เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1883 เสียงกรีดร้อง / ตอนที่ 1884 ทิวทัศน์งดงามชวนหลงใหล
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1883 เสียงกรีดร้อง / ตอนที่ 1884 ทิวทัศน์งดงามชวนหลงใหล
ตอนที่ 1883 เสียงกรีดร้อง / ตอนที่ 1884 ทิวทัศน์งดงามชวนหลงใหล
ตอนที่ 1883 เสียงกรีดร้อง
หญิงสาวสองนางนั้นถูกเขาตวัดมองด้วยสายตาคมปลาบ อดใจสั่นด้วยความกลัวไม่ได้ แต่ครั้นนึกถึงศิษย์น้องหญิงของพวกนางที่ถูกถีบกระเด็น ทั้งสองกัดฟัน ฝ่ามือไล้ผ่านเอวบาง กระบี่ยาวพลันพุ่งแทงออกไป
เห็นอย่างนั้น ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ยกเท้าโฉบไหวไปด้านหน้า ปะทะกับหญิงสาวสองนางนั้นอยู่บนชั้นสอง
หญิงสาวสองนางนั้นถือกระบี่สู้กับชายหนุ่ม ชายหนุ่มกลับไม่คิดจะชักอาวุธออกมา หนำซ้ำยังดูเหมือนเขารับมือได้อย่างผ่อนคลาย เห็นได้ว่าพลังของชายหนุ่มห่างชั้นกับหญิงสาวสองนางนั้นมาก
เถ้าแก่เห็นสถานการณ์ ก็รีบถอยลงบันไดเลี่ยงไม่ให้โดนลูกหลงไปด้วย พลางตะโกนห้ามว่า “นี่ ทั้งสามท่าน ทั้งสามท่านอย่าสู้กันอีกเลย อย่าสู้กันเลย…”
“ชิ้ง!”
พลังกระบี่พวยพุ่งออกจากกระบี่อ่อนเล่มหนึ่ง เฉือนผ่านเสื้อคลุมของชายคนนั้น เลือดสีแดงสดซึมออกจากแขนของเขา ย้อมแขนเสื้อเขาจนแดงไปทั้งแถบ
ครั้นเห็นว่าได้แผล สีหน้าของชายหนุ่มพลันตึงเครียด เดิมไม่คิดจะใช้กระบวนท่าสังหาร ตอนนี้หญิงสาวสองนางนี้จู่โจมดุเดือด หมายจะเล่นงานเขาจนถึงตาย เห็นอย่างนี้ เขาย่อมไม่อาจออมมือ
“รนหาที่ตาย!”
เสียงทุ้มต่ำเย็นเยียบดังออกมาจากปากของชายคนนั้น เงาร่างของเขาเคลื่อนไหว ลอยขึ้นกลางอากาศและพุ่งทะยานไปข้างหน้าในพริบตา เขาจับข้อมือของหญิงคนหนึ่งในนั้นแล้วหักลงข้างล่าง กระบี่ยาวในมือร่วงตกพื้น ขณะเดียวกันก็จับตัวนางโยนลงไปจากชั้นสองโดยตรง
“กรี๊ด!”
หญิงสาวที่ถูกยกตัวลอยและโยนลงมาที่ชั้นหนึ่งกรีดร้องเสียงแหลม ขณะที่ร่วงตกลงมานางหมายจะควบคุมร่างกายแต่กลับเสียหลักไม่อาจพลิกตัวกลับมา ในเวลานี้ หญิงสาวที่ประคองคนเจ็บที่ชั้นล่างรีบเหาะขึ้นมารับนางไว้กลางอากาศ
“ศิษย์พี่หญิงสาม!”
หญิงสาวนางนั้นรับคนไว้ แต่ใครจะรู้ ความเร็วและความแรงที่อีกฝ่ายถูกโยนลงมานั้นไม่เบาเลย แม้จะรับคนไว้ได้ แต่กลับไม่อาจควบคุมร่างกาย ทั้งสองถูกพลังที่มองไม่เห็นกดทับ จนร่างกระแทกพื้น
“อึก!” ทั้งสองกระแทกพื้น ร้องครวญด้วยความเจ็บปวด เพราะแรงเหวี่ยงถูกลดทอนลง แม้จะตกลงมา แต่โชคดีที่ไม่ได้บาดเจ็บ
“ศิษย์พี่สาม ท่านดูแลศิษย์น้องเจ็ดที ข้าจะไปช่วยศิษย์พี่ใหญ่” หญิงนางนั้นกำชับ ก่อนจะเขย่งปลายเท้าแล้วเหาะขึ้นไปยังชั้นสอง
แขกที่มากินข้าวชั้นหนึ่งเห็นคนเริ่มสู้กัน ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว จึงรีบคิดเงินแล้วลุกออกไป บ้างก็ถอยออกไปดูนอกประตูร้าน ในหอสุรากว้างใหญ่ เหลือเพียงหญิงสาวสองนางที่ยืนบาดเจ็บอยู่ตรงนั้น รวมถึงเฟิ่งจิ่วที่นั่งกินเนื้อ ดื่มสุราอยู่ที่มุมร้านโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น
ไม่แปลกที่คนอื่นจะไม่สังเกตเห็นเธอ เดิมจุดที่เธอนั่งก็เป็นมุมอับอยู่แล้ว ตอนนี้ความสนใจของทุกคนล้วนอยู่ที่ชั้นสอง ย่อมไม่มีใครหันมาใส่ใจมุมอับที่ชั้นหนึ่งอยู่แล้ว
เฟิ่งจิ่วจิบสุราหนึ่งคำ คีบซี่โครงหมักขึ้นมากินหนึ่งชิ้น พลางดูสามคนที่ปะทะกันอยู่บนชั้นสอง ราวกับกำลังดูละครอย่างไรอย่างนั้น ชายคนนั้นดูแวบแรกก็รู้ว่าเป็นผู้มีวิชาแต่ไม่ยอมเปิดเผย อย่าว่าแต่แค่หญิงสาวสองนั้นเลย แม้จะเข้าไปพร้อมกันสี่คนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี หนำซ้ำ…
สายตาของเธอหันไปมองห้องส่วนตัวอีกสามห้องที่เหลือ ตรงนั้น ประตูที่ตอนแรกปิดไว้ไม่รู้เปิดออกตั้งแต่เมื่อใด หน้าประตูของแต่ละห้องล้วนมีคนหนึ่งหรือสองคนยืนดูสามคนนั้นสู้กัน
และคนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นก็ดูไม่เหมือนคนของตระกูลทั่วไปในเมืองแห่งนี้ ดูจากท่าทางที่ยืนถือดาบกอดอกนั่น เป็นผู้ฝึกตนที่มาจากที่อื่นอย่างนั้นหรือ?
หรือว่า พวกเขาเดินทางมาเพราะวิหารราตรีที่ถูกทำลายนั่น? ทว่า ในเวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น
“กรี๊ด!”
………………………………….
ตอนที่ 1884 ทิวทัศน์งดงามชวนหลงใหล
เสียงกรีดร้องของหญิงสาว แฝงไว้ด้วยความลนลาน ยามได้ยินเสียงนั้น เฟิ่งจิ่วหันไปมองหญิงสาวนางนั้น ยามเห็นเหตุการณ์ ก็อดเผยยิ้มไม่ได้
เห็นเพียงชุดกระโปรงของหญิงสาวนางนั้นไม่รู้เพราะอะไรถึงได้ตกลงไปกองอยู่ตรงเอว เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าอันขาวนวลดุจไขมันแพะและแผ่นหลังอันงดงาม ภายใต้เสื้อชั้นในสีแดงที่ปักลายนกยวนยางเล่นน้ำสองตัว ผิวเนียนดุจหยกยิ่งถูกขับเน้นให้ดูเย้ายวนใจ ทรวงอกที่อวบอิ่มสมบูรณ์ที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเสื้อชั้นใน ราวกับกำลังร่ำร้องที่จะทะลักออกมา ไม่เพียงเธอที่ตกตะลึง แม้แต่พวกคนที่ถอยออกไปนอกประตูร้านชั้นหนึ่งก็ตาค้างตามไปด้วย
“ซี๊ด!”
หลายคนสูดหายใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นท่าทางพริ้งเพรายามหญิงสาวนางนั้นกรีดร้องด้วยความอับอาย เหล่าชายหนุ่มชั้นหนึ่งรู้สึกเพียงไอร้อนตรงท้องน้อยพวยพุ่งขึ้นมาถึงบนหัว จนเลือดกำเดาไหลเป็นทางสองสาย
สายตาของคนเหล่านั้นราวกับแนบติดไปกับเรือนร่างของหญิงสาวนางนั้น เนิ่นนานก็ไม่อาจละออกไปได้ รู้สึกเพียงหัวใจดวงน้อยเต้นรัว เต็มไปด้วยอารมณ์อันพลุ่งพล่านและตื่นเต้น สายตาจับจ้องไปยังทรวงอกอันอวบอิ่มรวมถึงเชือกเส้นบางที่ผูกเสื้อชั้นในตัวนั้นไว้พลางคิด เหตุใดเชือกถึงไม่ขาดไปด้วยเล่า?
หากเชือกเส้นนั้นขาด จึงจะเรียกว่าทิวทัศน์อันงดงามอย่างแท้จริง!
คนเหล่านั้นที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องส่วนตัวพอเห็นหญิงสาวเกือบเปลือยเปล่า แต่ละคนต่างเผยยิ้มแปลกๆ สายตาวนเวียนอยู่บนตัวนาง ตั้งแต่กระดูกไหปลาร้าเลื่อนลงไปที่แผ่นหลังงาม จากนั้นก็เลื่อนต่ำลงไปถึงสะโพกบางที่วับๆ แวมๆ ส่วนเว้าโค้งนั่น ทำให้เห็นแล้วก็ร้อนรุ่มยิ่งนัก ราวกับมีขนนกกำลังเขี่ยหัวใจของพวกเขาเล่นอย่างไรอย่างนั้น
แต่ทว่า ในหมู่คนพวกนี้กลับมีชายคนหนึ่งที่พอเห็นเสื้อของหญิงสาวลื่นลงมาก็รีบถอยหลังไปหลายก้าว หลับตาและเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่ได้มองทิวทัศน์งดงามที่อยู่ตรงหน้าเหมือนคนอื่น
บางที สำหรับเขานั่นอาจไม่ใช่ทิวทัศน์อันงดงามเย้ายวนใจ แต่เพราะเขาถอยหลังและเบือนหน้าหนี จึงเปิดโอกาสให้หญิงสาวนางนั้น
ในเสี้ยวพริบตานั้นเอง หญิงสาวที่กรีดร้องเสียงแหลมถลกกระโปรงขึ้น ดึงดาบสั้นเล่มหนึ่งจากต้นขาแล้วพุ่งแทงเข้าไป อันตรายและไอสังหารพุ่งเข้ามาใกล้ ชายคนนั้นรวมพลังไว้กลางฝ่ามือแล้วซัดออกไป ส่งผลให้หญิงสาวถอยหลังไปหลายก้าว ทว่าเวลานี้ หญิงสาวอีกสองคนเห็นเหตุการณ์ ก็รีบเหาะขึ้นมา
ทั้งสามคนล้อมชายหนุ่ม ดึงสายรัดเอวเบาๆ และถอดเสื้อลงมากองตรงเอว เผยให้เห็นเสื้อชั้นในที่มีสีแตกต่างกันไป
“แหม! ไม่กล้ามองงั้นหรือ?” หนึ่งในนั้นยกมือปิดกลีบปากสีแดง มองดูชายหนุ่มที่ขมวดคิ้วหลับตา แล้วเบะปากอย่างไม่สะทกสะท้าน
“จะมัวพูดไร้สาระกับเขาอยู่ทำไม? ฆ่าเขาเสีย!” หญิงอีกคนตะโกน ก่อนจะพุ่งเข้าไปโจมตีทันที
คนที่ชั้นหนึ่งเห็นภาพนั้นก็อดอุทานออกมาไม่ได้ “คนคนนั้นเป็นใครกัน? ช่างมีบุญตายิ่งนัก! มีทิวทัศน์อันงดงามมาให้ดูถึงตรงหน้าแท้ๆ กลับไม่ยอมมอง โง่เสียเต็มประดาจริงๆ”
“พรืด!”
ชายคนข้างๆ หลุดขำพรืด เหล่มองเขา “เจ้าจะไปเข้าใจอะไร? ดูจากระดับวรยุทธ์และการแต่งกายของชายคนนั้นก็น่าจะรู้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา ผู้หญิงพวกนั้นสู้กับเขา เดาว่าสุดท้ายคงไม่ได้ประโยชน์อะไร”
“ข้าว่าผู้หญิงพวกนั้นก็ไม่ใช่ผู้หญิงดีเด่อะไร พวกเจ้าว่าผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะทำเรื่องอย่างนี้ ถึงแม้จะสู้ไม่ไหวก็ไม่ควรถอดเสื้อผ้าเช่นนี้ไม่ใช่รึ? ไม่แน่อาจเป็นศิษย์ของสำนักมารสำนักไหนก็ได้”
พวกเขาถกเถียงกันคนละประโยคสองประโยค แต่กลับหรี่ตาจ้องมองภาพอันงดงามบนชั้นสองอย่างไม่ยอมละสายตา