เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1779 เลื่อมใสจากใจ ตอนที่ 1780 เอาระดับหกขึ้นไป
ตอนที่ 1779 เลื่อมใสจากใจ / ตอนที่ 1780 เอาระดับหกขึ้นไป
ตอนที่ 1779 เลื่อมใสจากใจ
เฟิ่งจิ่วชำเลืองมองทั้งสองคน แล้วยิ้มหยันกล่าวว่า “พวกท่านรินชาให้ข้าหนึ่งถ้วย แล้วข้าจะบอกพวกท่านให้”
ทั้งสองได้ยินก็หน้าแดงเล็กน้อย พวกเขารู้ว่าถามคำถามอย่างนี้ออกไปในเวลานี้ดูจะไม่ค่อยเหมาะ โดยทั่วไปเวลาหมอรักษาจะไม่ให้ผู้อื่นคอยช่วยอยู่ข้างๆ นอกเหนือจากว่าคนผู้นั้นจะเป็นลูกศิษย์ของเขาหรืออะไรทำนองนั้น จึงจะมีโอกาสได้เห็นเขาทำการรักษา
แม้แต่พวกเขาก็เช่นกัน ยามพวกเขาทำการรักษาหรือกลั่นยาจะไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใดคอยดูอยู่ข้างๆ ทว่า หากคนผู้นั้นเป็นศิษย์ของพวกเขาก็คนละเรื่อง
ทว่าเมื่อครู่ พวกเขาสองคนคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ มีโอกาสได้ดูอยู่ตลอด เด็กหนุ่มชุดแดงกลับไม่เอ่ยปากห้าม และไม่มีท่าทีปิดบังอะไรพวกเขาเลยสักนิด ยามนี้เขาบอกให้พวกเขารินน้ำชาให้เขา หากว่ากันตามอายุ พวกเขาเป็นอาวุโส แต่หากว่ากันตามความสามารถด้านวิชาแพทย์ เขากลับเรียกได้ว่าอยู่ระดับเดียวกับพวกเขา
หากรินน้ำชาให้หนึ่งถ้วย แล้วเขาจะคลายข้อสงสัยให้พวกเขาได้ นั่นกลับไม่ใช่เรื่องเสียเปรียบ
นึกมาถึงตรงนี้ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างพร้อมใจ จากนั้น ทั้งสองหมุนตัวเดินออกไป คนหนึ่งหยิบถ้วยชา คนหนึ่งหยิบกาน้ำชา ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเหล่าเจ้าเขาและเจ้าสำนัก พวกเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว แล้วยื่นน้ำชาให้เธอ
“คุณชายเฟิ่งโปรดไขความกระจ่างให้พวกข้าด้วย”
มู่หรงอี้เซวียนที่อยู่ด้านหนึ่งเห็นก็ตะลึงเล็กน้อย แต่ไม่นานก็รู้สึกว่าเข้าใจได้ เฟิ่งจิ่วมีวิชาแพทย์สูงส่ง มีฉายาว่าภูตหมอ และสองท่านนี้ที่อยู่ในสำนักบุปผาเซียนก็เป็นคนตรงไปตรงมา หากมีเรื่องใดไม่เข้าใจย่อมต้องอยากถามอยู่แล้ว
ข้างนอก เพราะได้ยินเสียงข้างใน พวกเขาจึงชะเง้อมองเข้าไปข้างในด้วยความฉงนฉงายอย่างไม่อาจห้ามใจ ยามเห็นสองคนนั้นรินน้ำชาให้เด็กหนุ่มชุดแดง ต่างก็ตะลึงตาค้างไปตามๆ กัน
ทว่า เด็กหนุ่มชุดแดงทำความสะอาดมือแล้วนั่งลง รับน้ำชาไปดื่มด้วยสีหน้าเรียบเฉยดูเป็นธรรมชาติ ก่อนจะเอ่ยว่า “เขาเลือดออกเยอะขนากนี้ ร่างกายย่อมขาดน้ำ แม้ยาเม็ดจะให้ผลเร็ว แต่กลับยากที่จะชดเชยน้ำที่ร่างกายเขาขาดได้ ฉะนั้นหลังจากปรับลมปราณเขาให้มั่นคงได้แล้ว ประสิทธิภาพของน้ำแกงยาย่อมต้องดีกว่าใช้ยาเม็ดอยู่แล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น ทั้งสองถึงบางอ้อ เข้าใจในทันที ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง เสียแรงที่พวกเขาคนหนึ่งเป็นหมอ คนหนึ่งเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ กลับไม่ได้นึกถึงจุดนี้
“เนื้อหนังนั่นเหตุใดใช้เข็มเย็บได้เล่า จะมีผลข้างเคียงไม่ดีหรือไม่?” หมอถามอีก
เพราะรู้สึกกระหายเล็กน้อย เฟิ่งจิ่วดื่มชาหมดหนึ่งถ้วย จึงพยักพเยิดให้รินชาเพิ่ม แล้วจึงอธิบายต่อว่า “ใช้เข็มกับไหมเย็บแผลทำให้แผลสมานตัวได้เร็วที่สุด เร็วกว่าปล่อยให้แผลสมานตัวกันเอง อีกอย่างไม่ต้องกลัวว่าจะติดเชื้อบวมแดงด้วย ขอเพียงตัดไหมในอีกไม่กี่วันถัดไป ไม่มีผลข้างเคียงที่ไม่ดีแน่นอน”
ได้ยินอย่างนั้น ทั้งสองก็ตื่นตะลึงเล็กน้อย ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เอง เช่นนั้นหากภายหน้ามีแผลที่ค่อนข้างร้ายแรง ก็สามารถใช้วิธีเย็บเช่นนี้ได้งั้นหรือ?
“ข้าไปสั่งให้ต้มน้ำแกงยาก่อน” หมอคนนั้นบอก พยักหน้าให้เฟิ่งจิ่วเล็กน้อยแล้วหมุนตัวเดินออกไปข้างนอก บางทีอาจเพราะเห็นความสามารถในการรักษาของเฟิ่งจิ่ว สายตาที่มองเขาจึงไม่เหมือนเดิม
เวลานี้ กลุ่มคนที่อยู่ข้างนอกเดินเข้ามา สายตาที่แต่ละคนมองเฟิ่งจิ่วก็ต่างออกไปเช่นกัน ทว่า พวกเขาไม่ได้พูดอะไร เพียงกวาดมองร่างกายของเซียนหยวนชิงที่นอนอยู่บนเตียง
ล้วนเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเหิน ครั้นกวาดมองแวบเดียว ย่อมรู้ว่าลมปราณของเซียนหยวนชิงมั่นคงกว่าก่อนหน้านี้มาก แต่ละคนล้วนรู้สึกเหลือเชื่อ
สภาพแย่ถึงขนาดนั้นแล้ว กลับยังช่วยชีวิตกลับมาได้ เด็กหนุ่มชุดแดงผู้นี้ช่างมีวิชาแพทย์ที่ล้ำเลิศนัก
เจ้าสำนักมองเฟิ่งจิ่ว สีหน้าอ่อนลง กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ภูตหมอ พิษของเขาแก้ได้แล้วหรือ?”
………………………………….
ตอนที่ 1780 เอาระดับหกขึ้นไป
“แก้ได้แล้วครึ่งหนึ่ง แต่ยังไม่หมด”
เฟิ่งจิ่วตอบ หันไปมองคนบนเตียง แล้วเอ่ยอีกว่า “เขาไม่เพียงถูกพิษ แต่ยังบาดเจ็บภายในอีกด้วย หากไม่แก้พิษ ก็รักษาอาการบาดเจ็บภายในไม่ได้ ตอนนี้ก็เพียงรักษาชีวิตเขาไว้ได้ ไม่ทำให้เขาตายเท่านั้น หากอยากให้หลุดพ้นจากอันตราย ยังต้องขับพิษให้หมดแล้วจึงค่อยรักษาอาการบาดเจ็บภายในจึงจะปลอดภัย”
เธอหยุดพูดครู่หนึ่ง สายตาจับจ้องไปที่เจ้าสำนัก “อีกอย่าง หากต้องการแก้พิษ ข้ายังขาดยา”
ได้ยินอย่างนั้น เจ้าสำนักโล่งใจ เขาพูดอย่างนี้ แสดงว่าชีวิตของเซียนหยวนชิงรักษาไว้ได้แน่แล้ว จึงรีบเผยยิ้ม “ปัญหาเรื่องยาทิพย์ไม่จำเป็นต้องห่วง สำนักบุปผาเซียนของเรามี หากเจ้าขาดสิ่งใด ข้าย่อมให้คนมาส่งให้”
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วมองมู่หรงอี้เซวียน “มีกระดาษและพู่กันหรือไม่?”
“มี” เขาหยิบกระดาษและพู่กันชุดหนึ่งจากห้วงมิติมาวางบนโต๊ะตรงหน้าเธอ ไม่นานก็เห็นเธอเขียนรายการยาทิพย์ยี่สิบสามสิบชนิด จากนั้นก็ยื่นให้เจ้าสำนัก “ยาที่ข้าต้องการล้วนอยู่ในนี้ อายุของยาทิพย์ล้วนเขียนบอกไว้หมดแล้ว ต้องส่งมาตามที่กำหนดไว้เท่านั้น”
เจ้าสำนักรับไปอ่านดู ก็อดตะลึงไม่ได้ ยาที่เขียนไว้ในนั้นไม่ใช่ว่าจะล้ำค่ามากมายขนาดนั้น เพียงแต่ ล้วนต้องเป็นยาทิพย์ที่อายุห้าร้อยปีขึ้นไป ซ้ำยังมีหลายชนิดที่หาได้ยากมาก
ด้วยเหตุนี้ เขาเงยหน้ามองเด็กหนุ่มชุดแดง ถามว่า “ยาพวกนี้เจ้าต้องใช้เมื่อใด? จะใช้ต้มเป็นน้ำแกงยา? หรือกลั่นเป็นยาเม็ด? ต้องให้คนในสำนักเราช่วยหรือไม่?”
“ในสำนักของพวกท่านมีนักเล่นแร่แปรธาตุที่กลั่นยาล้ำค่าระดับหกได้หรือไม่?” เฟิ่งจิ่วถามด้วยน้ำเสียงแช่มช้า
เจ้าสำนักได้ยินก็อึ้ง ยาระดับหก ซ้ำยังต้องเป็นยาล้ำค่าอีกด้วย? จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? ยาระดับหกนั้น ในสำนักของพวกเขามีนักเล่นแร่แปรธาตุที่ทำได้ แต่กลับมิอาจรับประกันได้ว่าจะกลั่นเป็นยาล้ำค่าได้
“หรือพวกท่านมีนักปรุงยาที่สามารถปรุงยาน้ำแก้พิษชั้นดีได้หรือไม่? เธอถามอีกครั้ง
ได้ยินอย่างนั้น เจ้าสำนักไม่พูดอะไร แต่เจ้าเขาเหล่านั้นกลับอดถามไม่ได้ “หรือเจ้าทำได้? ยาทิพย์ชนิดเดียวกัน ขอเพียงกลั่นเป็นยาที่ใช้แก้พิษได้ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ส่ายหน้าตอบว่า “ท่านไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุ แล้วก็ไม่ใช่หมอ ยิ่งไม่ใช่นักปรุงยา ย่อมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้” ในเมื่อไม่เข้าใจ เช่นนั้นเธอพูดกับพวกเขาไปก็เปล่าประโยชน์
เธอลุกขึ้น แล้วบอกเจ้าสำนักว่า “ยาทิพย์ในรายการเหล่านั้น เตรียมให้ครบแล้วนำมาส่งให้ข้าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน! ตอนนี้ก็สายมากแล้ว ทุกท่าน กลับไปพักผ่อนเถิด!”
“เจ้าสำนัก เจ้าเขาทุกท่าน ข้าส่งพวกท่านเอง” มู่หรงอี้เซวียนกล่าวขึ้น แล้วทำท่าผายมือเชิญทุกคน
เห็นอย่างนั้น ทุกคนจึงค่อยหมุนตัวเดินออกไป ครั้นถึงข้างนอก เจ้าสำนักกำชับมู่หรงอี้เซวียน “เจ้าจัดการเรื่องที่พักของภูตหมอด้วย ดูว่าเขาขาดเหลืออะไรไหม”
“ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว” มู่หรงอี้เซวียนพยักหน้า หลังจากส่งทุกคนกลับไป จึงกลับเข้ามาในจวนถ้ำ เห็นเฟิ่งจิ่วเดินวนข้างในรอบหนึ่ง สุดท้ายก็ชี้ไปที่ห้องหนึ่งในนั้น
“ห้องนี้ข้าเห็นว่าไม่มีคนอยู่ คืนนี้ข้าพักที่นี่ก็แล้วกัน! อยู่ใกล้อาจารย์ท่าน หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะได้รู้ทันที”
ได้ยินอย่างนั้น มู่หรงอี้เซวียนมองห้องนั้นแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ห้องนี้ปกติอาจารย์ข้าใช้รับรองสหาย ในเมื่อเจ้าจะพักที่นี่ เช่นนั้นข้าจะสั่งให้คนเปลี่ยนผ้าปูและผ้าห่มข้างในนั้นให้เจ้า แล้วก็เก็บกวาดสักหน่อย เจ้านั่งรออยู่ตรงนี้ก่อน”
“ได้ เก็บกวาดเล็กน้อยก็พอ” เธอบอก พลางเดินไปนั่งที่ด้านหนึ่ง
มู่หรงอี้เซวียนสั่งให้เฮยเฟิ่งเรียกศิษย์สองคนเข้ามาเก็บกวาด ประมาณหนึ่งก้านธูปผ่านไป ก็บอกเฟิ่งจิ่วว่า “เรียบร้อยแล้ว เจ้าดูว่ายังขาดเหลืออะไรหรือไม่?”
………………………………….