เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1763 ผู้ชายของข้าจะหึงเอา ตอนที่ 1764 สลัดทิ้งก็ได้แล้ว
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1763 ผู้ชายของข้าจะหึงเอา ตอนที่ 1764 สลัดทิ้งก็ได้แล้ว
ตอนที่ 1763 ผู้ชายของข้าจะหึงเอา / ตอนที่ 1764 สลัดทิ้งก็ได้แล้ว
ตอนที่ 1763 ผู้ชายของข้าจะหึงเอา
เป็นวาสนา มิใช่คราวเคราะห์ แม้เป็นคราวเคราะห์ก็หนีไม่พ้น ทุกอย่างปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็แล้วกัน!
วันต่อมา พอเฟิ่งจิ่วตื่น ก็ไม่เห็นเงาร่างของเซวียนหยวนโม่เจ๋ออยู่ข้างๆ แล้ว ลองนึกดูก็จำได้ว่า เหมือนเมื่อคืนเขาเคยบอกว่าวันนี้จะไปกางเขตอาคมคุ้มครองให้เสด็จพ่อของเขา
เธอนวดหัวคิ้ว แล้วขานเรียก “เหลิ่งซวง”
เหลิ่งซวงที่อยู่ข้างนอกได้ยินก็เข้ามา “นายท่าน”
“เตรียมน้ำอาบให้ข้าที” เธอลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย อาบน้ำให้สดชื่นก่อน แล้วก็ถือโอกาสล้างกลิ่นสุราบนตัวด้วย เมื่อคืนกลับมาก็ล้มตัวนอนเลย พอดมดูก็พบว่าบนตัวยังมีกลิ่นหอมของสุราติดอยู่
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงรับคำ หมุนตัวเดินออกไปเตรียมน้ำอาบ
ครึ่งชั่วยามผ่านไป เฟิ่งจิ่วเดินออกจากตำหนัก ยามเดินผ่านภูเขาจำลอง ก็เห็นมู่หรงอี้เซวียนนั่งอยู่ในศาลา เธอชะงักเท้า เดินเข้าไปหา แล้วนั่งที่โต๊ะ “อยู่ที่นี่คุ้นชินดีหรือไม่?”
มู่หรงอี้เซวียนมองเธอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ เห็นเธอเรียวคิ้วและดวงตางดงามดุจภาพวาด ระหว่างหัวคิ้วสะท้อนด้วยความมั่นใจและเจ้าเล่ห์ มีเสน่ห์เย้ายวนใจถึงเพียงนั้น หัวใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อย รีบหลบตา ตอบว่า “ข้าเป็นคนตื่นง่ายอยู่แล้ว จะคุ้นชินหรือไม่ก็หลับได้ไม่ลึก”
เฟิ่งจิ่วนั่งลงตรงนี้ เหลิ่งซวงที่เดินตามหลังมาจึงหันไปกำชับกับสาวใช้ที่เดินผ่านมา ให้พวกนางไปยกน้ำชากับของว่างมา
“ดูท่าทางของท่าน หลายปีมานี้คงอยู่สุขสบายดี” เฟิ่งจิ่วว่า พลางยกกาน้ำชาขึ้นมา จากนั้นรินน้ำชาสองถ้วย
มู่หรงอี้เซวียนที่ได้ยินอย่างนั้นมองเธอ ถามว่า “เจ้าเล่า? หลายปีมานี้สบายดีกระมัง?”
“ก็ยังเหมือนเดิม ไปไหนก็มีแต่เรื่องวุ่นวาย” เฟิ่งจิ่วพูดหยันตนเองอย่างยิ้มๆ “ขอเป็นที่ที่มีข้าอยู่ ก็มักมีเรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้นเสมอ”
“เรื่องวุ่นวายก็เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง ดูเพียงว่าเจ้าจะรับมือกับมันอย่างไร” มู่หรงอี้เซวียนเอ่ยเสียงแช่มช้า มองเธอที่อยู่ตรงหน้า นัยน์ตาไหวระริก “มีเรื่องหนึ่งเจ้าอาจยังไม่รู้”
“อ้อ? เรื่องอะไรหรือ?” เฟิ่งจิ่วยกชาขึ้นจิบคำหนึ่งพลางถาม
“คำทำนายเกี่ยวกับดาราหงส์ของผู้เฒ่าได้แพร่กระจายออกไปนานแล้ว แม้แต่อำนาจบางฝ่ายที่อยู่ฝั่งแผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำ ก็เริ่มเคลื่อนไหวลับๆ กันแล้ว บ้างก็อยากกำจัดเจ้า บ้างก็อยากปกป้องเจ้า บ้างก็รอดูสถานการณ์อยุ่” เขามองเธอขณะพูด เห็นเธอหลุบตา สีหน้ายังคงเป็นปกติ ก็อดกระดกมุมปาก เผยยิ้มจางๆ ไม่ได้
“ดูท่า เจ้าไม่ได้กังวลเลยสักนิด”
แต่เฟิ่งจิ่วที่ได้ยินประโยคนั้นกลับเงยหน้ายักคิ้วมองเขา ถามด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม “ท่านรู้หรือว่าเฟิ่งซิงหมายถึงข้า?”
“มองไปทั่วใต้หล้านี้ ข้าคิดว่าน่าจะมีเพียงเจ้าแล้” เขาตอบเสียงนุ่มนวล มองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง “ยิ่งไปกว่านั้น ปีนั้นเจ้าเองก็เคยพูดประโยคหนึ่งกับข้าไม่ใหรือ? เมื่อนึกเชื่อมโยงดูแล้ว เดาได้ไม่ยากว่าเป็นเจ้า”
พอเขาเตือนสติ เฟิ่งจิ่วก็นึกถึงคำพูดพวกนั้นที่เธอเคยบอกเขา เธออดยิ้มไม่ได้ “ใต้หล้านี้มีคนยอดเยี่ยมอยู่ตั้งมากมาย บางที เฟิ่งซิงอาจหมายถึงคนอื่นก็ยังไม่แน่ อย่างน้อย ตัวข้าเองไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้นัก” เพราะถึงเธอจะอยากแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ไม่เคยมีความคิดทะเยอทะยานอยากครองโลกอย่างนั้น
สายตาของมู่หรงอี้เซวียนจับจ้องที่ใบหน้างามสะคราญของเธอ ชั่วขณะหนึ่ง เขาหลุดพูดออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว “โลกนี้มีคนยอดเยี่ยมอยู่มากมายขนาดนั้น แต่กลับไม่มีใครเทียบเจ้าได้สักคน”
สิ้นเสียง ก็อดตะลึงไม่ได้ เขาส่ายหน้า มองเธอที่อึ้งงันเล็กน้อยพลางยิ้มน้อยๆ “ข้าพูดจริงๆ ในใจข้า ไม่เคยมีใครเทียบเจ้าได้”
เฟิ่งจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง แล้วตอบว่า “ขอบคุณที่ชม แต่ข้าหวังว่าต่อไปท่านจะพูดอย่างนี้กับข้าให้น้อยหน่อย ผู้ชายของข้าจะหึงเอา”
………………………………….
ตอนที่ 1764 สลัดทิ้งก็ได้แล้ว
มู่หรงอี้เซวียนตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเก้อๆ “ข้าเข้าใจแล้ว ต่อไปข้าจะระวัง” ในดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มองเธอ แล้วถามว่า “พวกเจ้าสองคนยังไม่คิดจะเตรียมเรื่องแต่งงานอีกเหรอ?”
เขาประหลาดใจเล็กน้อย ทั้งสองก็รู้จักกันมาหลายปีแล้ว เหตุใดจนถึงตอนนี้เซวียนหยวนโม่เจ๋อก็ยังไม่สู่ขอนางกลับบ้านอีก? นางในดวงใจโดดเด่นปานนี้ หรือไม่กลัวใครจะมาหมายปองเข้า?
“เดิมทีก็เตรียมเรื่องไว้อยู่ แต่ปีนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ตั้งตัวไม่ทัน เรื่องนี้จึงต้องชะลอไปก่อน” เธอยิ้มตาหยี “แต่สำหรับพวกข้า การแต่งงานก็เป็นเพียงพิธีการอย่างหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”
ทั้งสองอยู่พูดคุยในศาลาครู่หนึ่ง เฟิ่งจิ่วเห็นว่าสายแล้ว จึงลุกขึ้น “ข้ายังมีธุระ ไม่อยู่คุยกับท่านแล้ว หากท่านรู้สึกเบื่อก็ให้คนพาไปเดินเล่นรอบๆ วังได้”
“เจ้าไปทำธุระเถิด!” มู่หรงอี้เซวียนพยักหน้า มองเธอหมุนตัวเดินจากไป เนิ่นนาน จึงค่อยละสายตากลับมาแล้วดื่มชาต่อ
เดิมเฟิ่งจิ่วตั้งใจจะไปเยี่ยมผู้ครองแคว้นเซวียนหยวน แต่เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อเดินสวนมาระหว่างทาง พอเห็นเขา เธอก็เดินเข้าไปถามด้วยความประหลาดใจ “ท่านมาอยู่นี่ได้อย่างไร?”
“ไม่ต้องไปแล้ว เขาเริ่มเก็บตัวไปแล้ว” เซวียนหยวนโม่เจ๋อบอก กุมมือเธอเดินไปข้างหน้า “ข้าคอยกางเขตอาคมเพื่อคุ้มครองเขา ยาเขาก็กินแล้ว ตอนนี้เพียงรอเขาออกจากการเก็บตัวก็พอ”
“ตอนแรกข้ายังอยากไปดูสักหน่อย แต่ในเมื่อเก็บตัวไปแล้ว เช่นนั้นก็ช่างเถิด” เธอยกมือขึ้นเปลี่ยนเป็นคล้องแขนเขา ทั้งสองเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ ข้างหลัง มีเหลิ่งซวงกับอิ่งอีเดินตามมา
“ข้าคิดว่าอีกไม่กี่วันจะให้องครักษ์เฟิ่งคุ้มกันพวกท่านปู่กลับไปก่อน มีพวกท่านพ่อของข้าอยู่ข้างๆ ข้าก็จะได้วางใจหน่อย” เธอกล่าวเสียงเบา พลางคิคคำนวณเรื่องราวต่อจากนี้
“เจ้าไม่ได้จะพาองครักษ์เฟิ่งไปที่แผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำด้วยหรือ?” เซวียนหยวนโม่เจ๋อถาม
“ข้ายังไม่อยากพาพวกเขาไปตอนนี้” เธอส่ายหน้า แล้วเอ่ยต่อว่า “แม้ว่าพลังของพวกเขาจะพัฒนาขึ้นแล้ว แต่สำหรับคนที่นั่น เกรงว่าจะยังอ่อนแอเกินไป ข้าอยากให้พวกเขาอยู่ที่นี่ คอยฟังคำสั่งของท่านปู่และท่านพ่อของข้า”
“องครักษ์เฟิ่งให้อยู่ต่อก็ได้ แต่หัวหน้าองครักษ์เฟิ่งทั้งแปดเจ้าควรพาไป” เขามองเธอ แล้วอธิบายว่า “ด้วยพลังของพวกเขา หากติดตามข้างกายเจ้าอาจช่วยได้บ้าง”
“อืม ข้าจะลองคิดดู” เธอรับคำ ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะพาพวกหลัวอวี่ไปด้วยหรือไม่
เซวียนหยวนโม่เจ๋อชะงักเล็กน้อย ประกายมืดมนพาดผ่านดวงตา บอกว่า “โม่เฉินผู้นั้นไม่พาไปก็ได้ ข้าคิดว่าเจ้าพาเขาไปด้วยก็ไม่ต่างจากหาเรื่องใส่ตัว เขาสะดุดตาเกินไป อีกอย่าง ด้วยฐานะของเขาที่นั่น หากเขาอยู่ข้างกายเจ้า อย่างไรก็ต้องมีคนสืบที่มาที่ไปของเจ้าอย่างเลี่ยงไม่ได้”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วชะงักเล็กน้อย เงยหน้ามองคนข้างกาย พอเห็นเขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ท่าทางอย่างนั้นดูน่าขำยิ่งนัก ทำให้เธอหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“ท่านพูดถูก เขาสะดุดตาเกินไปจริงๆ หากเขาอยู่ข้างกายข้า จะต้องมีปัญหาตามมาแน่ๆ แต่เมื่อก่อนข้าเคยรับปากเขาก่อนแล้ว ท่านว่า ตอนนี้ควรจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี?”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อแค่นเสียง “หาเหตุผลอะไรสักอย่างสลัดเขาทิ้งก็ได้แล้ว”
“ได้หรือ?” เฟิ่งจิ่วรู้สึกว่าทำอย่างนี้ไม่ค่อยดี ถึงอย่างไรคนเขาก็อุตส่าห์เดินทางข้ามน้ำข้ามภูเขามาไกล หากเธอทำอย่างนี้ จะเป็นการเสียมารยาทเกินไปหรือไม่?
“ได้” เซวียนหยวนโม่เจ๋อว่า “ข้างกายเจ้ามีข้าคนเดียวก็พอ คนอื่นไม่ต้องไปสนใจ”
………………………………….