เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1767 วางแผนอย่างไร ตอนที่ 1768 ร่วมหอคืนนี้
ตอนที่ 1767 วางแผนอย่างไร / ตอนที่ 1768 ร่วมหอคืนนี้
ตอนที่ 1767 วางแผนอย่างไร
“ในเมื่อท่านตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นสิ่งที่ข้าทำได้ ก็มีเพียงมอบยาสำหรับป้องกันตัวให้ท่าน” เธอหยิบยาออกมาเจ็ดแปดขวด “ยาเหล่านี้ล้วนเอาไว้ใช้ยามมีอันตรายถึงชีวิต มีทั้งยารักษาบาดแผลภายนอกและภายใน ยังมียาที่ใช้แก้พิษได้ด้วย ท่านรับไว้เถิด!”
“เยอะขนาดนี้เชียว?” กวนสีหลิ่นชะงัก ยิ้มบอกว่า “เสี่ยวจิ่ว ข้ารู้ว่าเจ้ามียาไม่เคยขาดเหลือ แต่เจ้าเอามาให้ข้าทีเดียวมากมายขนาดนี้ก็ไม่ค่อยดีกระมัง? ยาแต่ละชนิดของเจ้าล้วนมีราคาสูง จะให้ข้า…”
“ท่านพี่ กับข้าท่านไม่ต้องคิดมากเรื่องพวกนี้แล้ว ท่านเก็บไว้เถิด! ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่วางใจ” เธอยัดยาพวกนั้นใส่มือเขา “เก็บไว้เถิด เก็บไว้”
เห็นอย่างนั้น กวนสีหลิ่นก็ทำได้เพียงเก็บยา ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถามว่า “แล้วเจ้าเล่า? เจ้าตั้งใจจะเดินทางไปที่นั่นเมื่อใด? เจ้าจะไปตามหากลุ่มอำนาจกลุ่มนั้นหรือ?”
เขามองเธอด้วยความเป็นห่วง “แม้เจ้าจะเป็นผู้ฝึกเซียนระดับปราชญ์เซียนแล้ว แต่ที่นั่นก็มีผู้แข็งแกร่งอยู่มากมาย อีกทั้งกลุ่มอำนาจที่เจ้ากำลังตามหานั่นจะต้องมีผู้แข็งแกร่งอยู่มากมายแน่ๆ ข้าว่าเจ้าไปถึงที่นั่นแล้วซ่อนตัวก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งทำตัวสะดุดตานัก”
“วางใจได้ ข้ารู้” เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจ รู้ว่าเขากำลังเป็นห่วงเธอ
ทว่า กวนสีหลิ่นกลอกตาอย่างไม่ไว้หน้า แล้วถามกลับว่า “เจ้ารู้? เจ้ารู้เสียที่ไหน? รูปร่างภายนอกของเจ้าสะดุดตาเกินไป พอไปถึงที่นั่น จะตามหาคนรูปร่างหน้าตาอย่างเจ้าก็มีไม่มาก ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าชอบใส่เสื้อผ้าสีแดง ขอเพียงเป็นผู้มีใจอยากสืบหา ก็รู้ประวัติของเจ้าแล้ว บางทีเจ้าอาจโดนจับตามองโดยไม่รู้ตัวก็ได้
ฉะนั้น พอเจ้าไปถึงที่นั่น แม้จะมีพวกโม่เจ๋อตามไปด้วย ข้าก็หวังว่าเจ้าจะทำอะไรกับรูปร่างหน้าตาของเจ้าหน่อย อีกอย่าง จะให้ดีก็เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย สีแดงสะดุดตาเกินไปแล้ว” เขากำชับอย่างไม่วางใจ เหมือนแม่นมที่ย้ำแล้วย้ำเล่าอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าค่ะๆ ข้าจำไว้แล้ว” เฟิ่งจิ่วพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ กวนสีหลิ่นถาม “ใช่แล้ว พวกท่านปู่ตั้งใจจะกลับไปหรือ?”
“อืม ข้าคิดว่าจะให้พวกองครักษ์เฟิ่งส่งพวกเขากลับไป อีกอย่างข้าก็ตั้งใจว่าจะให้พวกเขาอยู่ฟังคำสั่งจากท่านปู่กับท่านพ่อ ยามมีเรื่องจะได้ไม่ถึงขั้นไร้คนรับใช้ แต่พวกหลัวอวี่ข้าจะพาไปด้วย พอไปถึงที่นั่น ก็ต้องแอบสร้างอำนาจของตนเองเงียบๆ” เฟิ่งจิ่วอธิบาย พลางหันมองพวกคนที่อยู่ในสนามฝึก
“เจ้าวางแผนไว้อย่างนี้ก็ดีแล้ว” กวนสีหลิ่นพยักหน้า นึกถึงเรื่องเสี่ยวเฟิ่งเย่ ก็ลังเลเล็กน้อย “เรื่องของเสี่ยงเฟิ่งเย่ ท่านปู่รู้แล้วกระมัง?”
“อืม ข้าบอกเขาแล้ว เราปิดบังท่านปู่ไม่ได้หรอก ส่วนท่านยา ปิดไปก่อนก็แล้วกัน! ร่างกายของนางรับแรงกระทบกระเทือนอย่างนี้ไม่ไหว” พูดมาถึงเรื่องนี้ เธอถอนหายใจเบาๆ
หากพวกเสี่ยวเฟิ่งเย่ยังมีชีวิตอยู่ คงจะดี…
เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเธอหุบลง ประกายเจ็บปวดพาดผ่านดวงตา เขาถอนหายใจ แล้วปลอบใจ “ที่จริง เราก็ยังไม่เห็นศพของพวกเขา บางที พวกเขาอาจมีชีวิตอยู่จริงๆ ก็ได้ พวกเราควรมีความหวัง หากในใจมีหวัง ก็เป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช่หรือ?”
เฟิ่งจิ่วยิ้มอย่างขมขื่น ไม่ได้พูดอะไร เพราะเธอรู้ ว่าความหวังนั้นริบหรี่เพียงใด
“ใช่แล้ว เรื่องแต่งงานของเจ้ากับโม่เจ๋อตั้งใจจะทำอย่างไร? นานขนาดนี้แล้ว ยังไม่คิดจะแต่งงานอีกหรือ?”
………………………………….
ตอนที่ 1768 ร่วมหอคืนนี้
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “เรื่องนี้ไม่ต้องรีบ” เธอมองเขาแวบหนึ่ง แล้วยิ้มพูดอย่างทีเล่นทีจริง “ผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนอายุขัยยืนยาวขนาดนี้ อีกหลายสิบปีค่อยแต่งงานกันก็ยังไม่สาย”
“ฮ่าๆๆๆ!” กวนสีหลิ่นได้ยินก็หัวเราะเสียงดัง “หากอีกหลายสิบปีค่อยแต่งงานกัน ข้าว่าเขาคงต้องอกแตกตายแน่”
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ยิ่งยิ้มกว้าง ใช่แล้ว หากอีกหลายสิบปีค่อยแต่งงานกัน เขาจะแค่อกแตกตายเสียที่ไหนกัน?
“พอถึงตอนที่เจ้าแต่งงาน จะต้องบอกข้าด้วยเล่า”
“ได้” เธอพยักหน้า ยิ้มรับ
ทั้งสองพูดคุยกันครู่หนึ่งแล้วค่อยแยกย้าย เฟิ่งจิ่วลุกขึ้นไปหาพวกท่านปู่ของเธอ กระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืด เธอถึงเดินกลับตำหนักที่พัก…
ครั้นเฟิ่งจิ่วเดินเข้าไปในตำหนัก ก็เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อนั่งอยู่ข้างในแล้ว บนโต๊ะยังมีอาหารหลายอย่างวางไว้ด้วย
“กลับมาแล้วหรือ? พอดีเลย มากินข้าวเถิด!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเรียก ยกไหสุราขึ้นแล้วยื่นให้เธอที่นั่งลงข้างๆ เขา “สุรานี้ คืนนี้เจ้าอยากดื่มเท่าไรก็ได้”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว มองเขายิ้มๆ “ท่านจะมอมเหล้าข้า?”
“อะแฮ่ม!”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อกระแอมเบาๆ หลบตา แล้วปฏิเสธว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร? แค่อยากให้เจ้าดื่มเต็มที่ อีกอย่าง วันนี้ข้าคิดอย่างละเอียดแล้ว คิดว่าคำแนะนำของเจ้าก็ไม่เลวเหมือนกัน”
“ฉะนั้น?” เธอเคียงคอมองเขา จิบสุราคำหนึ่ง
“ฉะนั้น หากเจ้าเมาแล้วทำอะไรส่งเดช ข้าตัดสินใจแล้ว จะไม่ขัดขืน” เขาปั้นหน้าเคร่งขรึมยามพูดประโยคนี้ ดูเหมือนสีหน้าไร้อารมณ์ ทว่า หากดูดีๆ กลับจะรู้ว่ามุมปากของเขาหยักยิ้มน้อยๆ อยู่ นัยน์ตาสีดำมีรอยยิ้มและความคาดหวังซ่อนอยู่เล็กน้อย
“อย่างนั้นหากข้าไม่เมาเล่า?” เฟิ่งจิ่วกลั้นขำแล้วถาม
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อยกถ้วยสุราตรงหน้าขึ้นดื่มหมดในคราวเดียว แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์ “หากเจ้าไม่เมา ข้าเมาเองก็ได้”
“พรืด!”
ในที่สุดก็หลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอจ้องเขาด้วยรอยยิ้ม ดวงหน้างดงามดูมีเสน่ห์เย้ายวนในสายตาเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
“หมายความว่า ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะร่วมหอกันคืนนี้? ไม่สิๆ นี่เรียกว่าร่วมหอที่ไหนกัน! นี่ท่านคิดจะมัดมือชกชัดๆ เลยนี่!” พูดมาถึงตรงนี้ เธอยกมือขึ้นปิดปาก หัวเราะคิกคัก
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเติมสุราให้เธออีกแก้ว กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่จริงข้าหวังว่าเจ้าจะมัดมือชกข้ามากกว่า วางใจได้ ข้าไม่มีทางขัดขืนแน่”
“ดี! อย่างนั้นก็มา ดื่ม!” เธอยิ้มๆ มองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย ในใจรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นี่จะจับเขากดคืนนี้เลยหรือ? หากกินเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วไม่ยอมรับ ไม่รู้เขาจะทำอย่างไร?
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองเธออย่างลึกซึ้ง เห็นเธอดื่มอีกหนึ่งถ้วย ก็คีบอาหารให้เธอ “กินกับข้าวหน่อย” ไม่เพียงเท่านั้น ยังพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “กินอิ่มแล้วจึงจะมีแรง”
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็อึ้ง จากนั้นก็ยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วยสุดชีวิต “ใช่แล้ว คนที่ออกแรงคือข้า ข้าต้องกินเยอะหน่อย” ขณะพูด เธอคีบน่องไก่ชิ้นหนึ่งมากิน
ได้ยินอย่างนั้น นัยน์ตาของเซวียนหยวนโม่เจ๋อค่อยๆ เปลี่ยนเป็นลึกล้ำ ประกายคาดหวังพาดผ่านดวงตา ใช่ เขารอคอยให้เธอออกแรง แต่ นี่เป็นครั้งแรก อย่างไรเขาก็ต้องเป็นผู้นำ ไม่ใช่หรือ?
นึกมาถึงตรงนี้ กลีบปากสวยๆ ของเขาหยักยกขึ้น เขาเองก็คีบอาหารขึ้นมากินเหมือนกัน อีกทั้งยังกินข้าวหนึ่งถ้วยอย่างหาดูได้ยากมากด้วย…
………………………………….