เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 519 ข้ามาสอบระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ + ตอนที่ 520 รบกวน
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 519 ข้ามาสอบระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ + ตอนที่ 520 รบกวน
ตอนที่ 519 ข้ามาสอบระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์
สามคนในห้องหินสอบประเมินนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย ปกติการสอบประเมินในสมาคมทุกๆ วันจะมีสิบกว่าถึงยี่สิบคน ถึงแม้การสอบเสร็จสิ้นหนึ่งครั้งต้องใช้เวลาสองสามชั่วยามบ้าง แต่บางคนก็เกิดปัญหาระหว่างขั้นตอนการผสมปรุงยาจนไม่อาจทำต่อไปได้
ด้วยเหตุนี้คนที่ใช้เวลาครึ่งก้านธูปหรือสั้นยิ่งกว่าและสอบประเมินล้มเหลวก็มีเช่นกัน สำหรับพวกเขาการสอบประเมินจึงเป็นงานที่สบายมาก
พวกเขาสามคนกำลังคุยกัน บนหน้ายังมีรอยยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงประตูหินดังมาก็เหลือบมองตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อเห็นในมือหนุ่มน้อยชุดแดงถือยาทิพย์เต็มสองตะกร้าเข้ามา รอยยิ้มบนหน้าต่างแข็งทื่อ ถลึงดวงตาลุกพรวดขึ้นมา
แค่เห็นยาทิพย์ในตะกร้าสองสามชนิดที่มีราคาสูงลิ่ว พวกเขาก็ตาค้าง ของพวกนั้นคือยาทิพย์จากหอสามชั้น ทำไมเขาถึงหยิบมาได้?
ยาทิพย์มากมายเพียงนั้น ซ้ำยังเป็นพวกที่มีอายุหลายปี สุ่มเลือกมาหนึ่งต้นยังเทียบกับราคาที่เขาจ่ายไม่ได้เลย ดังนั้นจึงมีคนปริปากอย่างไม่อดไม่ไหว
“เฟิ่งจิ่ว เจ้าจะหยิบยาทิพย์มากมายเพียงนี้ไปทำอะไร?”
ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วมองอาจารย์ที่เอ่ยถามอย่างแปลกใจ ตอบกลับอย่างสมเหตุสมผลว่า “กลั่นยาไงขอรับ!” หากไม่ใช้กลั่นยาเธอจะหยิบไปมากเพียงนี้ทำไม? นี่เป็นคำถามไร้สาระไม่ใช่หรือ?
แต่ว่า ฮี่ๆ สมาคมนักปรุงยานี้ไม่เลวเลยจริงๆ! ราคาที่เธอจ่ายไปเทียบกับยาทิพย์ในตะกร้าแล้วไม่คุ้มค่าให้กล่าวถึงเลยจริงๆ
เมื่อได้ยินคำตอบสมเหตุสมผลของเด็กหนุ่ม และเห็นสีหน้าท่าทางที่บอกว่าท่านกำลังถามไร้สาระ หน้าผากเขามีเส้นเลือดปรากฏ มุมปากกระตุก บอกอีกครั้งว่า “ยาทิพย์มากเพียงนั้นเจ้าปรุงได้หมดรึ? เจ้าต้องรู้ไว้ แม้จ่ายเงินไปแล้วแต่ยาทิพย์จะใช้สิ้นเปลืองไม่ได้ ทำได้เพียงหยิบยาทิพย์ที่จำเป็นต้องใช้ในการปรุงกลั่นยาไป หากชัดเจนว่าสิ้นเปลืองยาทิพย์โดยไม่จำเป็นจะต้องจ่ายเงินสิบเท่าของราคา”
เธอขมวดคิ้ว “แต่นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าต้องใช้” ระหว่างพูดก็ถือยาทิพย์สองตะกร้ามายังลานกลั่นยา
เห็นดังนั้น สุดท้ายอาจารย์อีกสองคนก็ตะโกนบอกอย่างเหลืออด “สิ่งที่ต้องใช้? เจ้าจะใช้อย่างไร? เจ้ารู้และเข้าใจชื่อกับสรรพคุณยาทิพย์พวกนั้นหมดแล้วหรือ? หนำซ้ำยาทิพย์สองตะกร้ายังมีอายุหลายปี นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ”
อาจเพราะนึกอะไรได้ เฟิ่งจิ่วที่เดิมทีขมวดคิ้วจึงเงยหน้ามองพวกเขา สีหน้าประหลาดอยู่บ้าง ถามว่า “อาจารย์ทั้งสาม พวกท่านรู้หรือไม่ว่าข้ามาสอบเหรียญตราอะไร?”
“เหรียญตรานักปรุงยาไม่ใช่หรือ?” หนึ่งในนั้นพูดขึ้น เพราะตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้ถาม แต่ดูจากอายุของเด็กหนุ่มก็น่าจะมาสอบประเมินเหรียญตรานักปรุงยา!
อาจารย์สองคนข้างๆ มองหนุ่มน้อยแวบหนึ่ง แล้วชำเลืองมองยาทิพย์เต็มสองตะกร้าที่มีอายุหลายปี ก่อนจะส่ายหน้ายกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมา คิดจะดื่มน้ำชาอย่างช้าๆ
หนุ่มน้อยคนนี้มาสอบประเมินครั้งแรก แม้แต่กฎระเบียบของที่นี่ยังไม่เข้าใจ อย่าหวังว่าเขาจะสอบผ่านได้เลย ต้องรู้ไว้ว่าแม้เป็นนักปรุงยาก็ใช่ว่าจะรับเหรียญตราไปได้ง่ายดายเพียงนั้น
ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วฉีกยิ้มกว้าง เผยรอยยิ้มแวววับเด่นตาออกมา เอ่ยอย่างรวดเร็วว่า “ไม่ใช่ขอรับ! ข้ามาสอบเหรียญตราระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์”
“พรวด!”
“แค่กๆ…”
อาจารย์สองคนที่ดื่มชา น้ำชาเพิ่งเข้าปากก็พ่นออกมาทันที สำลักน้ำชาเสียจนไอ ผ่านไปสักพักสองคนถึงถอนหายใจโล่งอก จ้องมองเฟิ่งจิ่วอย่างโกรธเคือง หนึ่งในนั้นตะโกนบอก “เป็นเด็กตัวปัญหาจากไหนกัน? สอบประเมินระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์? อยากอยู่ระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าบ้าไปแล้วกระมัง!”
………………………………………………….
ตอนที่ 520 รบกวน
เฟิ่งจิ่วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา เอ่ยตอบจริงจัง “ข้ามาสอบระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ! เงินที่ข้าจ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายการสอบประเมินระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ขอรับ!”
พวกเขาดูถูกเธอแน่นอน คิดว่าเธอมาเที่ยวเล่นหรือ?
ก่อนหน้านี้ อาจารย์ที่ช่วยเฟิ่งจิ่วจดบันทึกยังมองเธออย่างไม่เห็นด้วย ทว่าเมื่อเห็นความไร้เดียงสาบนใบหน้าเด็กหนุ่มและท่าทางจริงจัง ดังนั้นจึงสงบอารมณ์ ก่อนถามเสียงเข้มว่า “เจ้ามีเหรียญตราระดับยาทิพย์บรรพชนแล้ว?”
เฟิ่งจิ่วส่ายหน้า “ไม่มีขอรับ”
“เช่นนั้นเหรียญตราระดับยอดนักปรุงยาเล่า?”
“ไม่มีขอรับ” เธอส่ายหน้าอีกครั้ง
อาจารย์ท่านนั้นฟังแล้วใบหน้าเผยความไม่พอใจ แต่ยังคงถาม “แล้วเหรียญตรานักปรุงยาเล่า?”
“ไม่มีเช่นกันขอรับ! ข้าไม่เคยสอบ นี่เป็นครั้งแรกที่มาสมาคมนักปรุงยา” แม้เธอกลั่นยาเซียนเป็น แต่ไม่มีเหรียญตราพวกนั้นเลยจริงๆ! หากมีเธอจะวิ่งตั้งไกลโขมาที่นี่เพื่ออะไร?
ได้ยินคำพูดเฟิ่งจิ่ว อาจารย์อีกสองคนกล่าวด้วยความขุ่นเคืองอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ “เจ้าไม่ใช่แม้แต่นักปรุงยา จะมาสอบระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์อะไร? นี่ไม่เรียกว่าบ้าหรอกหรือ? ชัดเจนว่าคิดเพ้อฝันอยากอยู่ระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์! เสียเวลาพวกเราแต่เช้าตรู่ เจ้า เจ้ารีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”
แม้โดนพวกเขาตะคอกใส่ เฟิ่งจิ่วกลับไม่โมโห อาจเพราะเข้าใจความรู้สึกพวกเขา! และคิดว่าที่พวกเขารู้สึกเช่นนี้เป็นเรื่องปกติยิ่งนัก ถึงอย่างไรการที่ไม่มีแม้แต่เหรียญตรานักปรุงยาแต่อยากสอบระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างเพ้อฝันจริง
ดังนั้นเธอจึงยิ้มอย่างอารมณ์ดี นัยน์ตาสาดประกายแวววาว “อาจารย์ทั้งสาม เช้าๆ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียเกินไปนัก จะส่งผลเสียต่อสุขภาพเอา! อย่างไรก็ฟังข้าพูดให้จบก่อนเถอะ!”
เห็นพวกเขาถลึงตามอง เธอก็ไม่รอให้พวกเขาเอ่ยปาก บอกว่า “ถูกต้อง แม้ข้าไม่มีเหรียญตรานักปรุงยาแสดงตัวตน แต่ข้าเป็นนักปรุงยาจริง ส่วนที่จะสอบเหรียญตรายาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์เลยทันที เพราะคิดว่ามีความสามารถพอจะรับเหรียญตราและเป็นนักปรุงยาระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ได้ มิเช่นนั้นการสอบประเมินแต่ละด่านนี้ก็เสียเวลาข้ามากเช่นกัน”
ได้ยินเช่นนี้ ทั้งสามที่เดิมทีขุ่นเคืองก็ยิ่งโกรธเกรี้ยว คิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะไม่รู้เรื่องรู้ราวเกินไปแล้ว! ถึงกล้าพูดจาโอ้อวดในสถานที่อย่างสมาคมนักปรุงยา ซ้ำยังพูดอีกว่าการสอบประเมินแต่ละด่านก็เสียเวลาเขาด้วย
เดิมทีคิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้รูปโฉมโดดเด่น รุกถอยมีจังหวะ มารยาทพร้อม เรียบร้อยน่าเอ็นดู แต่ยามนี้มองอีกครา พวกเขายังไม่เคยเจอใครที่ชั่วร้ายยิ่งไปกว่าคนผู้นี้เลย!
“ได้! พวกเราจะดูซิว่าเจ้าจะปรุงยาระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้อย่างไร! แต่พวกเราบอกเจ้าไว้ก่อน ยาทิพย์สองตะกร้าที่เจ้าหยิบไป หากปรุงมั่วซั่วจนเสียของ ต้องจ่ายเงินเป็นสิบเท่า!”
เฟิ่งจิ่วเช็ดๆ จมูกอย่างใสซื่อ เธอแค่พูดตามความจริงเท่านั้น ไม่นึกว่าสามคนนี้จะยิ่งโกรธกว่าเมื่อครู่เสียอีก เฮ้อ! เธอใสซื่อมากไปหรือ?
แม้ช่วงนี้จะพักอยู่ที่นี่ ยังมีเวลาอีก แต่เธอไม่อยากเสียเวลาที่สมาคมนี้ต่อไปแล้ว จึงสำรวจมองข้าวของบนลานกลั่นยาสักพัก เห็นว่าอุปกรณ์พวกนั้นไม่มีปัญหากับการปรุงยาทั่วไป แต่หากจะปรุงกลั่นให้เพียงพอสำหรับระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ กลับยังด้อยเกิน
ดังนั้นเธอจึงมองทั้งสามคน “อุปกรณ์ด้อยเกินไป รบกวนเปลี่ยนเป็นระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยขอรับ”
ครั้นได้ยินดังนี้ ทั้งสามคนนอกจากถลึงตามองก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว ทว่าในที่นั้น มีเสียงแก่ชราลอยเข้ามา
“เปลี่ยนเป็นอุปกรณ์ระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ให้เขาเสีย แล้วให้อวี๋เหล่าเข้ามาคุมสอบเอง”
เมื่อเสียงนี้ดังมา อาจารย์ทั้งสามตกใจโดยพลัน ใบหน้าเผยความตกตะลึง นี่…นี่รบกวนไปถึงผู้อาวุโสสูงสุดแล้วหรือ?
………………………………………………….