เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1885 อย่าคิดจะออกไป / ตอนที่ 1886 ฮุ่นหยวนจื่อ
ตอนที่ 1885 อย่าคิดจะออกไป / ตอนที่ 1886 ฮุ่นหยวนจื่อ
ตอนที่ 1885 อย่าคิดจะออกไป
เฟิ่งจิ่วที่อยู่ตรงมุมร้านมองภาพเหตุการณ์ข้างบนก็อดหัวเราะไม่ได้ ช่างน่าสนใจจริงๆ! แต่ชายหนุ่มก็ไม่ใช่คนหัวรั้น พอเห็นหญิงสี่นางรุมโจมตีเขา ชั่วเวลาต่อมาเขาจึงลืมตาขึ้น ตวัดมองหญิงสามนางนั้นอย่างเย็นชา ครั้นลงมืออีกครั้งก็ใช้กระบวนท่าที่หมายเอาถึงชีวิต
“อึก! โอ๊ย!”
หญิงนางหนึ่งถูกบีบคอยกตัวลอยขึ้นกลางอากาศ ใบหน้าแดงก่ำ พยายามดิ้นรนขัดขืน สองขาเตะสะเปะสะปะไปทั่ว แต่กลับไม่อาจทำร้ายชายหนุ่มได้เลยแม้แต่น้อย สองคนที่เหลือเห็นก็รีบตวัดกระบี่อ่อนและดาบสั้นในมือพุ่งแทงเข้าไป แต่นึกไม่ถึงว่าชายคนนั้นจะโยนร่างหญิงสาวใส่พวกนางสองคน กระบี่และดาบสั้นในมือดึงกลับไม่ทัน ทำให้แทงโดนร่างของหญิงสาวคนนั้น
“อึก!”
เสียงร้องครวญดังขึ้น หญิงคนนั้นริมฝีปากสั่นระริก เบิกตากว้าง ร่างกายกระตุก เลือดสีแดงสดทะลักไหลออกจากปาก
“ศิษย์น้อง!”
คนทั้งสองตะโกนด้วยความตกใจ โอบร่างหญิงสาวคนนั้นไว้ มองดูนางกลืนลมหายใจเฮือกสุดท้าย หัวใจของทั้งสองสั่นไหว สองมือกำหมัดแน่น ดวงหน้าเรียวงามเต็มไปด้วยไอพิฆาต พวกนางดึงดาบชักกระบี่พุ่งโจมตีเข้าไปอีกครั้ง กระบวนท่าดุดันกว่าก่อนหน้านี้ ราวกับตั้งใจจะสู้จนตัวตาย
ขณะเดียวกันที่ชั้นหนึ่ง เฟิ่งจิ่วหรี่ตาหันไปมองหญิงสาวที่เดิมยืนพิงโต๊ะอยู่ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด หญิงสาวคนนั้นจากไปที่ใดไม่รู้
“ชิ้ง!”
“อึก!”
พลังกระบี่อันรุนแรงพาดผ่าน ชายหนุ่มร้องครวญ มองธนูที่แทงแขนเขาด้วยสีหน้าตึงเครียด ธนูนั่นเหมือนจะมีพิษ ได้ยินเพียงเขาร้องครวญ จากนั้นก็เดินเซ สีหน้าดูย่ำแย่ลงเรื่อยๆ
“ฆ่าเขา!”
หญิงสาวสองคนนั้นตะโกน ตวัดดาบจู่โจมเข้าไป ทว่าในเวลานี้เอง ตะเกียบด้ามหนึ่งพุ่งออกมาจากห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง แทงทะลุผ่านมือของหญิงสาวสองคนนั้นที่ถือดาบและกระบี่ไว้
“กรี๊ด!”
ทั้งสองคนกรีดร้องโหยหวน ดาบสั้นและกระบี่อ่อนในมือร่วงลงพื้น พวกนางกุมมือตนเอง มองดูแผลกลางฝ่ามือที่ถูกแทงทะลุจนกลายเป็นรู เลือดสีแดงสดไหลเป็นทาง เจ็บจนสองมือสั่นเทา
“ท่านอาจารย์ เป็นที่นี่เจ้าค่ะ เร็วเข้า!”
มีเสียงหนึ่งดังมา เห็นเพียงหญิงสาวที่หายตัวไปเมื่อครู่พาหญิงสาวเจ็ดแปดนางมาด้วย และผู้ที่อยู่ด้านหน้าสุดก็คือหญิงงามอายุประมาณสามสิบปีคนหนึ่ง
“กลับเป็นคนของสำนักจามจุรี!”
มีผู้ฝึกตนที่อยู่หน้าประตูชั้นหนึ่งจำหญิงที่เป็นหัวหน้าได้ หน้าพลันเปลี่ยนสี อุทานด้วยความตกใจและรีบถอยห่าง ผู้หญิงจากสำนัก นี่เป็นนางมารที่ดูดพลังของผู้ชายเพื่อฝึกวรยุทธ์เชียวนะ! พวกนางไม่ใช่คนดี ไม่น่าเล่า เขาว่าแล้วเชียว ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะถอดเสื้อสู้กับศัตรูอย่างนี้
ที่แท้ก็เป็นนางมารจากสำนักจามจุรี ไม่แปลกที่จะไร้ยางอายเช่นนี้!
“ผู้ใดกล้าทำร้ายศิษย์ของข้า!”
เสียงของหญิงงามนางนั้นฟังดูหวานหยดย้อย ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความเกรี้ยวกราด ทันทีที่เข้ามาข้างใน นัยน์ตาชวนลุ่มหลงคู่นั้นก็จับจ้องขึ้นไปยังชั้นสอง ทว่าครั้นเห็นคนที่ล้มอยู่บนพื้นสิ้นใจไปแล้ว สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยน
“ฆ่าศิษย์ของข้า วันนี้ พวกเจ้าอย่าคิดว่าจะรอดออกไปจากที่นี่ได้!”
กลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งกระจายออกจากตัวของหญิงงามหยาดเยิ้มคนนั้น นั่นเป็นแรงกดดันของปราชญ์เซียน แรงกดดันแผ่ปกคลุมไปทั่วหอสุรา ส่งผลให้คนที่มีพลังค่อนข้างต่ำ หน้าเปลี่ยนสีไปในพริบตา เลือดลมในร่างกายเดือดพล่าน รู้สึกอยากคุกเข่าลงไป
“ที่แท้ก็หลี่เม่ยเอ๋อร์จากสำนักจามจุรีนี่เอง”
เวลานี้ มีเสียงแก่ชราดังออกมาจากห้องส่วนตัว…
………………………………….
ตอนที่ 1886 ฮุ่นหยวนจื่อ
“ท่านอาจารย์!”
หญิงสาวสองนางนั้นถอยออกมา ฟ้องอาจารย์ของพวกนางด้วยความอัดอั้นตันใจและเดือดดาล “คนผู้นี้ฆ่าศิษย์น้อง คนในห้องยังทำร้ายพวกเราด้วย ท่านอาจารย์ต้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้พวกศิษย์นะเจ้าคะ!”
หญิงงามไม่ได้พูดอะไร เพียงจ้องไปที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสอง มองดูชายชราที่เดินออกมาจากข้างใน ยามใบหน้าของชายชราปรากฏสู่ครรลองสายตา นัยน์ตาของหญิงงามพลันหดเล็ก ก่อนจะหัวเราะด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย “ข้าก็นึกว่าใคร! ที่แท้ก็ตาแก่หนังเหนียวอย่างเจ้านี่เอง!”
แม้นางกำลังหัวเราะ ทว่ารอยยิ้มกลับไปไม่ถึงดวงตา ตรงกันข้าม ไอเย็นและไอสังหารกลับชัดเจนยิ่งขึ้น เห็นได้ว่าสองคนนี้มีความแค้นต่อกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เวลานี้ สายตาของเฟิ่งจิ่วจับจ้องไปที่ร่างของชายชราที่เดินออกมา เห็นชายชราสวมชุดคลุมสีขาว เส้นผมสีขาวถูกรวบสูง ที่เหลือถูกปล่อยสยายลงข้างหลัง คิ้วสีขาวยาวๆ สองเส้นถูกปล่อยระแก้มสีแดงเรื่อสองข้าง ใต้คางยังไว้หนวดขาวอีกกระจุกหนึ่ง ในมือยังถือแส้หางม้าสีขาวไว้ด้วย รัศมีเทพเซียนแผ่กระจายรอบตัว หน้าตาดูมีเมตตาปรานี มองแวบแรกเหมือนเซียนชราผู้มีคุณธรรมอย่างไรอย่างนั้น
ทว่า ชายชราไม่เอ่ยปากพูดจาก็แล้วไป ครั้นเอ่ยปากกลับทำให้ผู้ฟังโมโหจนแทบกระอักเลือดตาย เฟิ่งจิ่วที่ได้ยินก็ชอบใจนัก
“นางมารเฒ่าอย่างเจ้ายังไม่ตาย ผู้เฒ่าอย่างข้าจะตายได้อย่างไรกันเล่า! อายุก็ปูนนี้แล้ว วันๆ ยังเอาแต่แต่งเนื้อแต่งตัวชักชวนนางมารน้อยเหล่านี้วิ่งแจ้นไปทั่วอย่างนี้อีก ไม่หยิบคันฉ่องขึ้นมาส่องดูแป้งบนหน้าเจ้าบ้างว่าโปะไว้หนาขนาดไหน เจ้าดูแล้วไม่รู้สึกทุเรศ ผู้เฒ่าเช่นข้าถึงขั้นรู้สึกทุเรศแทนเจ้าแล้ว”
หญิงงามนางนั้นได้ยินก็โมโหจนตัวสั่น นางถลึงตาจ้องชายชรา สบถด่าด้วยความเดือดดาล “ตาแก่หนังเหนียว! เจ้า เจ้า…”
“เจ้าอะไร? หน้าแก่ๆ ของข้าไม่ทาแป้งก็ยังเนียนนุ่มกว่าเจ้านัก ทำไม? อยากจะสู้หรือ? หึ! หลายปีก่อนตอนที่เจ้าเจอข้า ข้าก็เคยบอกเจ้าแล้ว คราวหน้าอย่าได้ถูกข้าเล่นงานได้อีก ไม่เช่นนั้นข้าจะถลกหนังนางมารชั้นนั้นของเจ้าเสีย!” ขณะกล่าว ชายชราเอาแส้หางม้าเหน็บเอว ถลกแขนเสื้อขึ้น ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะลงมือทุกเมื่อ
“ฮุ่นหยวนจื่อ! ตาแก่หนังเหนียว วันนี้ มารดาจะฉีกปากเจ้าให้ได้!”
หลี่เม่ยเอ๋อร์เองก็ถูกยั่วยุจนเดือดดาล เธออายุปูนนี้แล้ว ซ้ำยังเป็นคนของสำนักจามจุรี ไม่ชอบให้คนอื่นพูดถึงอายุของพวกนางมากที่สุด ฮุ่นหยวนจื่อบัดซบคนนี้คำก็นางมารเฒ่าสองคำก็นางมารเฒ่า ยังว่านางทาแป้งหนาเตอะ นางทนจนไม่รู้จะทนอย่างไรแล้ว! นางฝึกวรยุทธ์มาหลายปีขนาดนี้ ไม่เชื่อหรอกว่าหลายปีก่อนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา จนตอนนี้ทะลวงขั้นเป็นปราชญ์เซียนแล้วก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตาแก่หนังเหนียวนี่อีก!
“จิ๊ๆ โดนข้าพูดแทงใจดำเข้าแล้วล่ะสิ? ร้อนตัวล่ะสิ? โมโหแล้วล่ะสิ? ดูนิสัยแย่ๆ นี้ของเจ้าเข้าสิ นางมารเฒ่าก็ยังเป็นนางมารเฒ่า อย่างไรก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เจ้าระวังไว้ให้ดี สำนักมารของพวกเจ้า สักวันข้าจะทำลายมันเสีย”
พอเห็นหลี่เม่ยเอ๋อร์โมโหจนหน้าแดงก่ำ ชายชรากลับเย้ยหยันอย่างไม่สะทกสะท้าน คำพูดนั้นยิ่งทำให้หลี่เม่ยเอ๋อร์เดือดดาลจนถึงขีดสุด ได้ยินเพียงนางคำรามเสียงดัง นิ้วมือทั้งห้าก็ชี้ออกไป เชือกห้าเส้นพวยพุ่งออกจากปลายนิ้วแล้วจู่โจมไปยังชายชราที่ยืนอยู่หน้าห้องส่วนตัว
“ถอยออกไป!”
ชายชราโบกมือ ชายหนุ่มที่สีหน้าดูย่ำแย่ถูกผลักออกไป เขาโดนธนูเคลือบยาพิษเล่นงานฝีเท้าจึงซวนเซอยู่แล้ว ยามนี้ถูกชายชราผลักก็ล้มนั่งลงไปบนพื้นตรงมุมกำแพง หยิบยาแก้พิษออกจากห้วงมิติมากิน จากนั้นก็นั่งหอบหายใจอยู่ตรงนั้น