เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1841 เตียงยาว / ตอนที่ 1842 มองตรงๆ ไม่ได้
ตอนที่ 1841 เตียงยาว / ตอนที่ 1842 มองตรงๆ ไม่ได้
ตอนที่ 1841 เตียงยาว
“นับตั้งแต่ตอนนี้ พวกเราแม้พบหน้าก็ต้องทำเป็นไม่รู้จักกัน” เหลยเซียวหันไปบอกทุกคน “แม้พวกเขาจะรู้เรื่องที่เราจับกลุ่มกันเดินทางก็ไม่เป็นไร แต่พอมาถึงที่นี่ พวกเราก็แยกกัน ให้ทำตัวเหมือนแต่ก่อน”
“อืม” ทุกคนรับคำ ต่างก็รู้ดีว่าทำอย่างนี้ดีที่สุด ด้วยเหตุนี้ พวกเขากระจายตัวเป็นกลุ่ม บางกลุ่มเดินเร็วหน่อย บางกลุ่มเดินช้าหน่อย เพื่อกระจายตัวกันออกไป
เฟิ่งจิ่วย่อมไปกับพวกเหลยเซียวอยู่แล้ว และคนที่ร่วมทางมาด้วยยังมีชื่อจวินหาวคนนั้นด้วย พวกเขาเดินออกจากป่าผืนนั้น เพียงแต่ก่อนหน้านั้น ชายฉกรรจ์ที่พวกเขาเจอก่อนหน้านี้ได้นั่งรออยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว ทว่าอีกด้านหนึ่งมีอาวุโสกุ่ยยืนอยู่ด้วย รวมถึงผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินและผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณอีกหลายคน
เมื่อเห็นพวกเขาเดินออกจากป่า คนพวกนั้นเหลือบมองพวกเขาแวบหนึ่ง สายตาแฝงแววพิจารณา ส่วนอาวุโสกุ่ยพอเห็นเด็กหนุ่มชุดเขียวกลับรอดชีวิตออกมาจากในนั้นได้ด้วย ก็อดมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจไม่ได้ เขาลอบมองพิจารณาเฟิ่งจิ่วเงียบๆ
เห็นเด็กหนุ่มหน้าซีดขาว เสื้อผ้าบนกายฉีกขาด ผมเผ้ายุ่งเหยิง เทียบกับตอนแรก ไม่เหลือเค้าความหล่อเหลาสบายตาสักนิด มองแวบหนึ่งก็ละสายตาออกไป จากนั้นก็หรี่ตารอต่อไป
พวกเฟิ่งจิ่วเดินไปนั่งตรงมุม ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปนั่ง ไม่ได้พูดคุยกันอีก หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนทยอยกันออกมา ล้วนเป็นคนในกลุ่มของพวกเขาก่อนหน้านี้ แต่ละคนพอมาถึงก็นั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน หอบหายใจคำโต
จนกระทั่ง ยามอาทิตย์ตกดิน อาวุโสจึงลืมตา กวาดมองคนที่รอดชีวิตมาได้ข้างหลังแวบหนึ่ง พูดทิ้งท้ายไว้เพียงประโยคเดียว “พากลับไปให้หมด” ก่อนจะขี่กระบี่บินกลับไป
พวกเฟิ่งจิ่วถูกผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินสามสี่คนใช้พาหนะบินพากลับไป หลังกลับมาถึงสนาม ทุกคนยืนล้อมกัน ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น นาทีนี้ ในใจยังคงตื่นตระหนก
“กินเสีย” หนึ่งในผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินสะบัดแขนเสื้อ ยามากมายก็บินไปยังตรงหน้าทุกคนคนละเม็ด จากนั้นก็ลอยลงไปกลางฝ่ามือของพวกเขา
ยกยาขึ้นดม เห็นว่าเป็นยาเลี่ยงอาหาร เฟิ่งจิ่วจึงกลืนลงไป ในสถานที่แห่งนี้ ไม่ต้องหวังว่าจะมีอาหารหรือเนื้อให้กิน มียาเลี่ยงอาหารให้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
หลังจากที่ทุกคนกลืนยาลงไป ก็รู้สึกความหิวโหยในท้องหายไปในที่สุด ซ้ำยังมีความรู้สึกอิ่มเอม จึงอดถอนหายใจด้วยความโล่งใจไม่ได้ มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าในเวลาสั้นๆ เพียงสามวันนี้พวกเขาเผาผลาญพลังงานในร่างกายไปมากเพียงใด
“พากลับไป พรุ่งนี้รวมตัวกันตอนฟ้าสาง!” ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินกำชับ เห็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณหลายคนพาพวกเขาที่มีกันเจ็ดแปดสิบคนออกไป
ใช่แล้ว คนสามร้อยเจ็ดสิบแปดคน สุดท้ายคนที่เดินออกมาจากป่าผืนนั้นภายในสามวัน นอกจากพวกเฟิ่งจิ่วที่มีกันห้าหกสิบคนแล้ว ที่เหลือก็มีเพียงอีกสิบกว่าคนเท่านั้นที่ออกมาได้ ด้วยเหตุนี้ เมื่อรวมกันแล้ว จึงมีเพียงหกเจ็ดสิบคนเท่านั้นที่ผ่านด่านนี้
พวกเขาถูกพามายังห้องที่มีเตียงยาวสามเตียง เตียงแต่ละเตียงสามารถนอนได้ประมาณสามสิบคน หลังเข้าไปข้างในยังแจกเสื้อสีดำชุดหนึ่งให้พวกเขาแต่ละคน
“ต่อไปนี้พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่ ออกจากห้องไปมีห้องอาบน้ำอยู่ทางซ้าย เปลี่ยนเสื้อผ้าให้หมด พรุ่งนี้ลุกมารวมตัวด้วย!” หลังสั่งเสร็จ ผู้ฝึกตนระดับดำเนิดวิญญาณคนนั้นก็หันตัวจากไป
เฟิ่งจิ่วเลือกตำแหน่งที่อยู่ติดกำแพงแล้วนั่งพักครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา เห็นบางคนเริ่มถอดเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมบนตัวออก สวมเพียงกางเกงชั้นในตัวใหญ่เดินไปเดินมาในห้อง เธอมองดูจนมุมปากกระตุก อดกลอกตาไม่ได้
………………………………….
ตอนที่ 1842 มองตรงๆ ไม่ได้
นี่แหละผู้ชาย นี่แหละหนาชายฉกรรจ์ นาทีนี้ เธออยากรู้จริงๆ คนพวกนี้หากรู้ทีหลังว่าเธอเป็นผู้หญิงจะทำหน้าอย่างไร?
เหลือบเห็นชายฉกรรจ์คนหนึ่งกำลังพึมพำ บอกว่าเสื้อผ้ามีกลิ่นอะไรบางอย่างติดอยู่ ถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้วยังทำท่าจะถอดกางเกงชั้นในออกด้วย เธอเห็นก็รีบร้องห้ามทันที
“ท่านลุงทางนั้น ท่านช้าก่อนๆ ช้าก่อนๆ” เฟิ่งจิ่วร้องห้าม ครั้นร้องออกไป คนยี่สิบกว่าคนในห้องล้วนหันมามองเธอ
ชายฉกรรจ์ไว้หนวดที่กำลังถอดกางเกงชั้นในได้ยิน ก็หันมองเฟิ่งจิ่ว “เรียกข้าหรือ?” เขาชี้ที่ตนเอง
“ใช่ เรียกท่าน”
เธอตอบ จากนั้นก็เห็นชายฉกรรจ์ไว้หนวดถลึงตา พูดอย่างไม่พอใจ “ข้าแค่ไม่ได้โกนหนวดมาหลายเดือน แบกรับคำเรียกท่านลุงของเจ้าไหวเสียที่ไหน? ปีนี้ข้าเพิ่งอายุยี่สิบสามปีเองนะ!”
ครั้นได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วมุมปากกระตุก “เอาเถิด! พี่ชายท่านนี้ กางเกงชั้นในตัวนั้นของท่านอย่าถอดเลย ค่อยถอดตอนไปอาบน้ำเถิด!”
ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนเพียงหัวเราะ บ้างก็หันไปยุ่งเรื่องของตนเองต่อไป ในใจพลางคิด เด็กหนุ่มคงไม่เคยอยู่ในห้องนอนรวมมาก่อนเป็นแน่ ไม่รู้ว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเขาอยู่กันสบายๆ ไม่ได้คิดมากขนาดนั้น
“ล้วนเป็นชายด้วยกันจะเป็นไรไป?” ชายไว้หนวดแย้งอย่างไม่เห็นด้วย “อะไรที่ข้ามีเจ้าก็มี ยังจะอายอะไรอีก?” ขณะกล่าว ยังทำท่าจะถอดกางเกงชั้นในต่อ
เฟิ่งจิ่วหมายจะพูดอะไร แต่กลับเห็นเขาถอดกางเกงชั้นในอย่างไม่ลังเล เห็นอย่างนั้น เธอได้แต่ถอนหายใจ เหลือบมองชายไว้หนวดแวบหนึ่ง ก่อนจะละสายตาออกไปเงียบๆ
ไม่ใช่ว่าเธออายที่จะมอง แต่เธอคิดว่าภายหน้าคนคนนี้คงไม่มีหน้าเดินไปเดินมาต่อหน้าเธอแน่ๆ…
เตียงยาวที่นอนได้สามสิบคน พวกเขานอนกันเพียงยี่สิบห้าคน เฟิ่งจิ่วเลือกจุดที่อยู่ชิดมุมที่สุด เดิมไม่ได้สังเกตว่าใครนอนใกล้เธอ แต่หลังกลับมาจากอาบน้ำ แล้วเห็นคนที่นั่งอยู่ข้างที่นอนเธอก็อดแปลกใจเล็กน้อยไม่ได้
เป็นปี้ซานนั่นเอง
เห็นเฟิ่งจิ่วเข้ามา สายตาของคนอื่นๆ ต่างจ้องมองมาที่เธอ เห็นเด็กหนุ่มที่เดิมสวมชุดสีเขียวยามนี้เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าสีดำ รูปร่างหน้าตาแม้ไม่ได้พิเศษมากมาย แต่กลับโดดเด่นกว่าคนธรรมดา
หลังจากใส่เสื้อแล้ว ร่างกายที่เดิมแลดูผอมแห้งของเด็กหนุ่มกลับไม่ได้ดูผอมขนาดนั้นอีก แน่นอน หากจะเทียบกับชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำล่ำสันอย่างพวกเขานั้นไม่อาจเทียบได้อยู่แล้ว
ทว่ากลับดูองอาจผึ่งผาย สะดุดตายิ่งนัก
“นี่เป็นป้ายห้อยเอวที่คนพวกนั้นสั่งให้คนเอามาให้ ข้างบนเขียนตัวเลขเอาไว้ เป็นวันที่ที่เราฝึกฝนอยู่ในนี้” ปี้ซานยื่นป้ายแผ่นหนึ่งให้เธอ
เฟิ่งจิ่วรับไปดูแวบหนึ่ง ก็อดยิ้มไม่ได้ “เก้า?” บังเอิญจริง
“อืม ข้ากับพวกเหลยเซียวรับมา จึงเอามาให้เจ้าด้วย คนที่อยู่มุมสุดตรงนั้นได้เลขหนึ่ง”
ปี้ซานพยักพเยิดให้เฟิ่งจิ่วหันไปมอง ชายที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงตำแหน่งติดกำแพงอีกด้านของเตียงยาว ก็คือชายฉกรรจ์ที่พวกเขาเจอในป่าผืนนั้นนั่นเอง
“นอนกันเสีย! ยังจะคุยอะไรกันอีก!” เสียงตวาดหนึ่งดังเข้ามาจากข้างนอก คนข้างในจึงไม่มีใครพูดอะไรอีก เพียงเอนตัวลงนอนบนเตียงเงียบๆ
จนกระทั่งวันต่อมาขณะที่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง ทุกคนรีบไปรวมตัวกันที่สนาม ครั้นไปถึงที่นั่น สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ ภายในชั่วข้ามคืน ด้านหนึ่งของสนามถูกขุดจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ในหลุมเต็มไปด้วยงูพิษ และห่างออกไปไม่ไกลก็มีคนสิบกว่าคนถูกคุมตัวเข้ามา ยืนอยู่ตรงหน้าหลุมนั้น แต่ละคนเมื่อเห็นงูพิษในหลุมก็พากันหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดทันที