เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1795 ข้าไม่ลงมือ ตอนที่ 1796 ปากอ้าตาค้าง
ตอนที่ 1795 ข้าไม่ลงมือ / ตอนที่ 1796 ปากอ้าตาค้าง
ตอนที่ 1795 ข้าไม่ลงมือ
“ข้าไม่ทำอะไรส่งเดชหรอกขอรับ” เธอเอ่ยเสียงเบา สายตาจดจ้องไปข้างหน้า คำนวณในใจว่าเสือขาวตัวนี้ยังทนได้อีกนานแค่ไหน?
ส่วนนายท่านลู่ที่เห็นเฟิ่งจิ่วทำหน้าตาอย่างนั้น ก็อดตะลึงไม่ได้ เขารู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก แม้เห็นว่ากลุ่มผู้ฝึกตนที่อยู่ข้างหน้ารุมโจมตีแม่เสือที่กำลังท้องโตทำเกินไปบ้าง แต่โลกนี้ก็เป็นอย่างนี้ ผู้อ่อนแอเป็นเนื้อสมันผู้แข็งแกร่งเป็นเสือสมิง
ยิ่งไปกว่านั้น แม่เสือตัวนั้นยังเป็นเสือขาวที่หาได้ยากในตระกูลเสือ เป็นธรรมดาที่คนพวกนั้นจะไม่ยอมปล่อยแม่เสือขาวตัวนั้นไปง่ายๆ อีกทั้งดูจากพลังของคนพวกนี้ ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรเสือขาวตัวนี้ก็ต้องตกอยู่ในกำมือของพวกเขา
ด้านหน้า เสือขาวพยายามต่อสู้อย่างสุดกำลัง มันแยกเขี้ยวเปล่งเสียงคำราม ในดวงตาเสือมีแววขึ้งเคียดและร้อนรน รวมถึงความกังวลที่คนอื่นมองไม่เห็น
ขาหลังของมันกำลังสั่น เลือดสีแดงสดไหลลงมาทีละหยดๆ แล้วยังต้องหลบการโจมตีจากคนพวกนั้น ความเจ็บปวดที่แผ่มาจากส่วนท้องทำให้เรี่ยวแรงของมันลดลงอย่างรวดเร็ว ตามองเห็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่งพุ่งแทงเข้ามาที่คอของมัน มันอยากจะหลบ แต่เพราะขาหลังอ่อนแรงจึงส่งผลให้ร่างกายนอนแบ็บลงไป
“กรรซ์!”
เสือขาวคำรามด้วยความเคียดแค้นและเศร้าเสียใจ ดวงตาพยัคฆ์จ้องมองกระบี่ยาวที่พุ่งแทงเข้ามา ทว่า ในช่วงเวลาคับขัน มันเห็นเพียงประกายแสงเส้นเล็กๆ พาดผ่าน เสียงแหวกอากาศดังวืดก่อนจะแทงเข้าไปที่ข้อมือของคนถือกระบี่ กระบี่ยาวเล่มนั้นร่วงลงกระทบพื้นพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของคนผู้นั้น
ครั้นหลุดพ้นจากอันตราย เสือขาวพลันตะลึง มันกวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะสะดุดอยู่ที่เงาร่างของเด็กหนุ่มในชุดสีเขียวที่อยู่ไม่ไกล มันสบตากับเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วร้องครางเบาๆ
เมื่อพวกของนายท่านลู่ที่อยู่ข้างหลังเฟิ่งจิ่วเห็นภาพนั้นก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ พวกเขาไม่เห็นว่าเฟิ่งจิ่วทำอะไร เห็นเพียงคนที่ถือกระบี่พุ่งแทงเสือขาวร้องเสียงหลง ก่อนที่กระบี่จะหลุดออกจากมือ
“ใครกัน!” ผู้ฝึกตนที่ทำกระบี่หลุดมือตวาดเสียงเกรี้ยว ตวัดสายตากวาดมอง ก่อนจะหันไปจ้องกลุ่มของพวกนายท่านลู่
“ข้าเอง” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยี เพียงแต่ ในดวงตากลับไร้ซึ่งรอยยิ้ม ยามเสียงเอื่อยเฉื่อยดังขึ้น เธอก็ทำท่าจะสาวเดินไปข้างหน้า
“สหายน้อยเฟิ่ง!” นายท่านลู่ไม่รู้มาอยู่ข้างเฟิ่งจิ่วตั้งแต่เมื่อใด เขาวางมือบนไหล่เฟิ่งจิ่ว พยายามจะห้ามปรามเธอ
เฟิ่งจิ่วหันกลับไป ยิ้มมองนายท่านลู่ “ไม่เป็นไร พวกเขาทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” เอ่ยจบ ก็สาวเท้าเดินไปข้างหน้า
“นายท่าน อย่าเข้าไปยุ่งขอรับ” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งก้าวเข้ากระซิบบอกเบาๆ “พวกเรากับเขาเพียงพบกันโดยบังเอิญ ไม่ถึงขั้นต้องไปมีเรื่องกับคนพวกนั้นเพื่อเขา”
“ท่านพ่อ พวกเรามีคนไม่มากเท่าพวกนั้น จะให้ดีอย่าเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ดีกว่าขอรับ” ลู่จี้หมิงกระซิบเบาๆ เป็นศัตรูกับคนพวกนั้นเพื่อคนที่ไม่ได้มีสัมพันธ์อะไรกัน ถือเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาด
ทว่า ขณะที่เขาเพิ่งจะเอ่ยจบ จู่ๆ ก็เห็นผู้ฝึกตนพวกนั้นสีหน้าผิดปกติ แต่ละคนขาอ่อนจนยืนยังแทบยืนไม่ไหว พวกเขาพากันตะลึงปากอ้าตาค้าง
“บัดซบ! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งใช้ดาบใหญ่ในมือยันพื้น บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดพราย
“ทั่วทั้งตัวไร้เรี่ยวแรง พลังวิญญาณก็แทบรวบรวมไม่ได้ ระ เราโดนวางยาแล้ว!” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งเบิกตากว้าง หันมองไปทางพวกนายท่านลู่ นึกว่าเป็นฝีมือของพวกเขา
เพียงแต่ วางยาพวกเขาโดยไร้ซุ่มเสียง? พวกนั้นทำได้อย่างไรกัน? ถึงขั้นที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย!
เทียบกับความตกตะลึงของคนพวกนั้น พวกของนายท่านลู่เองก็ไม่คาดคิดเช่นกัน…
………………………………….
ตอนที่ 1796 ปากอ้าตาค้าง
ฝั่งพวกเขาไม่มีใครทำอะไร เช่นนั้น ก็หมายความว่าเป็นฝีมือของสหายน้อยเฟิ่ง? เขาลงมือตอนไหนกัน? พวกเขาทุกคนอยู่ข้างๆ เขากลับไม่มีใครสังเกตเห็น?
เวลานี้ พวกเขาแต่ละคนทั้งตกตะลึงและหวาดกลัว โชคดีที่เขาไม่ได้คิดร้ายกับพวกเขา ไม่เช่นนั้น ไม่แน่หากเขาทำอะไรพวกเขาตอนไหน พวกเขาอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ชายชราชุดเทาพึมพำ “ยาอะไรกันที่ล้มผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินได้? ทั้งยังไร้สีไร้กลิ่น? เหลือเชื่อ น่าเหลือเชื่อจริงๆ…”
เขาเป็นหมอ ย่อมต้องรู้ ใช้ยาล้มผู้ฝึกตนทั่วไปนั้นง่าย แต่ยิ่งเป็นคนที่มีพลังแข็งแกร่ง แม้จะใช้ยาก็ไม่มีประโยชน์ อีกทั้งหากใช้ยาที่มีกลิ่น ก็จะถูกคนที่มีพลังแข็งแกร่งจับได้ง่ายๆ
ทว่าแม้แต่เขา ก็ยังไม่ได้กลิ่นยาอะไรในอากาศ หากไม่ใช่ผู้ฝึกตนพวกนั้นล้มลงทีละคน เขาก็ไม่กล้าเชื่อจริงๆ ว่าจะมีคนใช้ยาล้มผู้ฝึกตนที่พลังไม่ธรรมดาพวกนี้ได้…
“หืม? ยังไม่ล้มอีกหรือ?”
เฟิ่งจิ่วสาวเดินไปข้างหน้าช้าๆ เห็นผู้ฝึกตนบางคนล้มลงนอนบนพื้นอย่างหมดแรง บางคนกลับยังฝืนยืนอยู่ จึงยิ้มตาหยี ยื่นมือเข้าไปในแขนเสื้อหยิบเอาผงยาสีขาวห่อนหนึ่งออกมา “อย่างนั้นข้าเพิ่มให้พวกเจ้าอีกหน่อยก็แล้วกัน!”
ขณะพูด เธอเปิดห่อยา แขนเสื้อโบกสะบัด ผงยาสีขาวกระจายออกไป สาดใส่หน้าของผู้ฝึกตนเหล่านั้น มองดูจนพวกตระกูลลู่มุมปากกระตุก เนิ่นนานก็ยังพูดไม่ออก
ที่แท้ ก็ทำแบบนี้ได้ด้วย…
“แค่กๆ…”
แม้พวกเขาจะอยากกลั้นหายใจ แต่ผงยาพวกนั้นถูกสาดใส่บนตัว อาการแสบจมูกทำให้พวกเขากลั้นหายใจไม่อยู่และไอ จากนั้นก็ล้มลงไปตามๆ กัน
เฟิ่งจิ่วสะบัดแขนเสื้อ กระแสลมอ่อนๆ สายหนึ่งพัดผ่าน พัดเอายาเหล่านั้นให้จางหายไป จากนั้นจึงหันไปมองเสือขาวตัวนั้นที่นอนซมอยู่ข้างต้นไม้ เธอไม่ได้รีบร้อนเดินเข้าไป เพียงจ้องตามันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “ให้ข้าช่วยทำแผลให้เจ้าหรือไม่?”
เธอเดินไปข้างหน้า พลางถาม นายท่านลู่ที่เห็นการกระทำของเธอรีบห้ามปราม “สหายน้อยเฟิ่ง ไม่ได้นะ!”
เฟิ่งจิ่วชะงักเท้า หันกลับไป คล้ายไม่ค่อยเข้าใจ จึงถามด้วยความสงสัย “เหตุใดไม่ได้?”
นายท่านลู่ไม่ได้เดินเข้ามาใกล้ เพียงเดินออกมาจากวงล้อมคุ้มกัน มองเสือขาวที่กำลังระวังตัวแวบหนึ่ง อธิบายว่า “เสือขาวนิสัยดุร้าย เทียบกับเสือทั่วไปไม่ได้ ยิ่งไม่ชอบเข้าใกล้คน หากเจ้าเดินเข้าไปใกล้เกรงว่ามันจะโจมตีเจ้า”
“อ้อ ที่แท้ก็อย่างนี้เอง!” เฟิ่งจิ่วหัวเราะ แต่กลับเอ่ยว่า “แต่ไม่เป็นไร มันไม่มีแรงแล้ว” ขณะกล่าวก็ก้าวเดินไปข้างหน้า มาหยุดยืนข้างกายเสือขาว “สัตว์ศักดิ์มีสติปัญญารับรู้ได้แล้ว เจ้ารู้ว่าข้าไม่มีเจตนาร้ายใช่หรือไม่? เอาแผลของเจ้าให้ข้าดูหน่อย ข้าจะทำแผลให้”
เสือขาวจ้องเฟิ่งจิ่ว ก่อนจะครางตอบเบาๆ จากนั้นก็พลิกตัว เปิดท้องของมันให้เฟิ่งจิ่วเห็น ดวงตาพยัคฆ์จ้องมองเธอ ในสายตามีแววอ้อนวอน
พวกนายท่านลู่งงงัน กลับเห็นเสือขาวที่ไม่ชอบเข้าใกล้มนุษย์พลิกตัว นอนหงายเอาแขนขาทั้งสี่ข้างชี้ฟ้า ภาพนั้นมองอย่างไรก็ดูแปลกและเหนือความคาดหมาย
“ท้อง? เจ้าจะคลอดแล้วหรือ?” เฟิ่งจิ่วถามเบาๆ เอื้อมมือไปตบท้องโตๆ ของมัน สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของชีวิตน้อยที่อยู่ข้างใน ก็อดยิ้มอย่างอ่อนโยนไม่ได้ เพียงแต่นาทีต่อมา รอยยิ้มของเธอกลับจางหายไป
………………………………….