เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1771 ไฟรุ่มร้อนท่วมกาย ตอนที่ 1772 คุกเข่าขอร้อง
ตอนที่ 1771 ไฟรุ่มร้อนท่วมกาย / ตอนที่ 1772 คุกเข่าขอร้อง
ตอนที่ 1771 ไฟรุ่มร้อนท่วมกาย
ขณะที่ในห้องเต็มไปด้วยความเร่าร้อนวาบหวามไปทั่วทุกอณู นอกตำหนัก มู่หรงอี้เซวียนสาวเท้าเดินมาอย่างเร่งรีบ สีหน้าร้อนรนยิ่ง เพียงแต่ ยังไม่ทันก้าวขาเข้าไปในตำหนักก็ถูกอิ่งอีที่เฝ้าอยู่หน้าตำหนักขวางไว้ก่อน
“คุณชายมู่หรง นายท่านของข้ากับภูตหมอพักผ่อนแล้ว มีเรื่องใด โปรดมาใหม่พรุ่งนี้”
มู่หรงอี้เซวียนมองเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเอ่ยว่า “ข้ามีเรื่องด่วน ต้องพบเฟิ่งจิ่วเดี๋ยวนี้”
อิ่งอีสีหน้าเรียบเฉย ยังคงยืนยัน “เรื่องด่วนแค่ไหนก็ต้องรอพรุ่งนี้ ตอนนี้พวกเขาพักผ่อนแล้ว นายท่านของข้ากำชับไว้แล้ว ไม่ว่าเรื่องใดก็ห้ามรบกวน”
ได้ยินอย่างนั้น มู่หรงอี้เซวียนสายตาไหวระริก คล้ายนึกอเฟิะไรได้ มองเข้าไปในตำหนัก เห็นไฟข้างในยังคงสว่าง จึงกล่าว “เรื่องนี้เร่งด่วนมาก ล่าช้าไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว หากไม่เร่งด่วนจริง ข้าเองก็คงไม่มารบกวน เจ้าเข้าไปรายงานที ข้าจะต้องได้พบเฟิ่งจิ่วให้ได้”
ได้ยินอย่างนั้น อิ่งอีขมวดคิ้ว “ขออภัย นายท่านของข้าสั่งไว้แล้ว ต้องขอโทษด้วยที่ข้าไม่กล้าขัดคำสั่ง” จะมีอะไรเร่งด่วนกัน? ด่วนแค่ไหนก็ด่วนไม่เท่าข้างในกำลังร่วมหอกันอยู่ นายท่านของเขารอวันนี้มานานแล้ว จะปล่อยให้ผู้อื่นมาทำลายได้อย่างไร?
เห็นเขาเป็นเช่นนี้ มู่หรงอี้เซวียนหน้าเครียดขึ้นมา “หากเจ้าไม่รายงานให้ข้า เช่นนั้นข้าก็คงต้องล่วงเกินแล้ว!” สิ้นเสียง องครักษ์ชุดดำที่ติดตามเขาตลอดพลันลงมือ โจมตีอิ่งอีทันที
อิ่งอีเห็นอย่างนั้นก็ไม่พอใจ รีบตั้งท่ารับทันที ทั้งสองปะทะกันไปมาอยู่หน้าตำหนัก
เสียงต่อสู่ทำให้เหลิ่งซวงที่อยู่ข้างในตกใจ นางเดินออกมาดู เห็นมู่หรงอี้เซวียน จึงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านมีธุระใด?”
“ข้ามีเรื่องด่วนจะหานายท่านของเจ้า” มู่หรงอี้เซวียนตอบ สายตาเลื่อนออกจากตัวนาง เสียงที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายพลังวิญญาณเปล่งออกจากปาก ดังเข้าไปในห้องนอนอย่างชัดเจน
“เฟิ่งจิ่ว ข้ามีเรื่องเร่งด่วนขอให้เจ้าช่วยเหลือ!”
ในห้องนอน สองคนที่อยู่บนเตียงหอบหายใจเล็กน้อย ขณะที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อพลิกกายเตรียมจะเป็นฝ่ายจู่โจม ก็ได้ยินเสียงของมู่หรงอี้เซวียนดังเข้ามาจากข้างนอก ใบหน้าหล่อเหลาพลันมืดดำ
“ไม่ต้องสนใจเขา!” พูดจบ ก็โน้มตัวลงไปใช้มือโอบเอวบอบบาง
ตอนที่เฟิ่งจิ่วได้ยินเสียงของมู่หรงอี้เซวียน ก็ตกใจเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อหน้าบึ้ง ก็หลุดหัวเราะ เหมือนทุกครั้งที่พวกเขาอยากทำเรื่องใกล้ชิดกัน มักถูกคนขัดจังหวะอยู่เสมอ
“เฟิ่งจิ่ว ข้ามีเรื่องเร่งด่วนต้องการให้เจ้าช่วยจริงๆ! เกี่ยวพันถึงชีวิตคน เจ้าโปรดออกมา!” เสียงของมู่หรงอี้เซวียนดังมาจากข้างนอก อีกทั้งเสียงนั้น ยังฟังดูคล้ายจะเข้าใกล้ห้องนอนที่ทั้งสองอยู่เรื่อยๆ
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วชะงักเล็กน้อย สองมือยันหน้าอกของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ หยุดการกระทำซุกซนของเขา “ข้าว่าอย่างไรข้าก็ต้องออกไปดูสักหน่อย ท่านฟังเสียงนี้ เดาว่าหากข้าไม่ออกไป เข้าก็จะบุกเข้ามาแล้ว”
“เขากล้าหรือ!”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อกัดฟัน โมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน หน้าดำทะมึนเหมือนแผ่นเหล็ก ไม่ว่าใครหากถูกขัดจังหวะเรื่องดีๆ ก็ต้องมีเพลิงโทสะแผดเผาใจกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเมื่อถึงตอนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเช่นนี้ แต่กลับถูกมู่หรงอี้เซวียนทำลายบรรยากาศดีๆ เสียได้
“เขาก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักดูกาลเทศะ บางทีอาจมีเรื่องสำคัญอะไรจริงๆ ก็ได้” เธอปลอบใจเขา มือหนึ่งตบหลังเขาเบาๆ
เซวียนหยวนโม่เจ๋อหน้าบึ้งตึง เหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แล้วบ่น “ข้าก็มีเรื่องด่วนเช่นกัน ไฟลุกท่วมกาย ทั้งยังอดกลั้นมานาน นี่เจ้าอยากให้ข้าอดกลั้นจนเสียสุขภาพหรือ? ไม่คิดถึงความสุขในอนาคตของเจ้าบ้างเลย”
………………………………….
ตอนที่ 1772 คุกเข่าขอร้อง
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มร้ายๆ ประกายชั่วร้ายพาดผ่านดวงตา เธอมองเขา พลันนั้นก็ประชิดเข้าไปใกล้เขา ขณะเดียวก็เอื้อมมือออกไป “อย่างนี้ยังอดกลั้นจนเสียสุขภาพอยู่หรือไม่?” พูดไป มือของเธอก็พลันขยับ
“อื้อ…อา!”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อคราง ร่างกายแข็งทื่อเหยียดตรง กระทั่งผ่านไปครู่หนี่ง เขาถึงพ่นลมหายใจแล้วทิ้งตัวนอนลงไป คล้ายจนใจ แต่ก็รักใคร่เสียเต็มประดา “ร้ายนักนะ!”
เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ เจ้าเล่ห์และชั่วร้าย “ว่ากันว่าชายไม่ร้ายหญิงไม่รัก เช่นนั้นหากหญิงไม่ร้าย ชายก็คงไม่รักกระมัง! ฮิๆๆ…” เธอพลิกตัวลุกขึ้นจากเตียง ห่อผ้าเดินไปแช่ตัวในอ่างอาบน้ำครู่หนึ่ง ก่อนจะเช็ดน้ำบนตัวออก แล้วหยิบเสื้อผ้าสะอาดตัวหนึ่งมาสวม
“เฟิ่ง…”
ขณะที่เสียงของมู่หรงอี้เซวียนเปล่งออกมาอีกครั้ง ยังพูดชื่อไม่ทันจบ ก็เห็นเฟิ่งจิ่วในชุดสีแดงเดินออกมา ครั้นเห็นพวงแก้มแดงระเรื่อน่าหลงใหล นัยน์ตาทั้งสองข้างยังมีแววอ่อนโยนหลงเหลือให้เห็น กลีบปากอิ่มน้ำบวดแดงเล็กน้อย นัยน์ตาของเขาไหวระริก ลึกๆ ข้างในเจ็บแปลบ ทั้งรู้สึกผิดหวัง และอิจฉา
“มีเรื่องใดกันแน่?” เธอถาม น้ำเสียงฟังดูออดอ้อนอ่อนช้อยอย่างปิดไม่มิด บางทีอาจเพราะเธอรู้สึกว่าเสียงของตนเองแฝงไว้ด้วยความเย้ายวน เธอเหลือบมองมู่หรงอี้เซวียนแวบหนึ่ง แล้วกระแอมเบาๆ
“ขอโทษด้วย รบกวนพวกเจ้าแล้ว” เขาว่า ก่อนจะก้าวเข้ามา แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้รับสารที่ส่งมาไกลหมื่นลี้ อาจารย์ของข้าถูกคนวางยาพิษร้ายแรง ตอนนี้ชีวิตเขาตกอยู่ในอันตราย ข้าอยากขอให้เจ้าตามข้าไปช่วยชีวิตท่านอาจารย์”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว “แผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำ? จากที่นี่ไปที่นั่นใช้เวลาอย่างเร็วก็สิบกว่าวัน หากเป็นพิษร้ายแรงจริงๆ แม้ไปถึงอาจารย์ของท่านก็ไร้ทางช่วยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น แผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำมียอดฝีมือมากมาย จะไม่มีหมอที่แก้พิษเป็นเลยได้อย่างไรกัน? หากไม่มี แม้ข้าไปก็ใช่ว่าจะช่วยได้จริง”
แม้เธอตั้งใจจะไปที่นั่นอยู่แล้ว แต่การไปที่ฉุกละหุกไร้การเตรียมตัวเช่นนี้ กลับไม่ค่อยสมใจเธอนัก ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็อยากไปพร้อมกับเจ๋อด้วย หากเธอไปก่อน แล้วทิ้งเจ๋อไว้ ทั้งสองก็ต้องแยกกันอีกแล้วหรือ?
มู่หรงอี้เซวียนยิ้มขมขื่น “ด้วยระดับวรยุทธ์ของอาจารย์ข้า คนที่ทำร้ายเขาได้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ในสำนักของเราก็มีหมอและนักเล่นแร่แปรธาตุที่ยอดเยี่ยมอยู่เช่นกัน เพียงแต่ พวกเขาทำได้เพียงข่มพิษในตัวท่านอาจารย์ไว้ ไม่อาจแก้พิษได้ ตอนนี้อาจารย์ของข้าหมดสติไปแล้ว เพราะสถานการณ์ไม่สู้ดี ใต้เก้าอี้อาจารย์ข้าก็มีข้าเป็นศิษย์เพียงคนเดียว ทางสำนักจึงได้ส่งข่าวมาบอกให้ข้ารีบกลับไปดูใจท่านอาจารย์เป็นครั้งสุดท้าย”
พูดมาถึงตรงนี้ เขามองเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาลึกซึ้ง สะบัดชายเสื้อคุกเข่าลงไป “เฟิ่งจิ่ว ข้ารู้ว่าการขอร้องนี้ทำให้เจ้าลำบากใจ แต่ ท่านอาจารยืมีบุญคุณใหญ่หลวงต่อข้า ข้าไม่อาจทำเฉยทั้งที่เห็นโอกาสช่วยชีวิตเขาได้ ขอร้องล่ะ เจ้ากลับไปช่วยชีวิตเขากับข้าเถิด! ขอเพียงเจ้ายอมกลับสำนักไปกับข้า ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ข้าล้วนซาบซึ้งใจ”
เขารู้ พิษที่คนรักษาไม่ได้ เฟิ่งจิ่วทำได้แน่! และที่หาได้ยากก็คือ ตอนนี้นางอยู่ตรงหน้าแล้ว ขอเพียงนางพยักหน้าอนุญาต ท่านอาจารย์ของเขาจะต้องมีทางรอดแน่!
เฟิ่งจิ่วมองมู่หรงอี้เซวียนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา ตกใจเล็กน้อย แม้แต่ตอนนั้นที่เธอจะฆ่าพ่อของเขา เขาก็ยังไม่เคยขอร้องเธออย่างนี้ ดูท่า ท่านอาจารย์ของเขาคงสำคัญกับเขามากจริงๆ สำคัญถึงขั้นยอมคุกเข่าโดยไม่ต้องพูดอะไรมาก
เธอมองเขาด้วยแววตาลึกล้ำ ครุ่นคิดในใจ เนิ่นนาน จึงถามว่า “ท่านมีแกนเคลื่อนย้ายห้วงมิติหรือไม่?”
………………………………….