เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1855 ซ่งหมิงในสำนักตะวันฉาย / ตอนที่ 1856 ไม่รู้ที่ไป
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1855 ซ่งหมิงในสำนักตะวันฉาย / ตอนที่ 1856 ไม่รู้ที่ไป
ตอนที่ 1855 ซ่งหมิงในสำนักตะวันฉาย / ตอนที่ 1856 ไม่รู้ที่ไป
ตอนที่ 1855 ซ่งหมิงในสำนักตะวันฉาย
ตอนนั้นหลังจากที่เฟิ่งจิ่วจากไป พวกเขาแต่ละคนก็แยกย้ายกันเข้าสำนักในแปดจักรวรรดิใหญ่ตามการจัดแจงของที่บ้าน ไม่นานนักพวกเขาก็ถูกหมายตาให้เข้าไปอยู่ในสี่สำนักใหญ่บนแผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำ หลังกราบอาจารย์ก็รับคำสั่งให้เก็บตัวฝึกวิชา ไม่รับรู้เรื่องราวภายนอกเลยแม้แต่น้อย นึกไม่ถึงว่าวันนี้ออกจากการเก็บตัวก็จะได้รับข่าวเช่นนี้
มองดูกระดาษหนาๆ ในมือ เดินออกไปนั่งที่โต๊ะหินนอกถ้ำ อ่านจดหมายทีละฉบับ จากตกใจในตอนแรกก็กลายเป็นถอนหายใจด้วยความโล่งอกในตอนท้าย หัวใจที่ตึงเครียดผ่อนคลายลงในที่สุดเมื่ออ่านถึงจดหมายฉบับสุดท้าย
ขอเพียงเฟิ่งจิ่วไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แม้ราชวงศ์เฟิ่งหวงของนางจะถูกทำลาย แต่ด้วยพลังของนางหากอยากสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายเหมือนยกมือเท่านั้น
แต่จากที่อ่านในจดหมาย หลังจากที่ราชวงศ์เฟิ่งหวงล่มสลาย หลายตระกูลใหญ่ก็ลุกขึ้นมามีบทบาทสำคัญ คงล้มเลิกระบอบกษัตริย์ไปแล้ว แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน คนอย่างนางไม่มีทางหยุดอยู่แค่ราชวงศ์เล็กๆ อย่างนี้ตลอดไปแน่
เขาได้รับจดหมายพวกนี้ เชื่อว่าพวกลั่วเฟยเองก็คงได้รับด้วยเหมือนกัน พลังของพวกเขาเดิมทีก็สูสีกัน ยามนี้แยกย้ายกันไปเข้าสี่สำนักใหญ่ ไม่รู้ว่าตอนนี้พลังของเจ้าพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?
“สืบต่อไปอีก ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้นางอยู่ที่ใด” ต้วนเยี่ยเก็บจดหมายท โบกมือสั่งให้เด็กหนุ่มถอยออกไป
“ขอรับ” เด็กหนุ่มชุดดำรับคำ แล้วจึงค่อยโฉบกายจากไป
สามเดือนต่อมา
ณ สำนักตะวันฉาย หนึ่งในสี่สำนักใหญ่ เสียงฟ้าร้องพลันดังลงมาจากท้องฟ้า ไม่นานเสียงสายฟ้าสามสายฟาดลงมายังยอดเขาลูกหนึ่ง สายฟ้าแต่ละเส้นล้วนแฝงไว้ด้วยแรงสั่นสะเทือนยิ่งใหญ่ ดึงดูดความสนใจของผู้คนในสำนักตะวันฉาย
“ดูนั่น! เป็นเสียงที่ดังมาจากยอดเขาไผ่เขียว มีคนกำลังทะลวงขั้น!”
“การทะลวงขั้นธรรมดาไม่อาจทำให้เกิดสายฟ้าเช่นนี้ได้ เกรงว่าอย่างน้อยก็ต้องเป็นการทะลวงขั้นจากระดับหลอมแก่นพลังไปยังระดับกำเนิดวิญญาณ”
“สายฟ้าสามเส้นผ่านไปแล้ว พวกเจ้าดูนั่น เมฆหลากสีบนยอดเขาไผ่เขียวนั่น!”
เห็นเพียงท่ามกลางยอดเขามากมาย หนึ่งในนั้นมีเมฆหลากสีดุจเสื้อผ้าสีสันงดงามก้อนหนึ่งลอยอยู่หนือยอดเขา คล้ายมีเสียงดนตรีอันงดงามจากสวรรค์ดังมา…
“ฟังว่าหลายเดือนก่อนในสำนักเซียนเมฆากับอีกสองสำนักเซียนมีศิษย์ทะลวงขั้น ซ้ำยังทะลวงขั้นสู่ระดับกำเนิดวิญญาณด้วย ตอนนั้นท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีดึงดูดสายตาผู้คน ได้ยินว่าศิษย์ที่ทะลวงขั้นยังเป็นผู้ที่ถูกเลือกมาจากแปดจักรวรรดิใหญ่เสียด้วย”
“ในยอดเขาไผ่เขียวคนที่มีโอกาสทะลวงขั้น หรือจะเป็นศิษย์พี่ซ่งหมิง?”
“น่าจะใช่ พรสวรรค์ของศิษย์พี่ซ่งแม้แต่เจ้าสำนักยังเคยออกปากชม แม้จะปรากฏตัวน้อยครั้ง แต่ได้ถูกขนานนามว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ไม่กี่คนในสำนักเราแล้ว อนาคตไกลแน่นอน”
ขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น บนยอดเขาไผ่เขียว ทุกคนก็กำลังยินดีอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะเจ้าเขาแห่งยอดเขาไผ่เขียวยิ่งพยักหน้าด้วยความปลาบปลื้ม หลังจากที่เห็นเมฆหลากสีที่ลอยอยู่เหนือฟ้า
เขารู้อยู่แล้ว ศิษย์ที่เขาเลือกมาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ภายหน้าจะต้องเป็นเสาหลักของสำนักได้แน่
เมฆหลากสีเหนือยอดเขาปรากฏอยู่นานครึ่งชั่วยามจึงคอยจางหายไป หลังจากเมฆเลือนหายไป บนยอดเขาไผ่เขียว ประตูถ้ำบานหนึ่งค่อยๆ เปิดออก ซ่งหมิงที่สวมชุดเครื่องแบบของสำนักเดินออกมาจากในนั้น ครั้นออกมาข้างนอก ก็เห็นอาจารย์ของเขาที่ยืนอยู่หน้าถ้ำ
“ศิษย์คารวะท่านอาจารย์” เขาก้าวไปข้างหน้า จากนั้นก็คารวะอย่างนอบน้อม “ศิษย์ไม่ได้ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวัง ตอนนี้ได้ทะลวงขั้นเข้าสู่ระดับกำเนิดวิญญาณแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น เจ้าเขาแห่งยอดเขาไผ่เขียวอึ้งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะร่าเสียงดัง
………………………………….
ตอนที่ 1856 ไม่รู้ที่ไป
“ไม่เลวๆ” เขาตบไหล่ซ่งหมิงด้วยอารามปลาบปลื้ม “ในเมื่อเจ้าทะลวงขั้นเข้าสู่ระดับกำเนิดวิญญาณขั้นกลางแล้ว เช่นนั้นระหว่างนี้ก็พักไปก่อนเถิด”
เห็นลูกศิษย์ตนเองเจริญก้าวหน้าเช่นนี้ เขาเองก็มีความสุขมาก ยามนี้มีวรยุทธ์เช่นนี้ เชื่อว่าอีกไม่กี่ปี พลังจะต้องพัฒนาขึ้นมากแน่ๆ
ซ่งหมิงยิ้มๆ ลึกๆ ข้างในกลับคิด ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกต้วนเยี่ยเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?
หลังจากส่งอาจารย์รวมถึงคนที่มาแสดงความยินดีที่ถ้ำกลับไปหมดแล้ว เขาจึงเรียกองครักษ์ลับประจำตัวออกมา
“นายท่าน” ชายชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัวข้างกายเขา
ซ่งหมิงเหลือบมองคนคนนั้นแวบหนึ่ง ถามว่า “พักนี้มีข่าวอะไรบ้าง?”
ด้วยเหตุนี้ องครักษ์ลับจึงยื่นจดหมายปึกหนาให้เขา “เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่นายท่านสั่งให้เก็บรวบรวมขอรับ”
ซ่งหมิงรับไปอ่านดู คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย กระทั่งอ่านจดหมายทั้งหมดจบ จึงเก็บจดหมายแล้วเอ่ยว่า “มีข่าวของเฟิ่งจิ่วเมื่อใดให้รายงานข้าทันที”
“ขอรับ” องครักษ์ลับรับคำ ก่อนจะถอยหลังหายตัวไปจากตรงนั้น
ซ่งหมิงยืนเอามือไพล่หลัง แหงนหน้ามองท้องฟ้า พึมพำเสียงเบา “นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้ แต่หากเป็นนาง ก็ถือว่าเป็นการฝึกฝนครั้งหนึ่งก็แล้วกัน! กลับนึกไม่ถึง พวกต้วนเยี่ยเองก็ทะลวงขั้นเข้าสู่ระดับกำเนิดวิญญาณแล้ว”
ครั้นนึกมาถึงตรงนี้ กลีบปากของเขาหยักยก ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม ในจดหมายยังพูดถึงเรื่องของเฟิ่งซิงเล็กน้อยด้วย จากที่รู้จักเฟิ่งจิ่วจนถึงขั้นคบค้าสมาคมกับนาง พวกเขาย่อมรู้ว่าเฟิ่งซิงที่กล่าวถึงนี้หมายถึงผู้ใด
แต่ที่นึกไม่ถึงก็คือ สำนักตะวันฉายเหมือนจะนึกว่าหญิงสาวนางหนึ่งในสำนักเป็นเฟิ่งซิง แต่ก็ช่างเถิด เมื่อเป็นอย่างนี้อำนาจมืดบางกลุ่มจะได้ไม่มุ่งเป้าไปที่เฟิ่งจิ่ว เทียบกันแล้วนางจะได้ปลอดภัยขึ้นหน่อย
เพียงแต่ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ตอนนี้นางจะอยู่ที่ใด?
พอนึกถึงหญิงสาวที่ทำให้รู้สึกตกตะลึงและเลื่อมใสจากใจ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายิ่งกว้างขึ้น ต้องมีโอกาสได้พบกันอีกครั้งแน่
พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกหนึ่งเดือนแล้ว ในระยะเวลานี้ เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ในจักรวรรดิเซวียนหยวนพาคนเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำแล้วหลังจากที่เสด็จพ่อของเขาออกจากการปิดด่านเก็บตัว…
ในสามปีนี้ โม่เฉินรอเฟิ่งจิ่วอยู่ที่ตระกูลน่าหลัน เพียงแต่ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ก็ยังคงไร้ข่าวคราวของนาง
แม้แต่เหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวา หลังจากที่โม่เฉินจัดแจงที่พักให้แล้วก็เริ่มวางรากฐานอำนาจทางนี้อย่างรวดเร็ว พลางสืบข่าวนายท่านของพวกเขาไปด้วย เพียงแต่ยังคงสืบไม่เจออะไรแม้แต่น้อย
“เหตุใดนายท่านจึงไม่ติดต่อเราเลยเล่า?” หลัวอวี่ถามพวกตู้ฝานด้วยความกังวล เขามองพวกเขา เห็นพวกเขาต่างยุ่งกับงานของตัวเองอยู่จึงถาม “พวกเจ้าว่า จะมีเรื่องอะไร…เกิดขึ้นกับนายท่านหรือเปล่า?”
พอเขาเอ่ยจบ สิ่งที่ได้กลับมาคือสายตาเกรี้ยวกราดของทุกคน
“พูดอะไรของเจ้า? นายท่านเป็นถึงใคร จะเกิดเรื่องอะไรกับนางได้อย่างไร?”
“ข้าว่านายท่านคงติดอุปสรรคบางอย่างเลยไม่ได้ติดต่อพวกเรากระมัง”
“ใช่แล้ว”
“พวกเราทำหน้าที่ของตนเองให้ดี รอนายท่านกลับมาก็พอ เมื่อใดนายท่านอยากปรากฏตัว จะต้องมาหาพวกเราแน่”
ได้ยินพวกเขาว่าอย่างนั้น ตู้ฝานยิ้มๆ พยักหน้าเห็นด้วย “อืม ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน นายท่านทำอะไรไม่ต้องให้พวกเราเป็นห่วงหรอก ข้าว่านางจะต้องมีเรื่องอะไร หรือไม่ก็ติดต่อเราไม่ได้ แต่เรื่องความปลอดภัยไม่น่ามีปัญหาอะไร พวกเจ้าลืมแล้วหรือ นางยังมีสัตว์คู่พันธสัญญาอีกตั้งหลายตัวอยู่ข้างๆ!”
ตู้ฝานเงียบไปครู่หนึ่ง หันไปมองพวกเขา จากนั้นเอ่ยขึ้นอีกว่า “ใช่สิ เมื่อครู่ข้าได้รับจดหมายมา เจ้าตำหนักยมราชกำลังเดินทางมาที่นี่แล้ว”