เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 185 ยาทิพย์เท่าทองพันชั่ง! + ตอนที่ 186 ความยังไม่แตก!
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 185 ยาทิพย์เท่าทองพันชั่ง! + ตอนที่ 186 ความยังไม่แตก!
ตอนที่ 185 ยาทิพย์เท่าทองพันชั่ง!
พอคำพูดนี้เปล่งออกมา ฝีเท้านายท่านเหยียนที่เดินออกไปตรงหน้าก็ชะงักลง หันกลับมากวาดมองฮุยหลางที่เบิกดวงตากว้างราวกับจะฆ่าคน แววตาลึกล้ำเหลียวมอง สบเข้าพอดีกับแววตายิ้มเจ้าเล่ห์ของเด็กหนุ่ม
“นกเขาไม่ขันรึ?”
น้ำเสียงทุ้มต่ำที่มีแรงดึงดูดกระทบลงบนร่างฮุยหลางอีกครั้ง สายตากวาดมองลงจากใบหน้าที่โมโหเสียจนอับอายนั้น และหยุดลงตรงบริเวณใต้เอว มุมปากยกขึ้นยิ้มน้อยๆ อย่างไม่อาจสังเกตุเห็น
ไม่ต้องคิด ก็รู้ว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงของเด็กหนุ่มแน่ๆ
ที่แท้ก็นกเขาไม่ขัน มิน่าล่ะ สองวันนี้ฮุยหลางถึงอับเฉาและวิตกเช่นนั้น
“เป็นเจ้า! เป็นเจ้าเด็กนี้ใช่หรือไม่?”
ฮุยหลางถลึงมองเฟิ่งจิ่ว ฝ่ามือกำหมัดแน่นขึ้นมา ไอสังหารทั่วร่างโจมตีออกไป แต่น่าเสียดาย ที่เฟิ่งจิ่วไม่เกรงกลัวสายตาอาฆาตของเขาเลย กลับเชิดคางขึ้นชำเลืองมองเขาแทน
“เป็นข้าอะไรกัน? เจ้านกเขาไม่ขันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย? อย่าลืมล่ะ ข้าเป็นภูตหมอผู้มีชื่อเสียง หากข้อผิดปกติแค่นี้ยังดูไม่ออกก็เสียชื่อภูตหมออย่างข้าเกินไปแล้ว”
ฟังเช่นนี้ ฮุยหลางกลั้นไฟโกรธในท้องไว้ เห็นสายตาแปลกๆ ของผู้คนรอบด้านที่มองมา เพียงรู้สึกเสียหน้า แต่กลับกลายเป็นว่าเขายังไม่อาจทำอะไรคนคนนั้นได้!
“อะแฮ่ม!”
นายท่านเหยียนกระแอมไอ เอ่ยว่า “ในเมื่อนกเขาไม่ขัน ก็ต้องรักษา ท่านหมอนักปรุงยาในหอมีไม่น้อย ลองไปพบพวกเขาเถอะ” พูดจบ ก็สาวก้าวเดินออกไปด้านนอก
เฟิ่งจิ่วมองฮุยหลางอย่างอมยิ้มกริ่ม เดินตามออกไป มาถึงด้านนอก กลับเห็นนายท่านเหยียนยืนอยู่นอกเรือน เช่นนั้น เธอจึงเดินเข้าไป ถามยิ้มๆ ว่า “นายท่านเหยียน ท่านคงจะไม่ได้รอข้าอยู่กระมัง?”
เขาหันตัวมา มองเด็กหนุ่มที่สูงถึงแค่หน้าอก กล่าวเสียงเข้ม “ที่นี่เป็นตำหนักยมราช เจ้าอย่าได้ลืมฐานะตัวเอง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อย่าให้มันเกินไปนัก มิเช่นนั้น ข้าจะจัดการแทนเอง!”
เห็นเขาทิ้งคำพูดตักเตือนไว้ก่อนจะจากไป เฟิ่งจิ่วก็เบะปาก สุดท้ายมันคือการบอกตรงๆ ว่าเขาคอยให้ท้ายอีกไม่ได้แล้วสินะ?
แต่เธอก็รู้สึกแปลกๆ มองยังไงนายท่านเหยียนก็ไม่ใช่คนที่เจ้าอารมณ์และสนิทด้วยได้ง่ายเลย แต่ทำไมถึงยอมอ่อนข้อให้ตลอด? ซ้ำยังปล่อยให้เธอสร้างปัญหาอีก?
จริงๆ แล้ว ที่เธอไม่รู้ก็คือ เพราะนายท่านเหยียนใช้ตัวตนท่านอาหลิงมาคลุกคลีกับเธอ ในสายตาเขา เฟิ่งจิ่วจึงเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่กลับกลอกพิลึกพิลั่น แต่กลายเป็นว่าหนุ่มน้อยผู้นี้กลับคุ้นเคยกับเขาอยู่บ้าง เสียงเรียกท่านอาหลิงแต่ละเสียงนั้น ถึงแม้จะเรียกเสียจนสงสัยว่าตัวเองแก่เกินไปหรือไม่? แต่ไม่ยอมรับไม่ได้ ว่าเขาไม่อาจมีเจตนาร้ายกับหนุ่มน้อยได้เลย
เมื่อมีคำสั่งนายท่านเหยียน เฟิ่งจิ่วขอเพียงไม่ใช่ที่ต้องห้ามในตำหนักยมราช สถานที่อื่นๆ ล้วนเดินไปมาได้อย่างอิสระ ด้วยเหตุนี้ ไม่ต้องใช้เวลาถึงครึ่งวัน เธอก็สำรวจทั้งด้านในด้านนอกเสียจนหมดจด
หนึ่งในนั้น ยังมีอีกหลายที่ที่วางค่ายกลกระบี่ไว้ เธอก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ว่า มันทำให้เธอค้นพบสถานที่ดีๆ ที่หนึ่ง บ่อน้ำพุร้อนตรงหลังเขานั้น ว่ากันว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวของนายท่านเหยียน ไม่ให้คนอื่นเข้าไป จึงได้แต่มองอยู่ด้านนอกสักพักก็จากไป เพราะที่นั่นไม่ได้วางค่ายกลกระบี่ไว้
หลังจากเดินวนรอบหนึ่ง เธอกลับมาที่หอโอสถอีกครั้ง เดินวนๆ ตรงที่เก็บรวมรวมสมุนไพรหอที่สามกับที่สี่ ก็ก้าวเท้าไม่ออกไปชั่วขณะ
ยาทิพย์จิตวิญญาณที่เธอให้ตลาดมืดช่วยหายังไงก็ไม่อาจหาครบ กลับไม่นึกว่า ในหอโอสถนี้กลับมีอะไรๆ ไปเสียหมด ตอนนี้ เธอจึงเก็บยาทิพย์ด้วยความตื่นเต้นคิดจะนำพวกมันไปปรุงเป็นยาทาแผลเป็น
หลินเหล่าที่ตามเฟิ่งจิ่วเข้ามาเห็นเขาเก็บยาทิพย์จิตวิญญาณสิบกว่าอย่างลงในกล่องเตรียมจะนำมันลงไป จึงเอ่ยปากถามอย่างอดไม่ได้ “เจ้าจะหยิบพวกมันไปทำอะไร? ของพวกนั้นเป็นยาทิพย์ล้ำค่า ทุกอย่างล้วนมีราคาเท่าทองพันชั่ง”
……………………………
ตอนที่ 186 ความยังไม่แตก!
ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วทำสีหน้าจริงจัง มองหลินเหล่าพลางพูดว่า “แน่นอนว่านี่เอาไว้ใช้ทำยา นายท่านเหยียนบอกให้ปรุงยาแก้พิษเหมันต์ ข้าจึงต้องนำยาพวกนี้กลับไปลองศึกษาดูขอรับ”
ฟังเช่นนี้ หลินเหล่าก็สงสัยนิดหน่อย “แต่สรรพคุณยาพวกนี้ไม่เหมาะเป็นยาแก้พิษเหมันต์หรอกนะ!”
“หลินเหล่า นี่ท่านก็ไม่รู้เรื่องรึขอรับ? ยาทั้งหมดล้วนมีสรรพคุณเชื่อมโยงถึงกัน แม้ตอนนี้ข้ายังปรุงออกมาไม่ได้ แต่ข้านำกลับไปศึกษาก็ไม่ผิดอะไร” เธอบอกอย่างจริงจัง จบด้วยท่าทางเคร่งขรึมมีเหตุผล หลอกเสียจนหลินเหล่าตะลึงงัน
“งั้นยังต้องการของอื่นๆ อีกหรือไม่? ในหอโอสถมีของจำพวกอุปกรณ์ทำยาอยู่ หากเจ้าต้องการก็มาหาข้าแล้วกัน”
ฟังคำพูดนี้ เธอก็หรี่ดวงตาที่ฉายประกายแสงคู่นั้นลง “หลินเหล่า ท่านช่างเป็นคนดีจริงๆ วางใจเถอะ หากยาไม่พอข้าจะมาอีก อุปกรณ์ยาอะไรพวกนั้นปกติขาดไม่ได้ต้องไปหาท่านแน่ ไปเถอะๆ! ท่านพาข้าไปเลือกกลับไปอีกหน่อยนะขอรับ”
เธอตบๆ ไหล่หลินเหล่าด้วยท่าทางสนิทสนม แล้วลงไปพร้อมๆ กัน
คืนนั้น เฟิ่งจิ่วก็ปรุงยาทารักษาแผลเป็นอยู่ในเรือนเล็กส่วนตัว
ส่วนทางอีกด้านหนึ่ง ที่เรือนหลักด้านนั้น
หลินเหล่ากำลังนำเรื่องสมุนไพรพวกนั้นที่เฟิ่งจิ่วเอาไปจากหอโอสถมารายงานกับนายท่านเหยียน ไม่ทันจบ ก็พูดอีกว่า “แต่ข้าน้อยรู้สึกแปลกๆ สรรพคุณยาพวกนั้นไม่น่าใช้รักษาพิษเหมันต์ได้ แต่ภูตน้อยผู้นั้นกลับบอกว่ายาพวกนั้นใช้ได้”
“ภูตน้อยรึ?” นายท่านเหยียนชำเลืองมองหลินเหล่า หางเสียงยกขึ้นเล็กน้อย
หลินเหล่านิ่งไปสักพัก แอบคิดว่า ‘ทำไมนายท่านคล้ายจะพลาดจุดสำคัญไป? เขากำลังรายงานว่าสมุนไพรล้ำค่าพวกนั้นถูกเด็กหนุ่มฉวยไป นายท่านฟังแล้วก็ไม่พูดอะไรสักคำ กลับโต้ตอบหลังจากได้ยินชื่อเด็กหนุ่ม’
ตอนนี้ ไม่กล้าคิดอะไรอีก เพียงต้องกล่าวด้วยความเคารพ “ใช่ขอรับ หนุ่มน้อยนั่นบอกให้เรียกเขาว่า ภูตน้อย ก็พอ”
“ออกไปเถอะ!” นายท่านเหยียนสะบัดมือ ให้สัญญาณเขาถอยไป
“นายท่าน ยาพวกนั้น…”
“เขาต้องการก็ให้ไป”
“ขอรับ” ได้ยินคำพูดนี้ หลินเหล่าไม่พูดอะไรอีก หลังจากคำนับก็ถอยออกไป
หลังนั่งอยู่สักพัก ดื่มเหล้าไปสองจอก ก็ลุกยืนขึ้น สาวก้าวเดินออกไป เห็นไฟในห้องนั้นยังสว่าง เงาร่างที่สะท้อนบนกระดาษหน้าต่างกำลังเดินไปเดินมา ด้วยความตั้งใจชั่วขณะ เขาจึงสาวก้าวเดินเข้าไป
เฟิ่งจิ่วในห้องกำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี พลางมองกระจกและนำยาทาที่เพิ่งปรุงออกมาผอกลงบนหน้า นึกถึงใบหน้าที่อีกไม่นานนักก็จะคืนสภาพได้แล้ว อารมณ์หดหู่ที่ถูกจับมาที่นี่ก็ได้ผ่อนคลายลงในที่สุด
“ฉวยยาข้ามา เพื่อทำของประหลาดนี่รึ?”
“หวา!”
น้ำเสียงที่ดังมาจากด้านหลังอย่างกะทันหันทำให้เธอตกใจสะดุ้ง กระโดดขึ้นหันตัวมาตามสัญชาตญาณ ก็เห็นนายท่านเหยียนที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตอนไหนยืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงนั้นพลางมองเธอด้วยความสนใจยิ่งนัก
“แค่นี้ก็ทำให้ตกใจได้ ชัดเจนนักว่ามีความผิดติดตัวมากเกินไป” เขาเลิกคิ้วขึ้น มองเด็กหนุ่มที่พอกยาสีเขียวดำอยู่บนหน้า
เฟิ่งจิ่วเห็นว่าเป็นเขา จึงถอนหายใจเบาๆ มือหนึ่งตบกลางอก กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าว่านายท่านเหยียนผู้ยิ่งใหญ่ ดึกดื่นมืดค่ำไม่ยอมหลับยอมนอน วิ่งมาหาข้าที่นี่ทำไมรึ? ท่านจะมาก็วิ่งมาสิ! ลอยเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียงราวผีสางจะก่อกวนอะไรอีก? อยากทำให้คนกลัวถึงได้มาแบบนี้ไม่ใช่หรือ?”
เห็นสายตาเขาจ้องมองนิ่งๆ เธอจึงก้มหัวมองบนร่างตามจิตใต้สำนึก ‘แม้จะสวมชุดซับในสีขาว แต่ด้านในยังรัดหน้าอกไว้ ตรงอกแบนราบ ความยังไม่แตกหรอกน่า!’
………………………………