เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1781 ไม่ได้นอนทั้งคืน ตอนที่ 1782 คนแปลกประหลาด
ตอนที่ 1781 ไม่ได้นอนทั้งคืน / ตอนที่ 1782 คนแปลกประหลาด
ตอนที่ 1781 ไม่ได้นอนทั้งคืน
เฟิ่งจิ่วมองสำรวจหนึ่งรอบ แล้วบอกว่า “เอาล่ะ ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน! ท่านคอยเฝ้าอาจารย์ของท่านไว้หน่อย หากมีอาการไข้ขึ้นหรือเหงื่อเย็นซึมก็ปลุกข้า” เธอกำชับ จากนั้นก็ปิดประตูหิน
เธอถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกแล้วเอนตัวลงนอนบนเตียง พ่นลมหายใจเบาๆ มองเพดานห้องอย่างเหม่อลอย
เดิมตั้งใจว่าจะร่วมหอกับโม่เจ๋อคืนนี้ เธอถึงขั้นเตรียมใจแล้ว ใครจะรู้ บรรยากาศดีๆ กลับถูกมู่หรงอี้เซวียนทำลายเสียหมด ซ้ำยังต้องเดินทางจากจักรวรรดิเซวียนหยวนมาที่นี่กลางดึกกลางดื่นอีก ค่ำคืนนี้ช่างเหน็ดเหนื่อยจนแทบหายใจไม่ทัน อารมณ์ก็ขึ้นๆ ลงๆ ช่างยอดเยี่ยมเกินบรรยายเสียจริงๆ
แม้มาอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แต่เพราะความเหนื่อยล้า รวมถึงเวลาก็ล่วงสู่กลางดึก เธอกลับค่อยๆ หลับไปอย่างสะลึมสะลือ
ด้านนอก มู่หรงอี้เซวียนเฝ้าอาจารย์เขาอยู่ข้างเตียง ก้อนหินหนักอึ้งในใจถูกยกออกไปครึ่งหนึ่งในที่สุด นึกถึงตอนที่อาจารย์ของเขาพาเขามาที่นี่ แทบเรียกได้ว่าเปลี่ยนชีวิตของเขาไปเลย
หากไม่ใช่เพราะพบท่านอาจารย์ บางทีไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอาจต้องระหกระเหินร่อนเร่อยู่ที่ใดแล้ว ท่านอาจารย์มีบุญคุณที่มอบชีวิตใหม่ให้เขา แม้จะเป็นศิษย์อาจารย์กัน แต่กลับผูกพันเสียยิ่งกว่าพ่อลูกแท้ๆ เขาชี้แนะการฝึกวรยุทธ์ให้ บางครั้งก็เข้มงวด บางครั้งก็อ่อนโยน มู่หรงอี้เซวียนไม่อยากคิดเลย หากครั้งนี้ไม่มีเฟิ่งจิ่วอยู่ จะเป็นอย่างไร
เขานั่งเหม่อลอยอยู่ข้างเตียง ไม่ได้ไปพักผ่อน กระทั่งหมอที่ออกไปต้มยาก่อนหน้านั้นเข้ามา เขาจึงค่อยๆ ป้อนยาให้อาจารย์เขาทีละคำ
เพราะอาจารย์ของเขาหมดสติ ป้อนยาทั้งถ้วยให้เขาก็มีเพียงครึ่งถ้วยที่ลงท้องไปจริงๆ หมอคนนั้นไม่ได้ไปพักผ่อน เพราะเจ้าสำนักสั่งให้เขาคอยดูแล ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง คอยสังเกตว่ามีอาการอย่างที่เฟิ่งจิ่วบอกหรือไม่
ก่อนเที่ยงคืนยังถือว่าปกติ ทว่าเมื่อเลยหลังเที่ยงคืนไป เพราะเห็นว่าอาจารย์ของเขาอาการไม่ค่อยปกติ ตัวร้อนไม่พอ ยังมีเหงื่อเย็นซึมออกมาด้วย คล้ายเริ่มกลับมามีสติรับรู้บ้างแล้ว คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไปเคาะประตูหินห้องเฟิ่งจิ่ว “เฟิ่งจิ่ว เฟิ่งจิ่ว เจ้ารีบลุกมาดูหน่อย อาจารย์ของข้ามีไข้แล้วก็เหงื่อออกแล้ว เฟิ่งจิ่ว…”
เฟิ่งจิ่วที่ได้ยินเสียงทำได้เพียงลุกจากเตียง สวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกไปตรวจอาการให้อาจารย์ของเขา…
กระทั่งเช้าตรู่มาเยือน แสงอาทิตย์เส้นหนึ่งสาดส่องเข้ามาจากทางหน้าต่างจวนถ้ำ กระทบเตียงที่เฟิ่งจิ่วกำลังนอนพักอยู่ เธอพลิกตัวอย่างเกียจคร้าน ดึงผ้าห่มคลุมโปงแล้วนอนต่อ
เมื่อคืนเธอแทบไม่ได้นอน เพราะนอนได้ไม่นานก็ถูกปลุกตื่นขึ้นมา กระทั่งฟ้าใกล้สางถึงค่อยกลับห้องมาพักผ่อน เวลานี้ ข้างนอกเงียบสงบ เธอจึงอยากงีบต่อเพื่อเอาแรงสักหน่อย
ทว่า พอถึงยามเฉิน[1] เธอก็ถูกปลุกตื่นอีกครั้ง
“เฟิ่งจิ่ว ข้าให้คนต้มข้าวต้มมา เจ้าลุกมากินหน่อยเถิด!” มู่หรงอี้เซวียนตะโกนจากข้างนอก เธอที่ไม่ได้นอนทั้งคืนขมวดคิ้วอย่างเหนื่อยล้า
ที่จริง สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญเซียน ไม่ได้นอนหนึ่งคืนก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ทว่า เพราะเธอมีเรื่องกังลใจ อารมณ์และจิตใจจึงไม่เหมือนเดิน ส่งผลให้ยิ่งเหนื่อยง่าย
เฟิ่งจิ่วถอนหายใจ ลุกขึ้นจากเตียง หลังล้างหน้าล่างตาเสร็จก็เปิดประตูเดินออกไป นั่งลงข้างหินในห้องด้านนอก
“ข้าสั่งให้คนต้มข้าวต้มมาให้ ใช้ข้าวสารวิญญาณ รสชาติไม่เลวทีเดียว เจ้าชิมหน่อยเถิด!” มู่หรงอี้เซวียนตักข้าวต้มให้เธอหนึ่งถ้วย พร้อมยื่นตะเกียบให้เธออีกหนึ่งคู่ “ยังมีกับแกล้มอีกสองสามอย่างด้วย”
“อืม” เธอเองก็ไม่ได้เกรงใจ พอได้กลิ่นหอมของข้าวต้มก็ยกขึ้นซดคำหนึ่ง คีบกับแกล้มมากิน อาหารเช้ายังกินไม่หมด ก็ได้ยินเสียงเจ้าสำนักและคนอื่นๆ มาจากข้างนอก
………………………………….
ตอนที่ 1782 คนแปลกประหลาด
“คารวะเจ้าสำนัก คารวะเจ้าเขาทุกท่าน” มู่หรงอี้เซวียนลุกขึ้นคารวะ
เจ้าสำนักโบกมือ สายตาจับจ้องไปที่เฟิ่งจิ่วในชุดสีแดง แต่ปากกลับถามมู่หรงอี้เซวียน “อาจารย์ของเจ้าดีขึ้นบ้างหรือไม่?”
“เมื่อคืนท่านอาจารย์เป็นไข้เล็กน้อย แต่มีเฟิ่งจิ่วอยู่ ตอนนี้จึงไม่เป็นไรแล้วขอรับ” เขารายงานไปตามจริง
เจ้าสำนักพยักหน้า หันไปส่งสัญญาณให้คนข้างหลัง จากนั้นก็บอกว่า “ยาทิพย์เตรียมครบหมดแล้ว” ศิษย์หลายคนที่อยู่ข้างหลังเขาหอบเอากล่องยาทิพย์เดินเข้ามา วางไว้ในห้อง
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “อีกเดี๋ยวข้าค่อยดู” จากนั้นก็กินมื้อเช้าต่อ
“พาพวกข้าไปดูอาจารย์ของเจ้าหน่อย” เจ้าสำนักหันไปบอกมู่หรงอี้เซวียน
“ขอรับ เจ้าสำนัก เจ้าเขาทุกท่าน เชิญข้างใน” เขาทำท่าผายมือ เชิญพวกเขาเข้าไปข้างในพร้อมกัน
ขณะที่เจ้าสำนักกับคนอื่นเข้าไปดูอาการเซียนหยวนชิงข้างใน เฟิ่งจิ่วกินมื้อเช้าเสร็จแล้วก็ไปตรงจดูยาทิพย์เหล่านั้น เธอหยิบยาทิพย์ขึ้นมาดูทีละอย่างแล้ววางลง ค่อนข้างพึงพอใจกับยาทิพย์เหล่านี้ที่เจ้าสำนักนำมาส่ง
เธอเก็บยาทิพย์เหล่านี้เข้าไปในห้วงมิติ จากนั้นก็เดินออกไป ขานเรียก “มู่หรงอี้เซวียน”
“มีอะไรหรือ?” เขาเดินออกมาจากข้างใน พลางถาม
“หาห้องกลั่นยาให้ข้าหนึ่งห้อง” เธอเอ่ยเสียงแช่มช้า
เจ้าสำนักได้ยินอย่างนั้น ก็เดินออกมา กล่าวว่า “บนยอดเขากลั่นยาของสำนักเรามีห้องกลั่นยาที่เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์มากมาย เจ้าไปกลั่นยาที่นั่นได้”
เฟิ่งจิ่วส่ายหน้า “ยุ่งยากเกินไป หาที่ไหนสักที่บนยอดเขาลูกนี้ก็พอ”
“บนยอดเขาลูกนี้ไม่มีห้องกลั่นยา หนำซ้ำไม่มีของจำพวกเตากลั่นด้วย เกรงว่า…” มู่หรงอี้เซวียนยังพูดไม่จบ ก็เห็นเฟิ่งจิ่วโบกมือ จึงหยุดพูด
“ไม่ต้องใช้ของพวกนั้น ข้าต้องการแค่พื้นที่โล่งกว้างไม่มีใครมารบกวนเท่านั้น”
ได้ยินอย่างนั้น มู่หรงอี้เซวียนครุ่นคิด แล้วบอกว่า “ห่างจากที่นี่ประมาณสามสิบจั้งมีจวนถ้ำอยู่หนึ่งห้อง ที่นั่นว่างอยู่ รอบๆ มีค่ายกลและเขตอาคมอยู่ ไม่มีใครเดินผ่านที่นั่น เพียงแต่ ที่นั่นนอกจากจวนถ้ำห้องเดียวก็ไม่มีอย่างอื่นเลย”
“อย่างนั้นก็เอาที่นั่นแล้วกัน ท่านบอกทางให้ข้า ข้าไปเองก็ได้ กลั่นยาเสร็จข้าจะกลับมาเอง ก่อนจะกลั่นยาเสร็จ พวกท่านก็อย่าไปรบกวนข้า” เธอกำชับ หันไปมองเจ้าสำนักกับเหล่าเจ้าเขาแวบหนึ่ง “อีกอย่าง หวังว่าสำนักบุปผาเซียนของพวกท่านจะเก็บเรื่องของข้าไว้เป็นความลับ อย่าได้แพร่งพรายออกไป”
ทุกคนได้ยินอย่างนั้นก็อึ้งงันเล็กน้อย ต่างมองหน้ากัน แต่สุดท้ายกลับพยักหน้ายอมทำตาม คนอื่นอยากมีชื่อเสียงแทบตาย เขากลับไม่ชอบมีชื่อเสียง นิสัยเช่นนี้กลับประหลาดนัก
ก็จริง ตั้งแต่เมื่อคืนที่เจอเด็กหนุ่มผู้นี้ ก็รู้สึกว่านิสัยของเขาค่อนข้างประหลาด จะขอร้องเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายนัก
“ข้าพาเจ้าไปก็แล้วกัน!” มู่หรงอี้เซวียนว่า พาเธอไปยังจวนถ้ำห้องนั้นด้วยตนเอง เพราะห่างกันเพียงสามสิบจั้ง จึงไม่ได้ไกลมาก ส่งเธอเสร็จเขาจึงย้อนกลับมา
“เด็กหนุ่มที่ชื่อเฟิ่งจิ่ว แล้วก็มีฉายาว่าภูตหมอนี่ เจ้าไปพาเขากลับมาจากที่ไหนกัน?” เหล่าเจ้าเขาที่ยังไม่กลับพากันยืนอออยู่หน้าจวนถ้ำ รอจนมู่หรงอี้เซวียนกลับมา แล้วถามขึ้น
เมื่อคืนไม่มีโอกาส ในที่สุดวันนี้ก็มีโอกาสแล้ว อย่างไรก็ต้องถามสักหน่อย
“เขาเป็นสหายของข้า ข้าเคยช่วยท่านปู่และท่านย่าของเขาไว้ ช่วงนี้ข้าพาพวกเขากลับไปส่ง ระหว่างนั้นรู้ข่าวว่าเกิดเรื่องกับท่านอาจารย์ ข้าจึงเชิญนางมาช่วย” เอ่ยจบ มู่หรงอี้เซวียนมองหน้าทุกคน “วิชาแพทย์ของเขาล้ำเลิศมาก ทุกท่านไม่ต้องห่วง มีเขาอยู่ ท่านอาจารย์ของข้าจะต้องไม่เป็นไรแน่”
………………………………….
[1] ยามเฉิน หมายถึงช่วงเวลาระหว่างเจ็ดโมงเช้าถึงเก้าโมงเช้า