เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1893 ถูกหลอกแล้ว / ตอนที่ 1894 โมโห
ตอนที่ 1893 ถูกหลอกแล้ว / ตอนที่ 1894 โมโห
ตอนที่ 1893 ถูกหลอกแล้ว
“หึๆ”
ตาเฒ่าหรี่ตาหัวเราะ เขาจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้า ยิ่งมองก็ยิ่งถูกชะตา “เจ้าหนู ข้าเองก็ไม่ได้ขออะไรมากมาย เจ้าก็รู้ว่าของสิ่งนี้เป็นสมบัติล้ำค่าใช่หรือไม่? เดิมทีข้าเก็บสิ่งนี้ไว้ให้ลูกศิษย์ของข้า เจ้าว่าหากข้าให้เจ้าไป…”
เขากลอกลูกตาไปมาอย่างเจ้าเล่ห์ แม้จะไม่ได้พูดออกไปตรงๆ แต่กลับสื่อความหมายชัดเจนแล้ว แต่ก็ยังแสร้งทำอ้อมค้อม อยากให้เฟิ่งจิ่วเอ่ยปาก
“อย่างนี้เองหรือ!” เฟิ่งจิ่วรับคำอย่างครุ่นคิด สายตาจ้องพิจารณาชายชรากลับไปกลับมา
ชายชราเห็นอย่างนั้นก็กระแอมเบาๆ นั่งเหยียดหลังตรงปล่อยให้เขาจ้องพิจารณา พลางกล่าวว่า “ข้าจะบอกเจ้าให้ ข้าเป็นคนของสำนักดาราจักรเชียวนะ สำนักดาราจักรน่ะเจ้ารู้จักหรือไม่? ก็หนึ่งในสี่สำนักเซียนอย่างไรเล่า แม้แต่เซียนในสำนักเมื่อเห็นข้าก็ยังต้องคารวะข้าด้วยความเคารพ คนที่กราบข้าเป็นอาจารย์ได้ ฐานะตำแหน่งไม่ต้องให้ข้าบอกเจ้าก็คงรู้กระมัง?”
“ท่านอยากให้ข้ากราบท่านเป็นอาจารย์? เหตุผลเล่า ท่านเห็นข้อดีของข้าตรงไหน?” เธอประหลาดใจ เพิ่งเคยพบหน้ากันครั้งแรก ตาเฒ่านี่ถูกชะตาเธอตรงที่ใดกัน?
“หึๆ เจ้าอย่าเสแสร้งเลย ทั้งตัวเจ้ามีแต่ข้อดีเต็มไปหมด คนที่เป็นร่างเทพประทับ ไม่ใช่จะพบเจอกันได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้น นิสัยแปลกๆ ไม่เหมือนชาวบ้านของเจ้า ข้าเห็นแล้วชอบนัก”
เฟิ่งจิ่วมุมปากกระตุก นิสัยแปลกๆ ไม่เหมือนชาวบ้านอะไรกัน? เธอว่าเขากำลังพูดถึงตัวเองมากกว่ากระมัง? ไม่นึกว่าจะมองออกตั้งแต่แวบแรกว่าเธอเป็นร่างเทพประทับ ตาเฒ่านี่ไม่ธรรมดาเลย! เดาว่าพลังปราชญ์เซียนขั้นสูงสุดคงไม่ใช่พลังที่แท้จริงของเขากระมัง
“ท่านเอาสิ่งนั้นให้ข้าดูหน่อย” เธอชี้ไปที่แกนเคลื่อยย้ายในมือของเขา
ชายชรามองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ถามว่า “เจ้ายังไม่ได้บอกข้า ว่าเจ้าชื่ออะไร?”
“ข้าชื่อเฟิ่งจิ่ว”
“เฟิ่งจิ่ว? ชื่อนี้เหตุใดฟังดูเรียบง่ายนัก ไม่ใช่หลอกกันกระมัง?” เขาลูบหนวดพลางถาม จ้องเฟิ่งจิ่วอย่างพิจารณา
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วหรี่ตามองเขา “เรียบง่ายหรือ? นั่นก็เพราะข้าเป็นคนง่ายๆ เหมือนชื่อนี้อย่างไรเล่า!” ขณะตอบก็ยื่นมือออกไป “มา ข้าดูสมบัติชิ้นนั้นหน่อย” ประกายเจ้เล่ห์พาดผ่านดวงตา เพียงแต่ฮุ่นหยวนจื่อกลับไม่ทันสังเกตเห็น
“เอ้า ให้เจ้า”
ฮุ่นหยวนจื่อกลับไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่น ยื่นแกนเคลื่อนย้ายในมือให้เขาตรงๆ “นี่เรียกว่าแกนเคลื่อนย้ายจี๋กวง เวลาใช้ก็แค่ถ่ายเทกลิ่นอายพลังวิญญาณเข้าไปหน่อยก็ได้แล้ว”
“อ้อ แกนเคลื่อนย้ายจี๋กวงเองหรือ? ชื่อนี้ฟังดูช่างแตกต่างยิ่งนัก”
เฟิ่งจิ่วกล่าว พลางเปิดออกดู เห็นชื่อเมืองต่างๆ ที่เรืองแสงและลอยอยู่ข้างใน รวมถึงชื่อของเทือกเขาต่างๆ เต็มไปทั้งผืนราวกับแผนที่ผืนหนึ่งก็ไม่ปาน สถานที่แต่ละแห่งล้วนมีชื่อกำกับไว้อย่างละเอียด
สายตาของเธอกวาดมองผ่านบนนั้น ก่อนจะสะดุดตรงที่แห่งหนึ่ง ตะโกนออกไปด้วยเสียงแฝงรอยยิ้ม “เมืองเมฆาลอย!” ทว่าพอสิ้นเสียงของเธอ ประกายแสงเส้นหนึ่งโอบล้อมตัวเธอ พริบตาเดียว ร่างกายของเธอก็เลือนราง กาลเป็นลำแสงเส้นหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนฟ้าทันที
“เจ้าเด็กเปรตนี่!”
ฮุ่นหยวนจื่อที่ตอนแรกตกตะลึงถลึงตากว้าง รีบกระโจนเข้าไปคว้า นึกไม่ถึง กลับคว้าน้ำเหลว เขาล้มกลิ้งไปบนพื้น นั่งเหม่ออยู่อย่างนั้น มองดูเด็กหนุ่มที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วพึมพำกับตนเองว่า “นี่ข้าถูกปล้นแล้วงั้นหรือ? เจ้าหนูนั่นหลอกเอาแกนเคลื่อนย้ายจี๋กวงของข้าไปแล้ว?”
………………………………….
ตอนที่ 1894 โมโห
เขานั่งเหม่อลอยและงุนงงอยู่บนพื้น ไม่เข้าใจว่าคนที่ปราดเปรื่องยอดเยี่ยมอย่างเขา หลงกลเจ้าเด็กเมื่อวานซืนนั่นได้อย่างไร?
ขณะเดียวกัน พวกคนที่อยู่นอกห้องส่วนตัวเองก็งุนงงเช่นกัน เพราะพวกเขาเห็นประกายแสงแสบตาที่จู่ๆ ก็สว่างขึ้นมา แสงเส้นนั้นพุ่งขึ้นฟ้า พวกเขามองผ่านหน้าต่างชั้นสองขึ้นไป เห็นเพียงประกายแสงเส้นนั้นทะลุผ่านขอบฟ้า และทิ้งตัวลงยังสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป…
“นะ นั่นอะไรน่ะ?” หนึ่งในนั้นถามขึ้น ดูตกตะลึงเล็กน้อย
ชายชราคนหนึ่งอึ้งงัน กล่าวว่า “เหมือนจะมีอะไรบางอย่างบิดออกไปแล้ว”
“นี่ จะเข้าไปดูในห้องส่วนตัวหน่อยหรือไม่?” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งถาม
“ข้าว่าไม่เหมาะเท่าไร สถานการณ์ดูไม่ค่อยปกตินัก” ชายชรากล่าว พลางจ้องไปทางห้องส่วนตัวที่ไร้การเคลื่อนไหว คาดเดาในใจ หรือว่าข้างในเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ในห้องส่วนตัว ฮุ่นหยวนจื่อกำลังทำหน้าเศร้ารันทดพลางพึมพำกับตนเอง เขาลุกขึ้น ในใจเดือดดาลสุดแสน แม้ว่าเฟิ่งจิ่วจะแก้ฤทธิ์ยาเร้ากำหนัดให้เจ้าหนุ่มนั่น และเขาเองก็รับปากว่าจะให้ของตอบแทน แต่พอนึกถึงเรื่องที่ถูกหลอกสมบัติล้ำค่าไปทั้งอย่างนั้น เจ้าหนูนั่นแม้แต่กราบอาจารย์ก็ไม่ได้กราบ เขาก็โมโหยิ่งนัก
มาถึงข้างใน มองดูคนที่นอนอยู่บนเตียงยังไม่ตื่น เขาถลึงตาแล้วนั่งลงข้างเตียง ล้วงเข้าไปในอกเสื้อ เอายาขวดเล็กขวดหนึ่งออกมา เปิดฝาขวดแล้วจ่อไว้ตรงปลายจมูกของเขา
ครั้นกลิ่นแทงจมูกลอยโชยมา คนที่ตอนแรกนอนไม่ได้สติอยู่พลันขมวดคิ้ว จากนั้นก็ค่อยๆ ลืมตา เขามองฮุ่นหยวนจื่อที่กำลังนั่งทำหน้าโกรธเกรี้ยวอยู่ข้างเตียง กวาดมองรอบๆ ไม่เห็นเด็กหนุ่มที่ช่วยเขาแก้ฤทธิ์ยา จึงถาม “เด็กหนุ่มคนนั้นเล่า?”
“เจ้าเด็กเปรตนั่นหนีไปแล้ว! เขาหลอกเอาแกนเคลื่อนย้ายจี๋กวงของข้าไปแล้ว!”
ตาเฒ่าพูดถึงเรื่องนี้ ก็อดรู้สึกอัดอั้นตันใจไม่ได้ เขาอุตส่าห์ถูกชะตาใครสักคน นึกไม่ถึงกลับโดนหลอก โกหกเขาก็แล้วไป ยังหลอกเอาของรักของเขาไปด้วย เขาก็อายุปูนนี้แล้วง่ายเสียที่ไหน?
จัวจวินเยวี่ยชะงัก ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?” เด็กหนุ่มคนนั้นก็ไม่ได้ดูเป็นคนเลวอะไร ยิ่งไม่เหมือนคนที่จะหลอกใครด้วย
“ก็เขาบอกว่าแก้ฤทธิ์ยาให้เจ้าแล้ต้องให้ของตอบแทนเขาด้วยใช่ไหมเล่า? ข้าเอาของออกมาให้เขาดูมากมาย เขากลับไม่ถูกใจ ต่อมาข้าเลยเอาแกนเคลื่อนย้ายจี๋กวงออกมาอวด แล้วก็บอกเขาว่ากราบข้าเป็นอาจารย์มีข้อดีอะไรบ้าง ใครจะรู้เจ้าหนูนั่น เจ้าหนูนั่น…”
นึกถึงเรื่องที่เจ้าหนูนั่นหลอกเขาแกนเคลื่อนย้ายจี๋กวงของเขาไปเมื่อใด เขาก็เจ็บใจ “เจ้าหนูนั่นพูดว่าเมืองเมฆาลอย ข้าจะไปตามหาเขา ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะหาเจ้าหนูนั่นไม่เจอ!”
จัวจวินเยวี่ยกระจ่างทันที ที่แท้ก็เอาของออกมาอวด ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เด็กหนุ่มบอกก่อนแล้วว่าต้องมีค่าตอบแทน ต่อมาเอาของไป คำนวณดูแล้วก็ไม่ใช่การหลอก แต่เป็นสิ่งที่เขาควรได้รับ
เขารู้ดี หากไม่ได้เด็กหนุ่มช่วยเขาแก้ฤทธิ์ยา เกรงว่าไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นอย่างไรไปแล้ว
พอเห็นฮุ่นหยวนจื่อเจ็บใจ จัวจวินเยวี่ยถามว่า “ท่านกำลังปวดใจที่ถูกหลอกเอาของไป? หรือกำลังปวดใจที่เขาไม่กราบท่านเป็นอาจารย์?”
ฮุ่นหยวนจื่อชะงัก ก่อนจะสะบัดเสียงตอบ “ก็ทั้งสองเรื่องนั่นล่ะ!”
“ไม่กราบท่านเป็นอาจารย์ก็ถูกแล้ว ทั้งตัวท่านไม่มีแบบอย่างของคนเป็นอาจารย์เลยแม้แต่น้อย” เขาพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน “ไปกันเถิด! ยังมีเรื่องต้องไปทำอีกไม่ใช่หรือ? อย่ามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย” ขณะตอบก็สาวเท้าเดินออกไปข้างนอก