เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1827 ร้องขอความช่วยเหลือ / ตอนที่ 1828 อย่าเป็นตัวถ่วง
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1827 ร้องขอความช่วยเหลือ / ตอนที่ 1828 อย่าเป็นตัวถ่วง
ตอนที่ 1827 ร้องขอความช่วยเหลือ / ตอนที่ 1828 อย่าเป็นตัวถ่วง
ตอนที่ 1827 ร้องขอความช่วยเหลือ
กลางป่า เฟิ่งจิ่วถูกผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณคนหนึ่งไล่ตาม เธอสาวเท้าออกวิ่งเตลิดไปทั่ว พลางร้องตะโกน “อ๊าก! ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย…”
“บัดซบ! เจ้าเด็กนั่น เกิดปีกระต่ายหรือไร? วิ่งเร็วปานนี้!” ผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณคนนั้นสบถด่า เดิมคิดว่าเจ้าเด็กคนนี้รูปร่างผอมแห้ง ดูไม่มีคุณสมบัติในการเป็นสายลับ กอปรกับบังเอิญเจอ จึงคิดจะจัดการเขาเสีย
ใครจะรู้เพราะที่นี่มีหญ้ารกชัฏและกิ่งไม้ดกหนา ทำให้หลังจากที่เด็กหนุ่มหนีไปได้ เขาก็ตามไม่ทันอีกเลย แม้เห็นว่าเด็กหนุ่มอยู่ใกล้แค่สามสิบกว่าจั้ง แต่กลับไม่อาจเอาชีวิตเขาได้ ในใจก็มีเพลิงโทสะก่อตัวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เขาโยนความผิดไปให้เด็กหนุ่ม และคิดว่าอย่างไรก็ต้องเอาชีวิตอีกฝ่ายให้ได้!
“อ๊าก! ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…”
เฟิ่งจิ่ววิ่งหนีพลางแหวกหญ้าข้างหน้ามุดไปทั่ว บังเอิญเจอคนอื่นอยู่บริเวณนั้นเป็นระยะ แต่คนพวกนั้นเห็นเธอถูกผู้ฝึกวิชามารคนนั้นไล่ตาม สีหน้าก็พลันเปลี่ยน รีบพากันถอยหนีอย่างรวดเร็ว
ก็จริง อยู่ในนี้แค่จะป้องกันตัวก็ยังเป็นปัญหา มีหรือจะไปสนใจความเป็นความตายของคนอื่น? ยิ่งไปกว่านั้น คนข้างหลังของเธอยังเป็นถึงผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณ คนในนี้ส่วนมากล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณ
ถึงอย่างไรหากไม่ร่วมมือกันสู้ ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังจะสามารถสังหารผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณได้อย่างไรกัน?
ทว่า ไม่ว่าเรื่องใดล้วนมีข้อยกเว้น ห่างออกไปไม่ไกล ชายฉกรรจ์ที่รวมกลุ่มกันได้ยินเสียงที่ดังมาจากข้างหลัง พวกเขาหันไปมองพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ยามเห็นเด็กหนุ่มที่ร้องขอความช่วยเหลือเป็นเด็กหนุ่มที่เคยถูกเสือร้ายไล่กัด พวกเขาสีหน้าไหวระริกเล็กน้อย
“เป็นเขา เด็กหนุ่มคนนั้น”
“จริงด้วย ไม่นึกเลยว่าผ่านไปครึ่งวันแล้ว เจ้าเด็กนี่ยังมีชีวิตอยู่อีก”
“เขาวิ่งเร็วปานนั้น ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก พวกเจ้าดูสิ คนที่ไล่ตามเขายังเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณเสียด้วย”
“จะช่วยหรือไม่?”
ครั้นถามคำถามนี้ออกไป พวกเขามองหน้ากัน จากนั้นก็ยิ้ม สองคนในกลุ่มรีบถอยหลังออกไปยังสองฝั่งซ้ายขวาทันที เชือกเส้นหนึ่งถูกพวกเขาขึงออก เพียงแต่ซ่อนเอาไว้ใต้ต้นหญ้า มองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก อีกสองคนซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกิ่งไม้เบียดเสียดเงียบๆ รอโอกาสอันเหมาะสม
เฟิ่งจิ่วเห็นแล้ว ตวัดมองพวกเขาอย่างแนบเนียน เห็นว่าเชือกที่ถูกขึงวางอยู่บนพื้นไม่ได้ดึงขึ้น เธอลอบประหลาดใจเล็กน้อย หันหน้าวิ่งไปทางนั้น หลังวิ่งผ่านเชือกเส้นนั้นก็สะดุดถูกหินเล็กๆ ก้อนหนึ่ง ร่างของเธอพุ่งล้มไปข้างหน้าราวกับเสียหลักการทรงตัว
“เจ้าเด็กชั่ว! ดูสิว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้อีก!”
ผู้ฝึกวิชามารคนนั้นหัวเราะเสียงดัง มือง้างกระบี่โจมตีเข้าไป หมายจะฟันร่างของเธอ ทว่าในเวลานี้เอง เชือกที่ซ่อนอยู่ใต้หญ้าถูกดึงขึ้นขณะที่ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณคนนั้นโฉบผ่าน คนที่อยู่สองฝั่งลุกขึ้นพุ่งตัวสลับฝั่ง มัดผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณคนนั้นไว้ตรงกลาง สองคนที่อยู่บนต้นไม้กระโดดลงมา ถือกระบี่พุ่งโจมตีเข้าไปที่ผู้ฝึกวิชามารคนนั้นทันที
ผู้ฝึกวิชามารตะลึง ขณะคิดจะใช้กระบี่ฟันเชือกเส้นนั้น กลับค้นพบว่านั่นเป็นเชือกที่พวกเขาจัดเตรียมไว้ กอปรกับพบว่ามีไอสังหารพุ่งเข้ามา จึงรีบยกกระบี่ขึ้นต้านรับ
“เคร้ง!”
เสียงดาบกระบี่ปะทะกัน ส่งเสียงกระทบดังสนั่น เพียงแต่ขณะที่ดาบกระบี่ปะทะกัน สองคนที่กระโดดลงมาจากต้นไม้ถูกกระแสอากาศของผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณดีดออกไปจนล้มลงไปในพุ่มหญ้า
“พรวด!”
เลือดสดๆ กระอักออกจากปาก ทั้งสองหน้าซีดเล็กน้อย กลับไม่ชะงักหยุดรีบพุ่งตัวเข้าไปทันที ทว่าในตอนนี้เอง ผู้ฝึกวิชามารใช้สองมือดึงเชือกแล้วสะบัดใส่สองคนที่กำลังขึงเชือกไว้…
………………………………….
ตอนที่ 1828 อย่าเป็นตัวถ่วง
“อ๊าก!”
ทั้งสองถูกสลัดออกไป ร่างกระแทกกับต้นไม้ใหญ่อย่างแรง ส่วนสองคนที่เพิ่งลุกขึ้นจากพื้นพุ่งเข้าไปกอดขาของเขาเพื่อพยายามทำให้เขาล้ม อีกสองคนที่เห็นอย่างนั้นรีบดึงดาบออกมาแล้วพุ่งเข้าไป ในเวลานี้ มีชายสองคนที่อยู่แถวๆ นั้นเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย
ชั่วขณะหนึ่ง จากสี่คนกลายเป็นหกคน ทั้งหกคนร่วมมือกัน กลับทำให้ผู้ฝึกวิชามารไม่อาจลงมือสังหาร เฟิ่งจิ่วที่ล้มอยู่บนพื้นมองดูหกคนนั้นรุมโจมตีผู้ฝึกวิชามาร สายตาไหวระริก ไม่นาน เธอหยิบเชือกบนพื้นขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าไปรัดคอผู้ฝึกวิชามารที่กำลังถูกล้อมโจมตีตรงกลาง
“อึก!”
เสียงครวญด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ผู้ฝึกวิชามารหน้าแดงก่ำ ร่างกายถูกดาบแทง มือเท้าถูกคนคนหนึ่งขึงไว้ ส่วนคอก็ถูกเชือกรัด รู้สึกเพียงหายใจลำบาก เจ็บบาดแผล
“ตายเสียเถอะ!”
ชายฉกรรจ์ที่ถือดาบเงื้อดาบขึ้นก่อนจะฟันลงอย่างแรง ดาบนี้ฟันลงที่กลางอกของผู้ฝึกวิชามาร เขาร้องครวญ เลือดสดๆ ทะลักออกมา ร่างกายกระตุกสั่น ดวงตาสองข้างเบิกกว้าง กระทั่งสิ้นลมไป
หลังจากที่ผู้ฝึกวิชามารสิ้นลม พวกเขาจึงค่อยปล่อยมือ ล้มตัวนั่งบนพื้นพลางหอบหายใจ ตามคาด หนึ่งคนพลังน้อย หลายคนพลังมาก พลังแห่งการร่วมมือกัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีพลังมาก ก็สามารถสังหารผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณได้
“เอาของบนตัวเขามา รีบไปกันเถิด” เหลยเซียนเอ่ยเสียงเข้ม ขณะที่ลุกขึ้น เขาหันมองรอบๆ ไปด้วย
คนรอบๆ มองพวกเขา แต่กลับไม่เคลื่อนไหวใดๆ แม้เห็นพวกเขาได้ของมามากมายหลังจากสังหารผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณแล้ว ก็ไม่ได้เข้าไปแย่งชิง เพราะคนอื่นๆ ส่วนมากอยู่ลำพัง มีเพียงพวกเขาไม่กี่คนที่รวมกลุ่มกัน
ชายสองคนที่เข้ามารวมกลุ่มใหม่เห็นชายชุดเขียวรัดคอคนตายก็นั่งหอบหายใจอยู่บนพื้น พวกเขาจึงดึงแขนของเด็กหนุ่มคนละข้าง “เร็วเข้า! หากยังไม่ไปผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณข้างหลังจะตามมาแล้ว”
ด้วยเหตุนี้ เฟิ่งจิ่วจึงถูกพวกเขาลากไปด้วยทั้งอย่างนั้น…
อาจเพราะเห็นพวกเขาร่วมมือกันสังหารผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณ คนอื่นๆ จึงเลียนแบบพวกเขาเริ่มจับกลุ่มกันบ้าง น้อยหน่อยก็จับกลุ่มกันไม่กี่คน มากหน่อยก็จับกลุ่มกันสิบกว่าคน หรือยี่สิบกว่าคน และเพราะพวกเขาจับกลุ่มกัน อัตราการตายหลังจากนั้นจึงลดต่ำลง
เฟิ่งจิ่วที่ถูกลากไปข้างหน้าด้วยเพิ่งจะได้สติกลับมาหลังผ่านไปครู่หนึ่ง เธอมองพิจารณาคนรอบๆ ขณะที่เธอกำลังมองพิจารณาพวกเขา พวกเขาก็แนะนำตัวกันเสร็จแล้ว และกำลังมองมาที่เธอ
“เจ้าวิ่งหนีเร็วมากไม่ใช่หรือ? เหตุใดพออยู่ในป่าผืนนี้จึงวิ่งไม่ออกแล้วเล่า?” หนึ่งในนั้นถามด้วยรอยยิ้มอย่างยากจะเห็น เห็นชัดว่าเพราะนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่เฟิ่งจิ่วถูกเสือร้ายวิ่งไล่
“ป่าผืนนี้พื้นไม่ราบ หญ้าก็เยอะ ย่อมวิ่งเร็วได้ไม่เหมือนยามปกติอยู่แล้ว” เฟิ่งจิ่วตอบ มองพวกเขา ก่อนถามว่า “พวกท่านจับกลุ่มกันเดินทางหรือ? เช่นนั้นข้าไปกับพวกท่านด้วย ได้หรือไม่?”
พวกเขาได้ยินอย่างนั้น มองเขาแวบหนึ่ง เหลยเซียวตอบ “ท่ามกลางผู้คนมากมายขนาดนี้ เจ้าดูอ่อนแอที่สุด เจ้าจะตามพวกข้าไปนั้นได้ แต่บอกไว้ก่อนว่าห้ามเป็นตัวถ่วงพวกข้าเด็ดขาด”
เฟิ่งจิ่วเผยยิ้มดีใจ ใบหน้าสะท้อนความใสซื่อ “ไม่แน่นอน ข้าจะไม่เป็นตัวถ่วงแน่นอน” เธอจะเป็นตัวถ่วงได้อย่างไรกัน? ล้อกันเล่นแน่ๆ
“ตอนนี้ยังไม่มีแผนที่ เกรงว่าพวกเราคงได้แต่หลงทางอยู่ที่นี่ หลังจากนี้ พวกเจ้ามีคำแนะนำอะไรหรือไม่?” เซียวเหลยมองพวกเขาพลางถาม