เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1741 มอบหมายให้ท่านแล้ว ตอนที่ 1742 สองคนสูสี
ตอนที่ 1741 มอบหมายให้ท่านแล้ว / ตอนที่ 1742 สองคนสูสี
ตอนที่ 1741 มอบหมายให้ท่านแล้ว
คนที่เหลือมองหน้ากัน ไม่มีใครตอบได้สักคน
พวกเขาไม่เคยประมือกับภูตหมอเฟิ่งจิ่ว ย่อมไม่รู้พลังของนาง ทว่า สามารถบีบให้ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายให้ก้มหัวได้ เห็นได้ว่าพลังไม่ธรรมดาจริงๆ
ในตำหนักใหญ่ของวังบุริมฉาย สองฝั่งซ้ายขวามีกวนสีหลิ่นกับตู้ฝาน รวมถึงเหล่าองครักษ์เฟิ่งยืนเรียงแถวกันอยู่ เหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวายืนประกบข้างซ้ายและข้างขวาของแท่นนั่งสูงสุดในตำหนัก และบนแท่นนั่งนั้น ผู้ที่นั่งอยู่ก็คือเฟิ่งจิ่วที่สวมชุดสีแดงเพลิงสะดุดตานั่นเอง
เธอนั่งเอียงตัวยกมือชันคางอยู่ตรงนั้น มองผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายที่ยืนอยู่กลางตำหนัก พูดด้วยน้ำเสียงแช่มช้าว่า “ในเมื่อเคารพข้าเป็นนานแล้ว เช่นนั้นข้าจะมอบหมายหน้าที่ต่อจากนี้ให้เจ้าไปทำ”
ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายกลืนน้ำลาย ถามว่า “นายท่านโปรดไขความกระจ่าง”
“อีกสองจักรวรรดิที่เหลือมอบหมายให้เจ้าไปจัดการ หนึ่งเดือนหลังจากนี้ ข้าต้องการให้สองจักรวรรดินี้หายไปเสีย!” เธอสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ได้ยินอย่างนั้น ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายตกตะลึง “หนึ่งเดือน? หนึ่งเดือนจะทำได้อย่างไรกัน? ระยะห่างระหว่างสองจักรวรรดินี้ก็ค่อนข้างไกลกันด้วย”
“ทำไม่ได้หรือ?” เธอเหล่มอง แล้วถามเสียงเอื่อย
เห็นสายตาของเฟิ่งจิ่วตวัดมองมาที่ตนเอง ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายรีบก้มหน้า ตอบว่า “ขอรับ! ข้าจะทำให้ได้ภายในหนึ่งเดือนแน่นอน! ไม่มีทางทำให้นายท่านผิดหวังแน่นอน!”
“ท่านพี่ ท่านพาคนไปช่วยเขาด้วย ภายในหนึ่งเดือน ข้าต้องการให้สองจักรวรรดินี้หายไปเสีย” เฟิ่งจิ่วหันไปบอกกวนสีหลิ่น
“ไม่มีปัญหา!” กวนสีหลิ่นตอบรับด้วยน้ำเสียงกังวาน
ส่วนผู้ครองแคว้นจักวรรดิบุริมฉายที่ได้ยินอย่างนั้นก็ลิงโลด ดียิ่งนัก! มีกวนสีหลิ่นคอยช่วย ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมาก
เฟิ่งจิ่วครุ่นคิด แล้วพูดเสริมว่า “ท่านพากลืนเมฆากับเหล่าไป๋ไปด้วยก็แล้วกัน! ให้พวกมันฝึกฝนมากหน่อย วันนี้ก็พักผ่อนให้เต็มที่ แยกย้ายกันได้แล้ว!”
“ขอรับ” ทุกคนรับคำ แล้วทยอยเดินออกไป มีเพียงกวนสีหลิ่นที่อยู่ต่อ
“เสี่ยวจิ่ว เก็บบุริมฉายไว้เช่นนี้ภายภาคหน้าจะไม่มีปัญหาหรือ?” กวนสีหลิ่นถามเรื่องที่เขากังวลใจ ถึงอย่างไรคนที่ทำพิธีผูกพันธสัญญาต่อฟ้าดินก็มีแค่ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายคนเดียว
“ไม่เป็นไร”
เธอยิ้มๆ แล้วบอกว่า “มีบทเรียนครั้งนี้เตือนใจ แม้ไม่ได้ทำพิธีผูกพันธสัญญาพวกเขาก็ไม่กล้าเป็นศัตรูกับข้าแล้ว เก็บบุริมฉายไว้ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน อย่างน้อย หากภายหน้าพวกเขากล้าแปรพักตร์ ค่อยทำลายพวกเขาตอนนั้นก็ยังไม่สาย”
“ในเมื่อเจ้าว่าเช่นนี้ ก็ทำตามนี้แล้วกัน!” กวนสีหลิ่นเดินไปนั่งด้านหนึ่ง “เรื่องที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกข้าได้แล้ว เจ้าจะเดินทางไปจักรวรรดิเซวียนหยวนก่อนหรือ? โม่เจ๋อคงรอจนร้อนใจแล้ว”
“อืม ข้าจะไปดูสักหน่อยว่าทางนั้นมีปัญหาอะไรอีกหรือไม่ หลังช่วยเขาสะสางปัญหาเสร็จ ข้าจะเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำ” เธอมองออกไปข้างนอกด้วยแววตาลึกล้ำ มิอาจลืมเหตุการณ์ที่บ้านเมืองถูกทำลายและครอบครัวต้องพรัดพราก
“ได้ เจ้าวางใจเถิด! เรื่องที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าก็พอ” เขากล่าวเสียงขรึม
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า มองเขา แล้วเผยรอยยิ้ม “พรุ่งนี้ข้าจะพาฮุยหลางกับพวกเหลิ่งซวงเดินทางไปจักรวรรดิเซวียนหยวนก่อน หากมีเรื่องใด ก็ติดต่อพวกข้ามาได้”
ได้ยินอย่างนั้น กวนสีหลิ่นรับคำ “ได้ ข้าเข้าใจแล้ว”
ค่ำคืนนี้ คนของจักรวรรดิบุริมฉายกำลังทำแผล พักฟื้นร่างกาย ส่วนเหล่าองครักษ์เฟิ่งแยกย้ายเข้าที่พัก เหลือเพียงสองคนไว้เฝ้ายาม ที่เหลือก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
เช้าวันต่อมา ยามฟ้าสาง เฟิ่งจิ่วพาพวกฮุยหลางเดินทางออกจากจักรวรรดิบุริมฉายแห่งนี้ไปอย่างเงียบงัน…
………………………………….
ตอนที่ 1742 สองคนสูสี
ณ จักรวรรดิเซวียนหยวน
ยามเซวียนหยวนโม่เจ๋อมองชายหนุ่มในชุดขาว ยืนยิ้มอย่างสง่างามอ่อนโยนดุจเทวดาชั้นฟ้าอยู่ตรงหน้า คิ้วของเขาค่อยๆ ขมวดเข้าหากันอย่างอดไม่ได้
“ท่านมาทำอะไรที่นี่?” น้ำเสียงของเขาแสดงออกถึงความไม่ชอบและรังเกียจที่มีต่ออีกฝ่ายอย่างไม่คิดปิดบัง
ชายหนุ่มผู้นี้ที่มักวนเวียนอยู่รอบตัวหญิงคนรักของเขา ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเขาก็รู้สึกไม่ดีกับอีกฝ่ายแล้ว เพราะสำหรับเขา คนคนนี้ปรากฏตัวเมื่อใดก็มักจะตามติดผู้หญิงของเขาตลอด เห็นแล้วขัดหูขัดตายิ่ง
ใบหน้างดงามดุจเทวดาชั้นฟ้าของโม่เฉินประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนสง่างาม มองเซวียนหยวนโม่เจ๋อในชุดคลุมสีดำที่นั่งผึ่งผายอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ ไม่ได้เจอกันครึ่งปี กลิ่นอายกษัตริย์รอบกายเขายิ่งชัดเจนขึ้น ทั่วทั้งตัวปกคลุมไปด้วยบารมีน่าเกรงขาม ทำให้เขาอดถอนหายใจไม่ได้ กษัตริย์ อย่างไรก็ยังคงเป็นกษัตริย์อยู่วันยังค่ำ
“ท่านวางใจ ข้าไม่ได้มาหาท่าน ข้ามาที่นี่เพื่อรอเฟิ่งจิ่ว” เขาสาวเท้าแช่มช้า เดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านข้าง ยกถ้วยชาบนโต๊ะ แต่กลับไม่เห็นน้ำชา จึงหันไปพูดกับอิ่งอีที่เร้นกายอยู่ในที่มืด “อิ่งอี สั่งให้คนยกชามาให้ข้าสักถ้วยเถิด! ตลอดการเดินทางแม้แต่น้ำก็ยังไม่ได้ดื่ม”
อิ่งอีชำเลืองมองโม่เฉินที่ทำตัวสบายราวกับอยู่บ้างตนเองแวบหนึ่ง แล้วแอบเหลือบมองนายท่านที่กำลังทำหน้าเครียด เห็นเขาไม่พูดอะไร จึงไหวกายออกไปข้างนอก แล้วสั่งให้คนนำชามาสองถ้วย เขายกเข้ามาด้วยตนเอง ถ้วยหนึ่งวางลงบนโต๊ะตรงหน้านายท่านของเขา ถ้วยหนึ่งวางไว้ข้างเก้าอี้ที่โม่เฉินนั่งอยู่
“อย่างนั้นท่านน่าจะรู้ นางไม่ได้อยู่ที่นี่” เซวียนหยวนโม่เจ๋อยกน้ำชาขึ้นจิบ เพียงแต่สีหน้ายังคงดำทะมึนเช่นเดิม
ผู้ชายคนหนึ่ง หนำซ้ำยังเป็นชายหนุ่มหน้าละอ่อน เดินเข้ามาถึงในบ้านแล้วบอกเจ้าว่า ข้ามารอผู้หญิงของเจ้า ไม่ต้องเดาก็รู้ ว่าความรู้สึกเป็นเช่นไร
เขารู้ว่าใครๆ ก็ต้องการแย่งชิงผู้หญิงของเขา เผลอไผลแวบเดียวก็อาจถูกผู้อื่นหมายตาได้ แต่ครึ่งปีมานี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย คำนวณดูแล้วทั้งสองไม่ได้เจอกันครึ่งปี หนำซ้ำพวกเขาสองคนเดิมทีก็มีโอกาสอยู่ด้วยกันน้อยมาก ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกไม่ปลอดภัย
โม่เฉินพยักหน้า “อืม ข้ารู้นางไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ไม่นานก็น่าจะกลับมาแล้ว ข้าจึงมารอนางที่นี่” ใบหน้าของเขาประดับไว้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนสง่างาม มองเซวียนหยวนโม่เจ๋อแวบหนึ่ง แล้วยกชาขึ้นจิบ
จากนั้น ก็เอ่ยเสียงแช่มช้า “อีกอย่าง คราวนี้ข้าตั้งใจจะติดตามอยู่ข้างกายนาง หลังสะสางเรื่องราวที่นี่แล้ว ข้าคิดว่านางน่าจะเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำ ข้าคุ้นเคยกับที่นั่นพอดี มีข้าอยู่ข้างกายนางท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก”
อิ่งอีที่ยืนอยู่ข้างหนึ่งปาดเหงื่อบนหน้าผาก รู้สึกเพียงอุณหภูมิในห้องนี้เหมือนจะต่ำลงหลายส่วน อีกทั้งยังมีไอพิฆาตกระจายอยู่ในอากาศรอบตัว ทำให้เขาที่ยืนอยู่ตรงนี้กระสับกระส่ายอยู่ไม่สุข
คุณชายโม่เฉินผู้นี้ ตั้งใจมาหาเรื่องกระมัง? เขาไม่กลัวนายท่านจะเดือดดาลจนปลิดชีวิตเขาเลยหรืออย่างไร?
แต่จะว่าไปแล้ว พลังของสองคนนี้ ใครแกร่งกว่าใครกันแน่นะ?
นึกมาถึงตรงนี้ สายตาของเขาอดมองพิจารณากลับไปกลับมาระหว่างพวกเขาสองคนไม่ได้ พลางลอบคาดเดาในใจ เดิมทีคุณชายโม่เฉินมาจากตระกูลใหญ่ในแผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำ ได้ยินมาว่าในตระกูลเขามีฐานะไม่ธรรมดา ทั้งยังเป็นศิษย์ของผู้เฒ่าเทียนจี ปูมหลังเช่นนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่านายท่านของเขาเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็มีเปลือกนอกที่ดูดีมาก ดวงหน้าที่งดงามดุจเทวดาชั้นฟ้านั่น รวมถึงบุคลิกสง่างามและวรยุทธ์ลึกล้ำยากคาดเดา หากคิดจะแย่งภูตหมอกับนายท่านจริงๆ เรียกว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจได้เลย
………………………………….