เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1817 ผู้อาวุโสกุ่ยผู้ชั่วร้าย / ตอนที่ 1818 จับพลัดจับผลู
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1817 ผู้อาวุโสกุ่ยผู้ชั่วร้าย / ตอนที่ 1818 จับพลัดจับผลู
ตอนที่ 1817 ผู้อาวุโสกุ่ยผู้ชั่วร้าย / ตอนที่ 1818 จับพลัดจับผลู
ตอนที่ 1817 ผู้อาวุโสกุ่ยผู้ชั่วร้าย
ผู้อาวุโสถานเพิ่งจะหายตัวออกไปได้ไม่นาน ชายชุดดำสองคนก็เข้ามาจากข้างนอก พวกเขาตวัดสายตามองเฟิ่งจิ่วที่อยู่ในห้องเหล็กแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปปลดกุญแจเหล็กดำ ใช้ถุงสีดำผืนหนึ่งคลุมหัวเฟิ่งจิ่ว แล้วลากเธอเดินออกไปข้างนอก
ในที่ลับ ผู้อาวุโสถานมองดูอยู่ เขาถอนหายใจเบาๆ สุดท้ายได้แต่ส่ายหน้ากับตนเองแล้วจากไป เงาร่างของเขาหายลับไปท่ามกลางราตรี…
เฟิ่งจิ่วรู้สึกเพียงว่าถูกสองคนนั้นผลักให้เดินไปข้างหน้า มองเห็นทิศทางไม่ค่อยชัด ไม่รู้ว่าจะถูกพาตัวไปที่ใด กระทั่ง เธอถูกสองคนนั้นพาเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย
เพราะกลิ่นอายพลังวิญญาณในค่ายกลนั่น แม้เธอจะมองไม่เห็นแต่ก็สัมผัสได้ ลึกๆ ข้างในยิ่งรู้สึกตะลึง หอรวมสมบัติมีค่ายกลเคลื่อยย้ายด้วยงั้นหรือ? ก็แค่จะพาเธอย้ายไปที่อื่นไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงกับต้องใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย?
แม้เธอจะลอบประหลาดใจ แต่กลับไม่ส่งเสียงใด สองคนนี้เพียงรับหน้าที่จับตัวเธอไปส่ง ถึงจะถามไปก็เปล่าประโยชน์
เธอถูกชายชุดดำสองคนนั้นจับแขนแน่น ภายใต้แรงดูดอันมหาศาล ถึงจะมองไม่เห็นแต่ก็รับรู้ได้ว่าฟ้าดินหมุนคว้าง เท้าลอยเหนือพื้น ราวกับเข้าไปในห้วงมิติ ผ่านไปครู่หนึ่ง เท้าของเธอเหยียบลงบนพื้นอีกครั้ง
กลิ่นอายที่ปะทะเข้ามาแตกต่างไปจากเดิม นั่นเป็นกลิ่นคาวเลือด เป็นกลิ่นอายกระหายเลือดและเหี้ยมเกรียม เสียงกระบี่และดาบกระทบกันดังขึ้นข้างหู รวมถึงเสียงคำรามต่ำด้วย
ถุงดำที่คลุมหัวถูกคนดึงออก เธอจึงได้เห็นภาพตรงหน้าอย่างชัดเจน
นั่นเป็นลานสนามที่กว้างใหญ่มาก พื้นดินปกคลุมไปด้วยทรายเหลือง ไม่มีใบไม้ต้นหญ้าสีเขียวให้เห็นเลยแม้แต่น้อย รอบๆ ลานกว้างมีกรงเหล็กหลายกรงวางล้อมไว้ ข้างในขังสัตว์ร้ายที่กำลังหลับใหลอยู่ และในอีกด้านของลานกว้าง ชายหลายคนกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น
คนพวกนั้นบางคนก็เป็นเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปี บางคนก็เป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปี แล้วก็มีชายฉกรรจ์อายุประมาณสามสิบ มีหลากหลายช่วงอายุ ทว่ามีความระแวดระวังและเหี้ยมโหดที่เหมือนกัน
สำหรับเธอที่จู่ๆ ก็มาโผล่ที่นี่ คนพวกนั้นหรี่ตาจ้องพิจารณาเธอด้วยสายตากระหายเลือด จากนั้นจึงค่อยละสายตาออกไปอย่างเย็นชา
“ไป!”
ชายชุดดำสองคนที่อยู่ข้างๆ ผลักเขา เธอทำได้เพียงตามเขาไป เดินตามชายชุดดำสองคนนั้นผ่านลานกว้างแห่งนี้ด้วยหน้าตาหวาดกลัว มาถึงเรือนที่ด้านหลังติดกับภูเขาหลังหนึ่ง
เรือนเรียบง่ายหลังหนึ่ง แต่กลับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในนี้ นอกจากผู้ฝึกวิชามารร่างกายกำยำสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอก คนในเรือน เหมือนจะมีพลังที่ลึกล้ำยากหยั่งถึงยิ่งกว่า
“ผู้อาวุโสกุ่ย มีเด็กมาใหม่หนึ่งคนขอรับ” ชายชุดดำสองคนที่จับตัวเธอยืนคารวะอย่างนอบน้อมอยู่หน้าประตู หากไม่ได้รับอนุญาตจากคนข้างใน พวกเขาไม่แม้แต่จะกล้าเข้าไปด้วยซ้ำ
“ไหนว่าได้คนครบแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดยังส่งคนมาอีก?” เสียงลึกลับดังออกมาจากข้างใน เสียงนั้นนิ่มนวลเยือกเย็น แต่กลับชวนใจสั่นดุจเสียงของอสรพิษ
“เรียนผู้อาวุโสกุ่ย เป็นคนที่ผู้อาวุโสเฝิงพามา บอกว่าเด็กนี่ใสซื่อ หากฝึกฝนได้ดี อาจมีประโยชน์ไม่น้อย”
“งั้นหรือ? พาเข้ามาให้ข้าดูหน่อย”
เสียงข้างในดังขึ้นอีกครั้ง เฟิ่งจิ่วถูกสองคนนั้นจับตัวเข้าไป ครั้นมาถึงข้างใน เฟิ่งจิ่วกลืนน้ำลาย ร่างกายสั่นเทิ้ม สีหน้าซีดเผือดมองคนที่นอนพิงหมอนอยู่บนตั่ง
คนตรงหน้าคือชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบห้าสิบปี เพียงแต่ร่างกายเล็กผอม ราวกับเพียงลมพัดเบาๆ ก็ล้มได้ แม้แต่ใบหน้านั้น ก็ยังผอมยาว สีผิวเขียวซีด เหมือนคนร่างกายอ่อนแอมาก
ทว่า ดวงตาคู่นั้นกลับเย็นชากระหายเลือด กลิ่นอายรอบกายยิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ถูกเขามองแวบหนึ่งเหมือนถูกอสรพิษจ้องมอง พาให้รู้สึกอกสั่นขวัญหายอย่างไม่อาจควบคุม
………………………………….
ตอนที่ 1818 จับพลัดจับผลู
และในอ้อมแขนของชายวัยกลางคนร่างผอมสูงท่าทางเย็นชาผู้นี้ ยามนี้มีหญิงสาวงดงามที่เปลือยกายครึ่งหนึ่งนอนอยู่ตรงนั้น หญิงสาวนางนั้นอิงแอบอยู่ข้างกายเขาอย่างอ่อนหวาน เรือนร่างเปลือยเปล่าปรากฏสู่สายตา แต่กลับไม่กลัวสายตาคนนอก ตรงกันข้ามยามถูกมือของอาวุโสเหล่าลูบไล้อย่างซุกซน นางกลับส่งเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจ
ชายชุดดำสองคนที่เข้ามาไม่กล้าเงยหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองเพียงแวบเดียว ราวกับกลัวว่าจะมีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นก็ไม่ปาน
ส่วนเฟิ่งจิ่วกลับยืนมองอย่างอึ้งๆ ด้วยใบหน้าซีดเผือด สายตาแสดงถึงความหวาดกลัวได้อย่างพอดี ภายใต้การแสดง ก็คือเด็กหนุ่มที่ตกใจกลัวจนทำตัวไม่ถูกคนหนึ่ง
เห็นดวงตากระหายเลือดคู่นั้นของผู้อาวุโสกุ่ยกวาดมองร่างกายของเธออย่างพิจารณา เธอไม่ขยับแม้แต่น้อย เพียงกลืนน้ำลาย “ทะ ที่นี่ที่ไหน? ขะ ข้าจะกลับบ้าน…”
“กลับบ้าน? หึๆๆ…” ผู้อาวุโสกุ่ยผู้นั้นราวกับได้ยินคำพูดน่าขำ เขาเปล่งเสียงหัวเราะอันเย็นเยียบ “เข้ามาในตำหนักยมราช พวกเจ้าล้วนเป็นผีน้อยที่อยู่ในกำมือข้า กลับบ้านงั้นหรือ? หึๆ อย่าได้เพ้อฝันไป”
สิ้นเสียงอันเย็นชา เขาพลันดีดนิ้ว กระแสอากาศขุมหนึ่งซัดใส่เฟิ่งจิ่ว
นาทีนั้น เฟิ่งจิ่วอยากตอบโต้โดยสัญชาตญาณ ทว่า เธอยังคงอดกลั้นไว้ทันเวลา เธอเปล่งเสียงร้องครวญครางโดยสัญชาตญาณเมื่อโดนกระแสอากาศขุมนั้นซัดใส่ อ้าปากเล็กน้อย อีกฝ่ายฉวยโอกาสนี้ดีดยาเม็ดหนึ่งใส่ปากของเธอ
“อ้วก!”
เธอยกสองมือบีบคอตนเอง ทำท่าทางเหมือนคนอยากอาเจียน นาทีที่เธอก้มหัวโค้งตัวอ้าปากทำท่าจะอาเจียน ก็เหลือบเห็นป้ายห้อยเอวแผ่นหนึ่งของผู้อาวุโสกุ่ยที่ตกอยู่บนพื้น ยามเห็นป้ายห้อยเอวแผ่นนั้น สายตาของเธอพลันหรี่เล็ก แทบจะในเสี้ยวนาทีนั้น เธอรีบเก็บงำสายตาที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“เอาตัวออกไป คนข้างนอกจะสอนกฎระเบียบเขาเอง” ผู้อาวุโสกุ่ยโบกมือ หรี่ตาเล็กน้อย ไม่สนใจพวกเขาอีก เพียงหันกลับไปหยอกเย้ากับหญิงสาวในอ้อมแขน ทำเอาหญิงสาวนางนั้นหัวเราะคิกคักไม่ขาดสาย
เมื่อมาถึงข้างนอก ชายชุดดำสองคนผลักเฟิ่งจิ่วเข้าไปที่ลานกว้างแห่งนั้น จากนั้นก็หมุนตัวกลับไปรายงาน
ทว่าพอหลังจากสองคนนั้นเดินออกไป เฟิ่งจิ่วอาศัยตอนที่แสร้งไอ คายยาเม็ดนั้นที่ซ่อนไว้ใต้ลิ้นออกมา ก่อนจะพลิกข้อมือเก็บไว้ แม้ไม่ได้กินลงไปแต่ก็รู้ว่ามันเป็นพิษร้ายแรงที่เอาไว้ใช้ควบคุมคนพวกนี้ ร่างกายของเธอแม้สารพัดพิษไม่อาจกล้ำกลาย แต่ของอย่างนี้ไม่กินก็ดีกว่า หนำซ้ำเธอยังอยากเอามันไปศึกษาดูว่าเป็นพิษชนิดใด?
เธอสาวเท้าเดินไปบนสนาม เพราะฟ้ายังไม่สว่าง แสงสว่างมีไม่มากนัก กอปรกับใบหน้าของคนพวกนั้นไม่เปื้อนดินโคลนก็เปื้อนคราบเลือด รูปร่างหน้าตาของคนพวกนั้นมองเห็นได้ไม่ชัดเจน ทว่าสิ่งที่มั่นใจได้ก็คือคนพวกนี้ล้วนเป็นคนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วย แต่ละคนเหมือนสัตว์ป่า ดวงตาแสดงถึงความกระหายเลือด ราวกับขอเพียงเธอเข้าใกล้เพียงก้าวเดียว พวกเขาก็จะกระโจนเข้ามาฉีกร่างเธอเป็นชิ้นๆ ทันที
พอหามุมที่ไม่มีคนได้ เธอนั่งขดตัวกอดขาอยู่ตรงนั้น พลางมองพิจารณารอบๆ ตัว รวมถึงคนพวกนั้นด้วย ดูสถานการณ์ และดูคนพวกนั้น อยู่ๆ เธอก็เริ่มนึกได้ว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่แบบใด
เพียงแต่ในสนามนี้ นอกจากคนพวกนั้นที่เป็นผู้ฝึกวิชามาร ส่วนมากล้วนเหมือนเธอที่ไม่ได้ฝึกวิชามาร อีกอย่าง เมื่อครู่ที่เธอเหลือบเห็นอักษรที่สลักบนป้ายห้อยเอว มันสลักไว้ว่าวิหารราตรีอย่างชัดเจน
วิหารราตรีคือกลุ่มอำนาจที่ส่งคนไปทำลายราชวงศ์เฟิ่งหวงในตอนนั้น แล้วก็เป็นคนที่ทำลายวรยุทธ์ของพ่อของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ กลุ่มอำนาจนี้กระจายอยู่ทั่วแผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำ ไม่เพียงมีผู้ฝึกวิชามาร ยังมีผู้ฝึกเซียนด้วย แต่นึกไม่ถึงว่าหอรวมสมบัติแห่งนี้ก็เป็นของวิหารราตรีด้วย