวงศ์ก็จะเหลือแต่เปลือก ราชวงศ์เช่นนี้ไม่มีความหมายอะไรอยู่แล้ว
ข้าอยากถือโอกาสนี้ล้มราชวงศ์เสีย ให้พวกท่านพ่อกับท่านแม่ใช้ชีวิตสันโดษจากโลกภายนอก รอจนมีพลังแข็งแกร่งเมื่อใด หากเราคิดจะสร้างราชวงศ์ขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่ง นัยน์ตาลึกล้ำ “ข้ามีลางสังหรณ์ หากยังไม่ยอมปล่อยราชวงศ์เฟิ่งหวงในตอนนี้ไป เกรงว่าเรื่องราวจะยิ่งยากแก้ไข พวกท่านปู่ก็ไม่อยู่แล้ว ข้าไม่กล้าคิดว่าหากแม้แต่ท่านพ่อกับท่านแม่เป็นอะไรไปอีก เช่นนั้น…”
เธออยากปกป้องคนในครอบครัว อยากปกป้องคนที่สำคัญกับเธอ แต่ก่อนที่พลังของนางจะแข็งแกร่งจนถึงขั้นสูงสุด หากพวกเขาเป็นอะไรไป ก็เกรงว่าแม้ภายหน้าเธอจะได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก มีอำนาจที่ไม่มีใครเทียบได้ ก็คงไม่มีความหมายใดอีก
กวนสีหลิ่นได้ยินแผนของนางก็ครุ่นคิดเงียบๆ ผ่านไปครู่หนึ่งก็บอกว่า “เรื่องนี้ปรึกษากับพ่อบุญธรรมและแม่บุญธรรมก่อนก็ได้ แม้จะรู้สึกเสียดาย แต่ไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจเช่นไรข้าก็จะสนับสนุนเจ้า ข้าเชื่อว่าขอเพียงอธิบายให้พวกเขาฟังอย่างละเอียด พวกเขาจะต้องเข้าใจแน่
ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้องครักษ์ประจำตระกูลเฟิ่งก็ล้มหายตายจากไปไม่น้อย พลังต่อสู้อ่อนลงมาก แม้คนพวกนั้นจะไม่เล่นงานเราอีก ก็เกรงว่าแคว้นอื่นจะฉวยโอกาสนี้เล่นงานเรา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้พวกเราเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ก่อนดีกว่า”
ทั้งสองปรึกษาหารือกันอยู่ในตำหนัก หลังจากตกลงกันคร่าวๆ ก็มุ่งหน้าไปทางตำหนักด้านหลัง ตั้งใจจะบอกเรื่องนี้กับพวกเฟิ่งเซียว
………………………………….