เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1859 กำลังคนอันแข็งแกร่ง / ตอนที่ 1860 คำสั่ง
ตอนที่ 1859 กำลังคนอันแข็งแกร่ง / ตอนที่ 1860 คำสั่ง
ตอนที่ 1859 กำลังคนอันแข็งแกร่ง
“เพราะพวกเขากินยา” เฟิ่งจิ่วตอบ สายตากวาดผ่านสามคนตรงหน้า
“หมายความว่าอย่างไร?” ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่นานก็เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้ากระดกมุมปาก เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเปล่งเสียงเย็นชาออกจากปาก
“ก็หมายความตามที่พูด” เฟิ่งจิ่วเอ่ยจบ ก็โจมตีในทันที เห็นเพียงใต้แขนเสื้อมีประกายเยือกเย็นพาดผ่าน ดาบสั้นคมกริบเล่มหนึ่งเฉือนแทงไปยังผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินคนนั้นด้วยความเร็วที่ไม่ทันตั้งตัว
ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินคนนั้นตกใจ โน้มตัวไปข้างหลังเพื่อหลบดาบสั้นที่เฉือนผ่านลำคอของเขา หลังจากถอยหนีด้วยความตกใจ ก็เห็นเด็กหนุ่มใช้ท่าร่างอันแปลกประหลาด พลิกดาบสั้นในมือ เฉือนแทงผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณสองคนนั้นที่ไม่ทันตั้งตัว
“อึก!”
ได้ยินเพียงสองคนนั้นร้องครวญ ดวงตาเบิกกว้างล้มลงไป ไม่ทันตอบโต้ด้วยซ้ำ
ครั้นเห็นเด็กหนุ่มในชุดดำสังหารผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณสองคนได้ในดาบเดียว ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินคนนั้นถอยหลังหนึ่งก้าว “หมายเลขเก้า! นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้าคิดจะทรยศงั้นหรือ?”
เฟิ่งจิ่วกระตุกมาปาก ไม่ตอบคำถามเขา เพียงจ้องเขาเขม็ง นาทีต่อมา เงาร่างสีดำพุ่งโฉบออกไปอีกครั้ง ท่าร่างของเธอรวดเร็วมาก ลงมือโหดเหี้ยมหมายเอาชีวิต ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินอดตกตะลึงไม่ได้ ขณะกำลังเตรียมจะโต้กลับ ใบหน้ากลับซีดเผือดในทันใด
แรงกดดันอันแข็งแกร่งพุ่งปะทะออกมา ความหวาดกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเช่นนั้น ทำให้เขาที่คิดจะขยับร่างกายได้แต่ยืนตัวแข็ง ราวกับร่างกายถูกควบคุม อยากขยับ อยากตะโกน แต่กลับทำไม่ได้
“ชิ้ง!”
พลังดาบอันดุดันพาดผ่าน ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินคนนั้นร้องครวญ เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ ล้มลงไปทั้งที่ร่างกายยังแข็งทื่อยู่อย่างนั้น
“พลั่ก!”
เขาล้มลงไป ดวงตาจ้องเขม็งมาที่เฟิ่งจิ่ว ราวกับกำลังถามว่าทำไม
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองศพสามศพบนพื้นแวบหนึ่ง ก้มหยิบถุงฟ้าดินตรงเอวของพวกเขาขึ้นมา จากนั้นก็เรียกเปลวเพลิงกลางฝ่ามือออกมาเผาศพสามศพนั้นทิ้งเสีย
หนึ่งวันต่อมา หลังจากที่ทุกคนทะลวงขั้นเสร็จสิ้น แต่ละคนพากันมายืนตรงหน้าเฟิ่งจิ่วด้วยสีหน้าตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด แม้ในใจมีคำถามมากมายอยากถาม แต่กลับไม่ถามออกมา เพียงจ้องมองเขาด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด
อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ พวกเขารู้นานแล้วว่าหัวหน้าไม่ใช่คนธรรมดา แต่ความสามารถของเขานั้นลึกล้ำเพียงใด กลับไม่มีใครคาดเดาได้เลย ยิ่งครั้งนี้แสดงฝีมือเช่นนี้ให้เห็น ยิ่งทำให้พวกเขาตกตะลึง
ต้องบอกก่อนว่า แม้แต่ยาที่คนของวิหารราตรีให้พวกเขา ก็ไม่ได้เป็นยาระดับสูงและคุณภาพดีเหมือนของที่หัวหน้าให้พวกเขาเมื่อวาน ยามากมายขนาดนั้น หัวหน้ากลับมอบให้พวกเขาได้โดยไม่กระพริบตา หลังจากกินยา คนจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบสามคน กลับมีคนเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในระดับกำเนิดวิญญาณขั้นสูงสุด ที่เหลือล้วนกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินไปแล้ว
ความต่างของพลังในหนึ่งระดับ เรียกได้ว่าต่างกันอย่างลิบลับ ยามนี้หากพวกเขาออกไป เกรงว่าแม้แต่วิหารราตรีก็ยังต้องเกรงกลัวอยู่สามส่วน แม้แต่เหล่าตระกูลข้างนอก ก็ไม่มีตระกูลไหนที่มีผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินจำนวนมากเท่านี้
เฟิ่งจิ่วมองพิจารณาทุกคน เห็นระดับวรยุทธ์ของพวกเขาในตอนนี้ก็พยักหน้าอย่างพอใจ เผยรอยยิ้มออกมา “ไม่เลว ดีมาก ต่อไปข้าจะบอกแผนการหลังจากกลับไปให้พวกเจ้าฟัง”
“ขอรับ!” ทุกคนรับคำเสียงเข้ม มองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
………………………………….
ตอนที่ 1860 คำสั่ง
“หลังออกไปจากที่นี่ สิ่งสำคัญคือห้ามถูกจับได้ว่ามีอะไรต่างออกไป หลังจากจับจุดพวกเขาได้ ก็ทำลายจุดอ่อนพวกนั้นก่อน แล้วค่อยหนีออกไป”
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนมองพวกเขาแล้วเอ่ยว่า “จำไว้ ข้าหวังว่าทุกคนจะรอดชีวิตออกไปได้”
ทุกคนพลันรู้สึกอุ่นใจ พยักหน้าพร้อมกัน “ขอรับ หัวหน้า พวกเราจะต้องรอดออกไปได้แน่!”
“ไปกันเถิด! หลังกลับไปหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ให้รอคำสั่งจากข้า” เธอกำชับ แล้วจึงค่อยพาพวกเขาออกจากป่า…
สองวันต่อมา ตอนที่พวกเฟิ่งจิ่วใส่หน้ากากยืนเรียงแถวในสนามอีกครั้ง แม้แต่ผู้อาวุโสกุ่ยก็ยังอดตะลึงไม่ได้ เขามองคนหนึ่งร้อยกว่าคนตรงหน้าด้วยแววตาเหลือเชื่อ
“ถอดหน้ากากออก!”
ผู้อาวุโสกุ่ยตวาดสั่ง สายตาจับจ้องคนหนึ่งร้อยกว่าคน มองดูพวกเขาแต่ละคนถอดหน้ากากออกราวกับท่อนไม้ ผู้อาวุโสกุ่ยอดเบิกตากว้างไม่ได้ ลอบตกตะลึงเล็กน้อย
ปะ เป็นไปได้อย่างไร? เวลาสั้นๆ เพียงสามเดือน คนพวกนี้กลับกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเหิน มีเพียงไม่กี่คนที่เป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ หรือว่าพวกเขาที่กินยาเข้าไปแล้ว จะทะลวงขั้นได้ไกลขนาดนี้จริงๆ?
“ผะ ผู้อาวุโสกุ่ย ทะ ทำไมพวกเขาทะลวงขั้นไวเช่นนี้?” ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินและระดับกำเนิดวิญญาณหลายคนที่อยู่ข้างๆ อดเบิกตากว้างด้วยความตกใจไม่ได้ จ้องคนเหล่านั้นด้วยแววตาเหมือนเห็นผี
เวลาสั้นๆ แค่สามเดือนก็มีพลังเช่นนี้แล้ว? หากไม่ใช่ว่าพวกเขายืนอยู่ตรงหน้า แทบไม่อยากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
“คนจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบสามคน กลับมีผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณอยู่เพียงไม่กี่คน น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว น่าเหลือเชื่อ…” ผู้อาวุโสกุ่ยจ้องมองทุกคนบนสนาม สายตาสะดุดที่เฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง เห็นเด็กหนุ่มหมายเลขเก้าก็ทะลวงขั้นกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณในเวลาสั้นๆ เช่นกัน ไม่ธรรมดาจริงๆ
ครั้นนึกว่าคนพวกนี้เขาเป็นคนฝึกมาเองกับมือ และนึกถึงที่คนพวกนี้ฟังคำสั่งจากเขา หัวใจของเขาพลันร้อนรุ่ม คนนับร้อยคนเช่นนี้ พลังเช่นนี้ แม้แต่ส่วนกลางของวิหารราตีของพวกเขาก็ยังมีผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินไม่มากเท่านี้ หากกินยาเข้าไปอีก พลังจะพัฒนาขึ้น และทะลวงสู่อีกระดับหรือไม่?
หัวใจของเขาพลันสับสนว้าวุ่นขึ้นมา เพื่อไม่ให้คนข้างหลังจับสังเกตได้ เขาสูดหายใจลึกๆ แล้วผ่อนลมหายใจ มองคนนับร้อยคนตรงหน้า ลอบตัดสินใจกับตนเองเงียบๆ
เขาอยากทำให้กำลังคนอันแข็งแกร่งกลุ่มนี้กลายเป็นของเขา! เขาอยากทำให้กำลังคนกลุ่มนี้อยู่ใต้บัญชาของเขา! ไม่ใช่ของวิหารราตรี!
เพียงแต่ พวกเขากินยาช่วยทะลวงขั้นถึงได้มีวรยุทธ์เช่นนี้ ไม่รู้ว่าพลังต่อสู้จะเป็นอย่างไรบ้าง?
ประกายชั่วร้ายพาดผ่านดวงตา จู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้น “หมายเลขหนึ่ง หมายเลขเก้า หมายเลขสิบสาม หมายเลขสี่สิบห้า หมายเลขเจ็ดสิบแปดก้าวออกมา!”
สิ้นเสียงของเขา มีคนห้าคนเดินออกมาจากแถว เพราะทุกคนถอดหน้ากากออกหมดแล้ว จึงมองเห็นได้ว่าทั้งห้าคนมีสีหน้าที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก ดวงตาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างเย็นชา
มองดูห้าคนที่เดินออกมาจากแถวทันทีที่เขาออกคำสั่ง ผู้อาวุโสกุ่ยพึงพอใจ เขาพยักหน้าเล็กน้อย พลันยกมือชี้ไปยังผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินและผู้ฝึกวิชามารหลายคนที่ยืนอยู่อีกด้าน ก่อนจะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย
“ฆ่าพวกเขาเสีย!”
แทบจะในทันทีที่ผู้อาวุโสกุ่ยออกคำสั่ง และในขณะที่ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินกับผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นตกตะลึง พวกเฟิ่งจิ่วก็พุ่งจู่โจมไปทางคนพวกนั้น…