เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1849 ไม่มีใครน่าสงสัย / ตอนที่ 1850 เลือกอาวุธ
ตอนที่ 1849 ไม่มีใครน่าสงสัย / ตอนที่ 1850 เลือกอาวุธ
ตอนที่ 1849 ไม่มีใครน่าสงสัย
“ให้เขาจัดการด้วยตนเอง” เหลยเซียวคว้าไหล่ปี้ซาน ส่ายหน้าให้เขา
เห็นอย่างนั้น ปี้ซานก้าวถอยหลัง ยืนดูอยู่ตรงนั้น นาทีต่อมา ก็เห็นหมัดที่ชายฉกรรจ์เหวี่ยงออกไปถูกเด็กหนุ่มรับไว้ได้ จากนั้นก็พลิกมือหักแขนเขา
“กร๊อบ!”
“อ๊าก!”
ได้ยินเพียงเสียงกระดูกแตกหัก ข้อพับเข่าของชายฉกรรจ์ถูกเตะ ทำให้เขาคุกเข่าลงไป พร้อมกับกรีดร้องโหยหวน
“ข้าคนนี้ เป็นคนที่ไม่ชอบถูกเล่นงานลับหลังที่สุด”
เสียงเย็นชาเอ่ยอย่างแช่มช้า ทุกคนเห็นเพียงเด็กหนุ่มขย้ำลูกกระเดือกของชายฉกรรจ์ จากนั้นก็หักคอเขาทั้งอย่างนั้น ชายฉกรรจ์ใบหน้าแดงก่ำจนกลายเป็นซีดขาว สุดท้ายก็ถูกโยนร่างไร้ลมหายใจทิ้งลงบนพื้น ทุกคนอดกลืนน้ำลายไม่ได้ สายตาที่มองเด็กหนุ่มแฝงไว้ด้วยความตกใจและหวาดกลัว
วรยุทธ์ระดับสร้างรากฐาน? หรือระดับหลอมแก่นพลัง?
เขาถึงขั้นต้านรับพลังระดับหลอมแก่นพลังของชายฉกรรจ์ และสังหารเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น หรือว่าวรยุทธ์ของเขาจะไม่ใช่เพียงระดับหลอมแก่นพลัง?
ยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในสมอง ทุกคนรู้สึกเพียงหัวใจสั่นสะท้าน จากนั้นความคิดมากมายก็แล่นผุดขึ้นมาในสมอง
หากไม่ใช่เพียงระดับหลอมแก่นพลัง เช่นนั้นเหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่? เหตุใดจึงถูกจับตัวเข้ามา? อีกอย่างพวกผู้อาวุโสกุ่ยกลับไม่รู้เลยงั้นหรือ?
หรือว่า พลังของเขาแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสกุ่ยเสียอีก?
“มองข้าทำไมกัน?”
เด็กหนุ่มหันกลับมายิ้ม รอยยิ้มของเขากลับมาเป็นรอยยิ้มที่ใสซื่อไร้เดียงสาอีกครั้ง หากพวกเขาไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง พวกเขาก็แทบไม่อยากเชื่อว่ายามเด็กหนุ่มโหดเหี้ยมขึ้นมาจะน่ากลัวขนาดนี้
“อะแฮ่ม! ไปกันเถิด!” เหลยเซียวกระแอม ปรับอารมณ์แล้วเดินหน้าไปพร้อมกับทุกคน
หมายเลขหนึ่งมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง เขาเองก็เดินไปข้างหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรมาก มีเพียงชายไว้หนวดที่เดินมาข้างๆ เฟิ่งจิ่ว พลางชะโงกหน้ามองพิจารณาเขา แต่กลับไม่ถามอะไร
ขณะที่ทุกคนเดินไปข้างหน้า ข้างนอกนั้น ผู้อาวุโสกุ่ยกำลังนั่งล้อมวงหารืออะไรบางอย่างกับเหล่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเหิน
“นอกจากคนที่ตายไป ก็ไม่พบร่องรอยของคนน่าสงสัยอีก พวกข้าเฝ้าอยู่ในป่าสองวันแล้วก็ไม่เจออะไร เลยคิดว่าอีกฝ่ายแฝงตัวเข้ามาแล้วถูกคนของเราจับได้จึงหนีไปหรือเปล่า?” ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินบอกผู้อาวุโสกุ่ย
“หากเป็นอย่างนั้นก็ดี ข้าเพียงกังวลว่าในกลุ่มนี้ของเราจะมีใครแฝงตัวเข้ามาหรือไม่?” ผู้อาวุโสกุ่ยหรี่ตา ลอบใคร่ครวญในใจ พิจารณาคนพวกนั้นทีละคนๆ แต่ก็ยังไม่พบใครน่าสงสัย
ถึงอย่างไร การจะรอดพ้นจากสายตาของพวกเขา ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งไปกว่านั้น คนที่จับตัวมาส่วนมากล้วนเป็นผู้ฝึกตนธรรมดา ไม่ได้เป็นคนเก่งกาจอะไร หากมีความสามารถขนาดนั้นจริง คงไม่ถูกพวกเขาจับตัวมา
“ข้าว่าคนที่พวกเราจับตัวมาล้วนไม่มีใครน่าสงสัย คนคนนั้นฆ่าผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณของเราไปหลายคน จะยังกล้าอยู่ที่นี่ต่อได้อย่างไร?” ชายอีกคนเอ่ยเสริม เขาคิดว่าคนที่ฆ่าคนของพวกเขาน่าจะหนีไปแล้ว
ผู้อาวุโสกุ่ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “กำชับลงไป เพิ่มการเฝ้าระวัง หากเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีก ทุกคนต้องรับผิดชอบอย่างสาสม!”
“ขอรับ พวกเรารู้แล้ว” พวกเขารับคำแล้วถอยออกไป
หญิงสาวที่เขาส่งเข้าไปในป่าก็ตายแล้ว ยามนี้แม้แต่หญิงสาวเอาไว้แก้เครียดก็ไม่มี ใบหน้าเขาเคร่งเครียดขึ้นมาอีกหลายส่วน
………………………………….
ตอนที่ 1850 เลือกอาวุธ
“ข้างนอกมีใครอยู่บ้าง!” เขาตะโกนออกไปข้างนอก
“นายท่านกุ่ย” ผู้ฝึกวิชามารคนหนึ่งเดินเข้ามา คารวะด้วยความนอบน้อม
“ไปหาผู้หญิงมาให้ข้าคนหนึ่ง” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
ได้ยินอย่างนั้น ผู้ฝึกวิชามารสายตาไหวระริก ตอบว่า “นายท่านกุ่ย ผู้ฝึกตนหญิงที่พวกข้าจับตัวมาจากสำนักจามจุรีครั้งก่อนยังอยู่ ผู้หญิงพวกนั้นไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือหน้าตาล้วนนับว่ายอดเยี่ยม ไม่สู้ข้าพาพวกนางมาให้ท่านสักสองสามคน?”
“สำนักจามจุรี?” ผู้อาวุโสกุ่ยหรี่ตา โบกมือ “แล้วจะมัวยืนอยู่ทำไม? รีบไปสิ!”
“ขอรับๆ” ผู้ฝึกวิชามารรับคำ จากนั้นก็รีบเดินออกไป
ไม่นาน ผู้ฝึกวิชามารคนนั้นก็พาหญิงสาวรูปร่างหน้าตางดงามสองคนมา บางทีอาจเพราะคุยกับทั้งสองไว้ก่อนแล้ว หญิงสาวทั้งสองจึงไม่มีสีหน้าไม่พอใจแม้แต่น้อย หลังเข้ามา ก็คารวะด้วยความนอบน้อมอย่างพร้อมเพรียง
“นายท่านกุ่ย”
หญิงสาวทั้งสองย่อเข่าคารวะ ผ้าไหมโปร่งบางไม่อาจปกปิดเรือนร่างที่งดงามดุจวสันตฤดู โดยเฉพาะอิริยาบถยามก้มหน้าหลุบตาอย่างอ่อนช้อยเช่นนั้น ยิ่งทำให้ผู้อาวุโสกุ่ยดวงตาเป็นประกาย เผยยิ้มพึงพอใจออกมา
“มานี่” เขาเรียก สายตากวาดมองเรือนร่างของหญิงสาวทั้งสองอย่างประเจิดประเจ้อ
หญิงสาวสองคนรับคำอย่างอ่อนหวาน ก้าวเข้าไป อิงแอบในอ้อมอกของผู้อาวุโสกุ่ย…
ผู้ฝึกวิชามารคนนั้นถอยออกไปอย่างรู้ตัว หลังจากเดินออกไป ก็ยังคงได้ยินเสียงเบิกบานจากข้างใน…
กว่าพวกเฟิ่งจิ่วจะเดินออกมาจากในนั้น ก็เป็นเวลาเที่ยงของอีกวันแล้ว
พวกผู้อาวุโสกุ่ยที่เห็นคนพวกนั้นยังรอดกลับมาได้เยอะขนาดนี้ ลึกๆ ข้างในลอบประหลาดใจ เพราะคนที่ถูกขังในคุกใต้ดินล้วนมีแต่คนโหดเหี้ยมอำมหิต เรื่องพลังไม่ต้องพูดถึง เดิมนึกว่าสุดท้ายหากจะมีคนรอดกลับมาไม่กี่สิบคนก็ถือว่ามากแล้ว นึกไม่ถึง…
เข้าไปคราวนี้กลับหายไปเพียงสี่ห้าคนเท่านั้น และพวกที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา แม้แต่ละคนจะมีบาดแผลหนักเบาต่างกันไป แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาผ่านการทดสอบสุดโหดมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
“หมายเลขเก้า” สายตาของผู้อาวุโสกุ่ยกวาดมองผ่านทุกคน ก่อนจะหยุดลงที่เด็กหนุ่มข้างหน้า
“ขอรับ” เฟิ่งจิ่วก้าวออกไปอย่างไม่ลังเล
ผู้อาวุโสกุ่ยจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้า เห็นว่าเด็กหนุ่มกำลังเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ อย่างน้อย หว่างคิ้วก็ไม่มีความขี้ขลาดและหวาดกลัวเหมือนตอนแรกแล้ว เริ่มมีไอดุดันแผ่อยู่รอบกาย
เขาพอใจกับจุดนี้มาก
“เจ้าอธิบายที เหตุใดพวกเจ้าเข้าไปข้างในแล้วกลับสูญเสียคนไปเพียงไม่กี่คน? ในนั้นมีกระทั่งผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ พวกเจ้ารอดมาได้อย่างไร?”
“รายงานผู้อาวุโสกุ่ย เดิมพวกข้าต่างก็สนใจแต่ตนเอง แต่ทันทีที่เข้าไปก็ตายไปแล้วสองคน โดยเฉพาะตอนท้ายแต่ละคนเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล พอถึงตอนนั้นข้าเห็นว่ากำลังของคนเพียงคนเดียวไม่อาจต้านทาน เพื่อเอาชีวิตรอดจึงร่วมมือกัน สุดท้ายจึงโชคดีรอดมาได้”
ได้ยินเด็กหนุ่มอธิบาย ผู้อาวุโสกุ่ยหรี่ตา กวาดมองทุกคน ก่อนจะโบกมือสั่ง “เอาอาวุธออกมาให้พวกเขาเลือก เตรียมเข้าสู่การฝึกขั้นต่อไป”
“ขอรับ” ผู้ฝึกวิชามารที่อยู่ข้างหลังรับคำ ผ่านไปไม่นาน ก็ย้ายอาวุธจำนวนมากออกมา
“เลือกเสีย! คนละหนึ่งชิ้น เอาไว้ใช้ยามฝึกฝนในช่วงนี้ รอพวกเจ้าผ่านการทดสอบทั้งหมด และกลายเป็นสายลับเมื่อใด จะมีอาวุธพิเศษให้พวกเจ้าพกไว้ป้องกันตัว” ผู้ฝึกวิชามารคนนั้นอธิบาย
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ทุกคนมองหน้ากัน ก็พากันก้าวไปข้างหน้า บางคนก็หยิบกระบี่ยาว บางคนก็หยิบดาบใหญ่…