เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1877 ได้ยินร้อยหนมิสู้พบหน้าหนึ่งครั้ง / ตอนที่ 1878 ไม่เจียมตัวงั้นหรือ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1877 ได้ยินร้อยหนมิสู้พบหน้าหนึ่งครั้ง / ตอนที่ 1878 ไม่เจียมตัวงั้นหรือ
ตอนที่ 1877 ได้ยินร้อยหนมิสู้พบหน้าหนึ่งครั้ง / ตอนที่ 1878 ไม่เจียมตัวงั้นหรือ
ตอนที่ 1877 ได้ยินร้อยหนมิสู้พบหน้าหนึ่งครั้ง
เฟิ่งจิ่วไม่ได้หนีไปทันที เธอยืนอยู่ตรงนี้รอจนพวกเหลยเซียวหนีออกไปหมดแล้ว ก็ยังไม่ไป แต่หันตัวกลับมา ใบหน้าค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา นัยน์ตากระจ่างใสจับจ้องไปยังเงาร่างสามสี่ร่างที่มุ่งหน้ามาทางนี้ ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
เวลานี้ ชายชุดคลุมสีดำที่เหาะเข้ามาแม้ใส่หน้ากากอยู่ แต่ไอพิษรอบกายกลับเดือดพล่าน นอกจากเห็นวิหารราตรีถูกระเบิดจนระเนระนาดไปทั่ว ตอนที่เขามุ่งหน้าไปยังจุดรวมตัวของสายลับเพื่อยืนยัน ก็ถูกแรงระเบิดซัดใส่จนมีสภาพสะบักสะบอมไปทั้งตัว
แม้เขาไม่ได้บาดเจ็บ แต่ชุดคลุมสีดำบนตัวกลับเต็มไปด้วยคลาบฝุ่น และรอยขาดที่เกิดจากเศษหินที่กระเด็นออกมาตอนระเบิด ครั้นมุ่งหน้าไปถึงค่ายที่พักของสายลับ แล้วไม่เห็นสายลับอยู่ในนั้นสักคน เขาจึงรู้ ว่าทรัพยากรทั้งหมดที่ลงทุนไปในสามเดือนที่ผ่านล้วนมลายหายไปแล้ว
ไม่เพียงมลายหายไป แต่ยังฝึกให้คนพวกนั้นกลายเป็นผู้แข็งแกร่งมาเป็นศัตรูกับเขาอีก นึกมาถึงตรงนี้ กลิ่นอายความแค้นรอบตัวเขารุนแรงเพียงใดไม่ต้องเดาก็คงรู้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นเงาร่างสีดำร่างนั้นยืนอยู่ตรงถนนภูเขา ไอสังหารยิ่งพวยพุ่งขึ้นฟ้า
พวกเขาแก้พิษของยาทะลวงใจได้อย่างไร? หากมีแค่คนสองคนที่ไม่ได้กินยาทะลวงใจเข้าไปก็ยังพอเข้าใจได้ แต่คนหนึ่งร้อยกว่าคนไม่มีใครกินยาทะลวงใจเข้าไปเลยนั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอน! ต้องมีคนแก้พิษให้พวกเขาแน่ๆ!
ยาทะลวงใจที่แม้แต่คนของสี่สำนักเซียนก็ยังไม่อาจแก้พิษได้ พวกเขาทำได้อย่างไร?
ลึกๆ ข้างในมีเงาร่างของใครคนหนึ่งผุดขึ้นมารางๆ ต้องเป็นภูตหมอเฟิ่งจิ่วแน่ๆ! ใต้หล้านี้นอกจากนางแล้วยังมีใครที่แก้พิษของยาทะลวงใจของพวกเขาได้อีก? ยิ่งไปกว่านั้น ได้ยินมาว่าภูตหมอเฟิ่งจิ่วมาที่แผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำแล้ว ยังช่วยแก้พิษให้เซียนท่านหนึ่งของสำนักบุปผาเซียนด้วย แต่กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากนั้น
ยามนี้เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าทั้งหมด เขามีหรือจะยังไม่เข้าใจ? เพียงแต่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็นึกไม่ถึงว่าภูตหมอเฟิ่งจิ่วสมควรตายนั่นจะใจกล้าขนาดนี้ ถึงขั้นกล้าแฝงตัวเข้ามาอยู่ใต้เปลือกตาของเขา!
เพียงไม่กี่อึดใจ เขาก็มาหยุดยืนตรงหน้าเด็กหนุ่มในระยะที่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง รอบด้าน เหล่าคนที่ติดตามเขามาทิ้งตัวยืนอยู่ไม่ไกล ล้อมเด็กหนุ่มชุดดำไว้ตรงกลาง
ชายชุดคลุมสีดำหรี่สายตาคมปลาบ จ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ในที่สุดก็ไม่เก็บซ่อนกลิ่นอาย และไม่ก้มหน้าหลุบตาต่ำอีกต่อไป กลางหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและมั่นใจ ดวงตากระจ่างใสลึกล้ำ กลิ่นอายรอบกายแปรเปลี่ยน พลังนั่นทำให้นัยน์ตาของเขาไหวระริกอย่างอดไม่ได้
“ภูตหมอเฟิ่งจิ่ว!”
เสียงทุ้มต่ำแฝงความชั่วร้าย ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยคที่แสดงถึงความมั่นใจ สายตาของเขาจับจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าเขม็ง มองดูเขากระตุกมุมปาก เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และเย่อหยิ่งออกมา
“สมแล้วที่เป็นเจ้าวิหารของวิหารราตรี เดาออกเร็วขนาดนี้” เฟิ่งจิ่วกระตุกมุมปากยิ้มเย็นชา ขณะเดียวกัน เธอพลิกข้อมือ กระบี่คมพยับที่ส่องรัศมีแสงสีเขียวในตำนานก็ปรากฏในมือเธอ
คนเหล่านั้นที่ยืนล้อมอยู่รอบๆ ได้ยินคำพูดของนายตนเอง ต่างตกตะลึง เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือเฟิ่งจิ่ว?
พวกเขาข่มความตกตะลึงในใจ มองเด็กหนุ่มที่ไม่มีเค้าความอ้อนแอ้นเฉกเช่นหญิงสาวแม้แต่น้อยตรงหน้า ไม่อยากเชื่อ เด็กหนุ่มที่เย่อหยิ่งอวดดีเช่นนี้กลับเป็นผู้หญิง!
“ภูตหมอเฟิ่งจิ่วตัวดี! องค์หญิงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวงตัวดี! ได้ยินร้อยหนมิสู้พบหน้าหนึ่งครั้งจริงๆ!” เขาหรี่ตา จ้องใบหน้าสะอาดหล่อเหลาของเธอ เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่ใบหน้าจริงๆ ของนาง
จากที่ได้ยินมา ภูตหมอเฟิ่งจิ่วรูปโฉมงดงามไม่มีใครเทียบได้ ชุดกระโปรงสีแดงของนางยิ่งดูมีเสน่ห์เหลือร้ายยิ่งกว่า วันนี้ได้พบ อย่างอื่นไม่รู้ แต่ที่รู้คือความกล้าและวิธีการของนาง กลับทำให้เขาได้เปิดโลกทัศน์ครั้งใหญ่แล้ว!
………………………………….
ตอนที่ 1878 ไม่เจียมตัวงั้นหรือ
“ราชวงศ์เฟิ่งหวง? เหอะ!”
เฟิ่งจิ่วแค่นหัวเราะ จ้องชายชุดคลุมสีดำที่อยู่ตรงหน้า “ข้ากับวิหารราตรีของเจ้าไม่เคยมีความแค้นต่อกัน ไม่เคยข้องเกี่ยวกัน พวกเจ้าส่งคนไปทำลายแคว้นของข้า สังหารครอบครัวของข้า วันนี้ยังกล้าพูดถึงราชวงศ์เฟิ่งหวงอีก?”
เธอกวาดมองเหล่าคนที่ยืนล้อมอยู่รอบๆ มุมปากกระตุกเล็กน้อย เสียงเย็นใสเปล่งออกจากกลีบปาก “เจ้าพวกนั้นมอบให้พวกเจ้าก็แล้วกัน ออกมา!” สิ้นเสียงของเธอ เห็นเพียงประกายแสงเส้นหนึ่งพาดผ่าน ไม่นานนักหงส์ไฟกับเหล่าไป๋รวมถึงอสูรกลืนเมฆาก็ออกมาจากห้วงมิติ
“กรรซ์!”
“โฮก!”
“กรรซ์!”
เสียงคำรามสามเสียงดังมาจากสัตว์คู่พันธสัญญาสามตัว เสียงนั้นแฝงไว้ด้วยแรงกดดันอันแข็งแกร่งกลายเป็นกระแสอากาสเหมือนริ้วน้ำที่กระจายกลางอากาศ ซัดใส่ผู้คนที่อยู่รอบๆ
เห็นเพียงอสูรกลืนเมฆากระโดดกลางอากาศ จากนั้นลำตัวพยัคฆ์อันแข็งแกร่งกำยำก็ยืนสง่าอยู่ข้างหลังเฟิ่งจิ่ว หันหน้าไปทางชายวัยกลางคนคนหนึ่งในพวกนั้น ส่วนหงส์ไฟกระพือปีกบินวนอยู่เหนือท้องฟ้า โน้มตัวมองลงมาด้านล่าง ยังมีเหล่าไป๋ แม้มันจะเป็นมังกร แต่ว่าก็เป็นสัตว์กลายพันธุ์ ยามนี้มันกำลังนอนขดตัวอยู่บนกิ่งไม้พลางจ้องชายอีกคนเขม็ง
สัตว์คู่พันธสัญญาณสามตัวปรากฏตัวพร้อมกัน แรงกดดันของสัตว์เทวะโบราณและสัตว์เทวะขั้นสูงกระจายไปทั่วบริเวณ กระแสอากาศที่มองไม่เห็นนั่นดุจภูเขาลูกใหญ่ที่กดทับหน้าอกของพวกเขา รู้สึกเหมือนถูกกดหัว แน่นหน้าอก และเลือดในร่างกายป่วนพล่าน
“หงส์ไฟ สัตว์เทวะโบราณ!”
“สัตว์กลายพันธ์ มังกรขาวเขาเดียว!”
“สัตว์เทวะขั้นสูง อสูรกลืนเมฆา!”
คนพวกนั้นมองสัตว์คู่พันธสัญญาสามตัวนั้นพร้อมกับสูดหายใจ ก่อนจะอุทานออกมาพร้อมกัน พวกเขาจ้องมองสัตว์พันธสัญญาสามตัวที่มีพลังต่อสู่อันแข็งแกร่งด้วยความตื่นตะลึง อดสบถด่าไม่ได้
“บัดซบ!”
เฟิ่งจิ่วผู้นี้เหตุใดนางคนเดียวจึงมีสัตว์คู่พันธสัญญาเยอะขนาดนี้? แถมยังเป็นสัตว์คู่พันธสัญญาที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ด้วย อย่าว่าแต่สามตัวที่อยู่ตรงหน้าเลย แค่หนึ่งในพวกมันก็แทบจะกระอักเลือดแล้ว
“ฆ่าพวกเขาเสีย!” เฟิ่งจิ่วจ้องคนพวกนั้น
“กรรซ์!”
สัตว์คู่พันธสัญญาสามตัวตอบรับด้วยเสียงคำราม นาทีต่อมา ก็กระโจนเข้าใส่คนพวกนั้น แรงกดดันอันแข็งแกร่งยิ่งใหญ่และกระแสพลังจากตัวของพวกมันหลอมรวมกัน ทำให้ความเร็วของพวกมันเพิ่มขึ้นในพริบตา เสี้ยวนาทีที่กระโจนออกไป กระแสอากาศอันรุนแรงด้านหน้าก็พุ่งนำออกไปก่อน
คนพวกนั้นพอเห็นสัตว์คู่พันธสัญญาสามตัวจู่โจมมาทางพวกเขา สีหน้าก็พลันเปลี่ยน รีบถอยกรูดไปข้างหลัง พยายามไม่ปะทะกับพวกมันซึ่งๆ หน้า เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกแรงกดดันอันแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามทำร้าย
ชายชุดคลุมสีดำเห็นภาพนั้น ประกายตกตะลึงก็พาดผ่านดวงตา นึกไม่ถึงว่าเฟิ่งจิ่วคนเดียวจะมีสัตว์คู่พันธสัญญาเยอะขนาดนี้ หนำซ้ำล้วนเป็นสัตว์คู่พันธสัญญาที่มีพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ด้วย
ขณะกำลังครุ่นคิด ก็สัมผัสได้ว่าไอสังหารอันดุดันปะทะเข้ามา เขาพลันได้สติ ได้ยินเสียงเย็นใสดังเข้ามาในโสตประสาท
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”
เฟิ่งจิ่วถือกระบี่คมพยับ พลังกระบี่อันดุดันพุ่งออกมาในขณะที่เธอโจมตีเข้ามา น่าพรั่นพรึงยิ่งนัก การเคลื่อนไหวของเธอเร็วมาก ระยะทางหลายจั้ง เพียงพริบตาเดียวกลับเข้ามาใกล้แล้ว ครั้นเห็นกระบี่คมพยับกำลังจะพุ่งแทงมาที่หว่างคิ้ว ชายชุดคลุมสีดำใส่หน้ากากหันตัวกลับมา
“ไม่เจียมตัว!”
น้ำเสียงเย็นเยียบดังออกจากปากของเขา เสียงนั้นแสดงออกถึงความเย่อหยิ่งจองหองอย่างชัดเจนถึงเพียงนั้น เห็นชัดว่าไม่เห็นเฟิ่งจิ่วอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ก็จริง ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ก็ไม่มีทางนึกถึงว่าตนเองจะแพ้ผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ชื่อเสียงของเฟิ่งจิ่วจะเลื่องระบือไกล แต่ในสายตาเขา อีกฝ่ายเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น
เฟิ่งจิ่วได้ยินอย่างนั้นก็กระตุกมุมปาก “ไม่เจียมตัวงั้นหรือ?”