เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1865 ตกตะลึงก่อนตาย / ตอนที่ 1866 ล้วนสามารถรับหน้าที่ได้
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1865 ตกตะลึงก่อนตาย / ตอนที่ 1866 ล้วนสามารถรับหน้าที่ได้
ตอนที่ 1865 ตกตะลึงก่อนตาย / ตอนที่ 1866 ล้วนสามารถรับหน้าที่ได้
ตอนที่ 1865 ตกตะลึงก่อนตาย
ผู้อาวุโสกุ่ยใจสั่น ม่านตาหดเล็กลง “นะ นายท่าน…” สิ้นเสียง เขาก็บินถอยหลัง หยิบแกนเคลื่อนย้ายออกมาหมายจะหนีไป
ชายชุดคลุมสีดำเห็นอย่างนั้นก็หรี่ตา ขณะกำลังจะสั่งให้ผู้ติดตามข้างหลังไปสังหารเขา ก็เห็นเงาร่างสีดำตรงหน้าโฉบออกไปพร้อมกับพลังกระบี่รุนแรงเส้นหนึ่ง
“ชิ้ง!”
“ซี๊ด! อ๊าก!”
ขณะที่เสียงกระแสอากาศเฉือนผ่านดังขึ้น เห็นเพียงดาบสั้นในมือเฟิ่งจิ่วพุ่งออกไป ถูกมือข้างหนึ่งที่ถือแกนเคลื่อนย้ายของเขาไว้ ผู้อาวุโสกุ่ยสูดหายใจพร้อมกับร้องครวญ แกนเคลื่อนย้ายในมือหล่นลงพื้น
ยามที่คิดจะเก็บแกนเคลื่อนย้ายขึ้นมา พลังฝ่ามือลมอันรุนแรงขุมหนึ่งพุ่งเข้ามา เขาตกใจจนต้องรีบถอยหลัง ไม่กล้ารั้งหยุดอยู่ที่เดิม เงยหน้ามองไป เห็นว่าเป็นหมายเลขเก้า ก็อดขบกรามด้วยความเจ็บใจไม่ได้
บัดซบ! นี่มันเรือล่มในคลองระบายน้ำ[1]แท้ๆ! พังหมดแล้ว!
ชายชุดคลุมสีดำรวมถึงผู้ติดตามทั้งสี่ของเขาที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งมีประกายประหลาดใจพาดผ่านดวงตา คล้ายนึกไม่ถึง ว่าสายลับที่ใส่หน้ากากคนนี้จะสามารถใช้พลังระดับกำเนิดวิญญาณบีบคั้นผู้อาวุโสกุ่ยที่มีพลังระดับเซียนเหินให้ถอยหนีครั้งแล้วครั้งเล่าได้
ดูท่าทาง คุณสมบัติของสายลับชุดนี้จะโดดเด่นมากจริงๆ
สายตาของเขาจับจ้องไปที่ผู้อาวุโสกุ่ยและสายลับคนนั้น เห็นว่ากลิ่นอายที่พลุ่งพล่านอยู่รอบกายสายลับคนนั้นเป็นเพียงพลังของผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ ปกติแล้วผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณไม่สามารถต่อกรกับผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินได้ ทว่าสายลับคนนี้กลับอาศัยท่าร่างแปลกประหลาดกับความเร็วของเขาทำให้ตนเองได้เปรียบกว่า
สายลับคนนั้นลงมือเหี้ยมโหด ความเร็วสูง กอปรกับท่าร่างที่พลิกแพลงไปมา เพียงการผสมผสานกันระหว่างความเร็วและกระบวนท่ายังไม่พอ ยามลงมือยังพุ่งเป้าไปที่จุดอันตรายด้วย หลายครั้งที่ผู้อาวุโสกุ่ยเกือบต้องตายด้วยน้ำมือของสายลับคนนั้น
“คุณชาย ท่าร่างของสายลับคนนี้แปลกประหลาดนัก ลงมือรวดเร็วมากหนำซ้ำกระบวนท่าดุดันพุ่งโจมตีจุดอันตรายโดยตรง ข้าเดาว่าคนผู้นี้ก่อนที่จะมาเป็นคนของเรา น่าจะมีความสามารถอยู่ก่อนแล้ว ไม่เช่นนั้น เวลาเพียงสามเดือนไม่มีทางมีฝีมือเช่นนี้ได้แน่นอน”
ชายชราผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังชุดคลุมสีดำเอ่ย พลางลอบสังเกตการลงมือและท่าร่างของสายลับชุดกระชับตัวสีดำที่อยู่ข้างหน้า
“อืม คนคนนี้เป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณก็มีพลังที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้แล้ว หายากจริงๆ” ชายชุดคลุมสีดำพยักหน้า คล้ายชื่นชมมากเช่นกัน
เพราะเห็นสายลับชุดดำอาศัยท่าร่างแปลกประหลาดเป็นฝ่ายได้เปรียบ พวกเขาเองก็ไม่ได้ลงมือ กระทั่งผู้อาวุโสกุ่ยหนีไม่ทัน ถูกดาบสั้นกรีดคอภายใต้อารามแตกตื่นและล้มลงไป
“อึก!”
ผู้อาวุโสกุ่ยกระอักเลือดออกจากปาก ดวงตาเบิกกว้างจ้องหมายเลขเก้าในชุดดำที่อยู่ตรงหน้า ในดวงตาคู่นั้นปรากฏแววตื่นตะลึงพรึงเพริด เขาขยับปาก คล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็พูดไม่ออกสักคำ เพียงกลืนลมหายใจเฮือกสุดท้าย และสิ้นลมไป
นอกจากผู้อาวุโสกุ่ยที่ตายไป ไม่มีใครรู้ว่า เขาต้องพบเจอกับเรื่องน่าตกใจแบบใดก่อนตาย…
กระทั่งผู้อาวุโสกุ่ยสิ้นลม เฟิ่งจิ่วหลุบตาลง เก็บซ่อนแววตาไว้ แล้วถือดาบสั้นก้าวเดินมาหยุดต่อหน้าชายชุดคลุมสีดำ “นายท่าน ภารกิจสำเร็จแล้ว โปรดตรวจสอบ!”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งรีบสาวเท้าเข้าไป ตรวจร่างผู้อาวุโสกุ่ยที่หมดลมไปแล้ว ก่อนกลับมากระซิบบอกชายชุดคลุมสีดำ จากนั้นก็กลับไปยืนที่เดิม
ชายชุดคลุมสีดำกระตุกปากเผยรอยยิ้มขบคิด จ้องมองสายลับชุดดำตรงหน้าด้วยแววตาสนใจ ฟังจากเสียง เหมือนจะยังอายุไม่มาก
“ถอดหน้ากากของเจ้าออก”
………………………………….
ตอนที่ 1866 ล้วนสามารถรับหน้าที่ได้
เฟิ่งจิ่วรับคำเมื่อได้ยิน “ขอรับ!” จากนั้นก็ยกมือถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน
ใบหน้าของเธอในตอนนี้ผ่านการแปลงโฉมมาแล้ว นอกจากคนที่รู้จักกันดี คนอื่นไม่มีทางจำได้แน่นอน ตอนนั้นที่เธอช่วยชายคนนี้เขายังหมดสติอยู่ ผู้ติดตามของเขาเองก็เดาว่าคงลืมเธอไปนานแล้ว เพราะอย่างไร ก็เป็นเพียงคนผ่านทาง จะจำไปทำไมกัน?
ชายชุดคลุมสีดำมองใบหน้าของคนตรงหน้า แปลกใจเล็กน้อยกับความหนุ่มและรูปงามที่อยู่ใต้หน้ากาก เด็กหนุ่มน่าจะยังอายุไม่ถึงยี่สิบ ผิวขาวเนียน เครื่องหน้าไม่ถึงกับโดดเด่น แต่ก็นับได้ว่าสมส่วนกลมกลืน ชวนให้เจริญตายิ่ง
เพราะกินยาทะลวงใจเข้าไป คนเหล่านี้แทบจะทำตามคำสั่งโดยสัญชาตญาณ ไม่ขัดขืน จุดนี้นับว่าเหมาะสมที่จะเก็บไว้ข้างกายมากที่สุด เพราะหากกินยาทะลวงใจเข้าไปแล้ว ย่อมไม่มีทางทรยศแน่นอน
ชายชุดคลุมสีดำชำเลืองมองป้ายห้อยเอวของเด็กหนุ่มแวบหนึ่ง หยิบไปดู “หมายเลขเก้า?”
“ขอรับ” เฟิ่งจิ่วรับคำ
“พวกเจ้าหนึ่งร้อยยี่สิบสามคน ใครเป็นหัวหน้า?” ชายชุดดำโยนป้ายห้อยเอวที่สะลักหมายเลขเก้าเอาไว้เล่น พลางกวาดตามองกลุ่มคนตรงหน้า สุดท้าย สายตาสะดุดที่คนผู้หนึ่ง
ในสายตาเขา ท่ามกลางคนพวกนี้ คนคนนี้พลังแข็งแกร่งที่สุด หากพูดถึงตำแหน่งหัวหน้า ก็น่าจะเป็นเขา ทว่า ในขณะที่เขาคิดว่าตนเองเดาไม่ผิดแน่ กลับได้ยิยหมายเลขเก้าเอ่ย
“เรียนนายท่าน! ข้าเป็นหัวหน้าขอรับ!”
เฟิ่งจิ่วตอบ ในใจกลับลอบด่า ที่ผ่านมามีแต่คนเรียกเธอว่านายท่าน พอมาอยู่ที่นี่ เธอกลับต้องเรียกคนอื่นว่านายท่านตลอด โดยเฉพาะคนนี้ที่เป็นศัตรูของเธอ ช่างอัดอั้นตันใจยิ่งนัก
“เจ้า?”
ชายชุดคลุมสีดำแปลกใจเล็กน้อย ยิ้มถามอย่างขบคิด “พลังระดับกำเนิดวิญญาณอย่างเจ้าก็เป็นหัวหน้าได้ด้วยหรือ? พวกเขายอมรับรึ?”
“พวกข้าทำตามคำสั่งขอรับ!” ความหมายตามคำพูดก็คือ พวกเขาล้วนทำตามคำสั่ง ไม่เกี่ยวกับว่ายอมรับหรือไม่
ได้ยินอย่างนั้น ชายชุดคลุมสีดำกระตุกมุมปาก พยักหน้า “พูดได้ดี”
เขาหรี่ตา จ้องคนหนึ่งร้อยกว่าคนตรงหน้า แล้วหันไปกล่าวกับหมายเลขก้าวที่อยู่ตรงหน้า “ในเมื่อเจ้เป็นหัวหน้าของพวกเขา เช่นนั้น ตอนนี้ข้าจะส่งคนสิบหกคนเข้าไปในสี่สำนักใหญ่ ในความคิดเจ้า เจ้าว่าควรส่งสิบหกคนใดไปดี?”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วก็ตอบเสียงดังฟังชัด ไร้ความลังเล “เรียนนายท่าน! พวกข้าทุกคนล้วนเก่งกาจ ไม่ว่าส่งใครไปล้วนมีความสามารถรับหน้าที่ได้ทั้งนั้น ไม่มีทางทำให้นายท่านผิดหวังแน่นอน!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ! เก่งกาจ! ไม่ว่าใครล้วนมีความสามารถรับหน้าที่ได้! พูดได้ดีมาก!” ชายชุดคลุมสีดำเบิกบานใจ แหงนหน้าหัวเราะเสีงดัง อารมณ์เบิกบานของเขาทำให้ผู้ติดตามทั้งสี่ตะลึงเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าคุณชายจะดีใจกับเรื่องนี้ขนาดนี้ ชั่วขณะหนึ่ง สายตาของทั้งสี่หันไปจับจ้องที่หมายเลขเก้าพร้อมกัน
คำตอบของเด็กหนุ่มคนนี้ก็ช่างประหลาด เพียงคำพูดง่ายๆ ประโยคเดียวก็ทำให้คุณชายเบิกบานถึงเพียงนี้ นับเป็นบุคคลมีความสามารถจริงๆ หนำซ้ำยังเป็นคนมีไหวพริบด้วย แม้แต่พลังก็ยังไม่ธรรมดา ถือเป็นต้นกล้าชั้นยอดจริงๆ
ชายชุดคลุมสีดำหยุดหัวเราะ เอียงตัวเล็กน้อยมองชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหนึ่ง “เจ้าเลือกมาสิบหกคน กำชับให้ดี สั่งให้พวกเขาแฝงตัวเข้าไปเป็นสายลับในสี่สำนักใหญ่ และคอยสืบข่าวให้เรา”
“ขอรับ” ชายวัยกลางคนรับคำ ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สั่งให้ทุกคนถอดหน้ากากออก ก่อนจะเลือกคนที่ค่อนข้างเด็กออกมาสิบหกคน
“หมายเลขเก้า” ชายชุดคลุมสีดำมองเฟิ่งจิ่ว นัยน์ตาไหวระริกมีแววชอบใจพาดผ่าน
………………………………….
[1] เรือล่มในคลองระบายน้ำ เป็นสำนวนหมายถึง ควบคุมได้ไม่ดีจนเกิดปัญหา