เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1839 ข่าวคราว / ตอนที่ 1840 ชี้แนะ
ตอนที่ 1839 ข่าวคราว / ตอนที่ 1840 ชี้แนะ
ตอนที่ 1839 ข่าวคราว
ทุกคนเห็นสีหน้าของเขาก็รู้สึกแปลกใจ มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เป็นผู้ชายอกสามศอกจะมาทำกระมิดกระเมี้ยนไปทำไมกัน? ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ก็มีแต่ผู้ชายด้วยกันเองทั้งนั้น
“เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?” เหลยเซียวเองก็ถามด้วย เขาจ้องชายหน้าตาสะอาดสะอ้าน “มีอะไรก็พูดมา อย่ามัวแต่อ้ำอึ้งอยู่”
“ใครอ้ำอึ้งกัน?” ชายหน้าตาสะอาดสะอ้านตวัดมองเขาแวบหนึ่ง กระแอมหนึ่งครั้ง ก่อนตอบว่า “ข่าวนี้ได้มาจากผู้หญิงของอาวุโสกุ่ย”
ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนอึ้งงัน “ผู้หญิงคนนั้น? หมายความว่าอย่างไร? ถึงนางจะรู้ แล้วจะเอาเรื่องนี้มาบอกเจ้าได้อย่างไร?”
ชายหน้าตาสะอาดสะอ้านหน้าแดงก่ำ ราวกับกำลังกล้ำกลืนฝืนทน แต่กลับพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
เฟิ่งจิ่วเห็นอย่างนั้น ก็อดกระพริบตาปริบๆ ไม่ได้ เธอจ้องชายหน้าตาสะอาดสะอ้านแล้วก็พลันกระจ่าง ถามด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “ท่านล่อลวงนางหรือ?”
“ใครล่อลวงผู้หญิงคนนั้นกัน?”
ชายหน้าตาสะอาดสะอ้านรีบแย้ง เห็นทุกคนต่างจ้องมาที่เขา จึงกระแอมเบาๆ และแก้ต่างว่า “ผู้หญิงคนนั้นต้องการใกล้ชิดข้า ข้าจึงใช้แผนยอกเอาหนามบ่ง หลอกถามข้อมูลมาจากนางได้ไม่น้อย เรื่องพวกนี้เป็นความจริงแน่นอน”
ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนจึงพยักหน้าราวกับถึงบางอ้อ หากเป็นอย่างนี้ก็พออธิบายได้ โดยเฉพาะยิ่งชายคนนี้แลดูสะอาดสะอ้าน รูปร่างหน้าตาไม่เลว มองแวบแรก ก็เหมือนหนุ่มหน้าขาว เทียบกับอาวุโสกุ่ยแล้วดีกว่ามากจริงๆ
“แต่เมื่อกี้เจ้าบอกว่าภูตหมองั้นหรือ? วิชาแพทย์ของคนผู้นี้ยอดเยี่ยมจริงๆ?” เหลยเซียวถามขึ้นอีก
“อืม จากที่สหายผู้นั้นของข้าบอก ใต้หล้านี้ไม่มีพิษใดที่ภูตหมอแก้ไม่ได้” ชายคนเดิมตอบ น้ำเสียงมั่นใจ เห็นได้ชัดว่าเชื่อใจคำพูดของสหายคนนั้นของตนเองมาก
เฟิ่งจิ่วลูบหน้าที่ร้อนผะผ่าวเล็กน้อย เธอยืนอยู่ตรงนี้ แต่คนพวกนี้กลับชมเธอโดยไม่รู้ตัว อืม รู้สึกเขินอยู่บ้างจริงๆ
ทุกคนได้ยินอย่างนั้น ก็จับกลุ่มกันหารือ สุดท้ายก็ตัดสินใจเดิมพันสักครั้ง ด้วยเหตุนี้ หลังจากแนะนำตัวกันคร่าวๆ คนจำนวนห้าหกสิบคนก็เดินหน้าไปตามที่แผนที่บอก
ตลอดเส้นทาง เฟิ่งจิ่วสัมผัสได้ว่าในกลุ่มสามสิบคนก่อนหน้าคล้ายผ่านการจัดระเบียบมาแล้ว ไม่มีใครที่คิดไม่ซื่อ และพวกเขาที่มีกันสิบกว่าคนก็เช่นกัน คนห้าหกสิบคนรวมกลุ่มกัน ระหว่างทางแม้พบเจออันตราย แต่กลับผ่านไปได้อย่างปลอดภัย
กอปรกับท่ามกลางคนเหล่านี้ มีคนที่ชำนาญในแต่ละด้าน อีกทั้งยังมีนิสัยตรงเด็ดเดี่ยวและหนักแน่น เรียกได้ว่าสมกับเป็นต้นกล้าชั้นดี
“ข้างหน้าเป็นแหล่งน้ำแล้ว พอถึงตรงนั้นทุกคนพักกันสักหน่อยก็แล้วกัน” ชายหน้าตาสะอาดสะอ้านหรือก็คือห่าวจวินหาวกล่าวขึ้น พลางชี้ไปยังข้างหน้าที่อยู่ไม่ไกลนัก
“พวกเจ้าก็มีแผนที่อยู่ในมือด้วยหรือ?” เหลยเซียวมองพวกเขาแล้วถาม
“มีอยู่หนึ่งผืน” เขาพยักหน้า เหลือบมองเหลยเซียวแวบหนึ่ง “อีกผืนคงอยู่กับพวกเจ้ากระมัง?” พวกเขาเห็นพวกเหลยเซียวเอาแผนที่ออกมาดูแต่แรกแล้ว กลับนึกไม่ถึง แผนที่ตกมาอยู่กับพวกเขาทั้งสองผืน
“ถูกต้อง”
เหลยเซียวตอบ เขาไม่พูดอะไรอีก กระทั่งมาถึงตรงหน้าแหล่งน้ำ ทุกคนนั่งพักผ่อนด้วยกัน เพียงแต่ผ่านไปไม่นาน ชายสามสี่คนหันมองรอบๆ อย่างระแวดระวัง
ปี้ซานกับเห้อเซิ่งมองหน้ากันแวบหนึ่ง ลุกขึ้นเดินไปสำรวจรอบๆ เฟิ่งจิ่วเห็นอย่างนั้น ก็เดินตามพวกเขาไปด้วย ครั้นมาถึงจุดที่อยู่ข้างหน้าหน่อย ก็พบว่าที่แท้มีคนที่มาถึงที่นี่ก่อนพวกเขาก้าวหนึ่ง
ยามเห็นชายฉกรรจ์ที่นั่งอยู่ข้างแหล่งน้ำ ปี้ซานกับเห้อเซิ่งมองหน้ากันแวบหนึ่ง ประกายตกตะลึงในดวงตาปิดไม่มิด
………………………………….
ตอนที่ 1840 ชี้แนะ
พวกเขามีแผนที่อยู่ในมือ หนำซ้ำยังรวมกลุ่มกันจึงมาถึงที่นี่ได้ คนคนนี้กลับอยู่ลำพัง อีกทั้งยังมาถึงแหล่งน้ำก่อนพวกเขาหนึ่งก้าว จากจุดนี้ก็เห็นถึงความไม่ธรรมดาของเขาแล้ว
ชายคนนั้นสัมผัสได้ถึงตัวตนของพวกเขา ตวัดสายตามองมาที่พวกเขา แต่ไม่นานก็ละสายตาออกไป ไม่สนใจพวกเขาอีก เพียงหยิบกระบอกไผ่ที่ไม่รู้ตัดมาจากที่ใดออกมาตวงน้ำ ทำท่าจะออกเดินทางต่อ
ครั้นเห็นอย่างนั้น ปี้ซานกับเห้อเซิ่งรีบตะโกนเรียกเขาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “สหายท่านนี้ ช้าก่อน” ทั้งสองตามไป
เฟิ่งจิ่วที่อยู่ด้านหนึ่งกลับลอบพิจารณาชายคนนั้นอย่างเงียบๆ ประกายชื่นชมพาดผ่านดวงตาอย่างปิดไม่มิด ชายฉกรรจ์ผู้นี้มีความสามารถจริงๆ ดูเหมือนอายุราวสามสิบกว่าปี เสื้อผ้าบนกายเปื้อนเลือด ในมือถือดาบระวังตัวไว้ตลอดเวลา เห็นได้ว่าระหว่างทางเขาก็ได้สังหารคนไปเช่นกัน
คนที่ผู้อาวุโสกุ่ยส่งเข้ามาส่วนมากเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ คนคนนี้สามารถเอาชนะผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณได้ด้วยตัวคนเดียว นับได้ว่าเป็นการสังหารข้ามระดับ การระเบิดพลังไม่ธรรมดาแล้ว
“มีอะไร?” ชายคนนั้นหันกลับมาหรี่ตา ไอพิฆาตรอบตัวน่าพรั่นพรึงยิ่ง
เห็นอย่างนั้นแล้วเฟิ่งจิ่วอดเผยยิ้มไม่ได้ รัศมีของคนคนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าหัวหน้าองครักษ์เฟิ่งทั้งแปดของเธอเลย ไอพิฆาตถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ยังไม่ทันลงมือ ก็เขย่าขวัญอีกฝ่ายได้แล้ว
นึกไม่ถึงจริงๆ ท่ามกลางคนที่ถูกจับตัวมาเหล่านี้ ยังมีมังกรซ่อนหางอยู่ด้วย
“พวกข้าหลายสิบคนจับกลุ่มกัน สหายจะเข้าร่วมกับเราด้วยหรือไม่? หากทำอย่างนี้จะได้ดูแลกันได้” ปี้ซานเอ่ยปากชวน คนเช่นนี้ ควรดึงมาเข้าพวกด้วยจริงๆ
“ไม่ล่ะ” ชายฉกรรจ์เอ่ยปากปฏิเสธทันที เขาสาวเท้าออกเดินทันที ไม่นาน ก็หายลับไปจากครรลองสายตาของพวกเขา
“คนนี้ข้ารู้จัก เป็นชายฉกรรจ์ที่สังหารคนข้ามขั้น ครั้งที่แล้วยังทำเรื่องใหญ่ไม่น้อยด้วย คนผู้นี้เป็นต้นกล้าชั้นดีที่ถูกจับตามอง กลับนึกไม่ถึงว่านอกจากพลังต่อสู้แล้ว ยังเก่งเรื่องทิศทางด้วย ไม่ต้องใช้แผนที่ก็เดินมาถึงนี่ได้ เห็นได้ว่าไม่ธรรมดา”
ปี้ซานละสายตากลับมา ในน้ำเสียงแฝงแววเสียดายอย่างปิดไม่มิด นึกเสียดายที่ดึงคนอย่างนี้มาเข้าร่วมกับพวกเขาไม่ได้
ส่วนเฟิ่งจิ่วกลับไม่พูดอะไร เพียงฟังเงียบๆ ก่อนจะเดินกลับไปพร้อมกับพวกเขา จากนั้นก็หาที่นั่งพัก ฟังพวกปี้ซานเล่าเรื่องที่เจอชายฉกรรจ์ให้คนอื่นๆ ฟัง
“เอาละ พักผ่อนแล้วพวกเราก็ไปกันเถิด! ออกจากป่าผืนนี้ไปแล้วค่อยพักก็ยังไม่สาย” เหลยเซียวเอ่ย ลุกขึ้นมาแล้วบอกให้ทุกคนออกเดินทางอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงเร่งฝีเท้าออกเดินทางอีกครั้ง
กระทั่งเช้าตรู่ของวันที่สาม ขณะใกล้จะออกจากป่าผืนนี้ เฟิ่งจิ่วที่ทำตัวเป็นอากาศธาตุมาตลอดกลับก้าวออกมา
“ข้าคิดว่าพวกเราควรแยกกันตรงนี้ได้แล้ว” จู่ๆ ก็พูดอย่างนี้ ทำเอาทุกคนอึ้งเล็กน้อย
“หมายความว่าอย่างไร?” ปี้ซานถาม
สายตาของคนห้าหกสิบคนจับจ้องมาที่เฟิ่งจิ่ว เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจที่เขาพูดเช่นกัน หรือพูดอีกอย่างก็คือ ไม่มีใครคิดใคร่ครวญให้ลึก ว่ายามที่คนพวกนั้นเห็นพวกเขาหลายสิบคนรวมตัวกันจะคิดอย่างไร
เฟิ่งจิ่วมองพวกเขาแวบหนึ่ง ก่อนตอบด้วยที่น้ำเสียงไม่ดังหรือเบาเกินไป “ข้าคิดว่า พวกเขาจับพวกเรามา แล้วก็อยากจะฝึกพวกเราให้กลายเป็นสายลับ จะต้องไม่อยากให้เราสนิทกันมากแน่ๆ เพราะอย่างนั้นจะทำให้พวกเขาควบคุมเราได้ยาก และเกิดปัญหาได้ง่าย”
ทุกคนไม่ใช่คนโง่ ครั้นได้ยินเฟิ่งจิ่วพูดอย่างนี้ก็พลันกระจ่างทันที