เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 521 คุมสอบด้วยตนเอง + ตอนที่ 522 กลั่นยามั่วซั่ว
ตอนที่ 521 คุมสอบด้วยตนเอง
แววตาเฟิ่งจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย จัดเรียงยาทิพย์ในตะกร้าโดยไม่เงยหน้า มุมปากยกมุมโค้งขึ้นน้อยๆ
เพราะผู้อาวุโสสูงสุดออกปาก อาจารย์สามคนนั้นจึงไม่กล้าพูดอะไรมาก สั่งคนไปเปลี่ยนอุปกรณ์เป็นระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ใหม่อย่างรวดเร็ว หนึ่งคนในนั้นก็ไปเชิญอวี๋เหล่ามาด้วยตนเอง
อวี๋เหล่าคือนักปรุงยาระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักปรุงยา ฐานะตำแหน่งเขาไม่ธรรมดาเลย ต้องรู้ไว้ว่า หากคิดจะหานักปรุงยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์สักสิบคนจากในแคว้นระดับสามหลายร้อยแคว้นนั้นยากยิ่ง ด้วยเหตุนี้แค่คิดดูก็รู้ถึงความหายากของนักปรุงยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว
นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาได้ยินเฟิ่งจิ่วบอกว่าจะสอบระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ถึงได้โกรธนัก เพราะพวกเขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะมีความสามารถสอบประเมินระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ได้ ถึงขั้นคิดว่าการที่เขาบอกจะสอบระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์เป็นการดูแคลนความสูงส่งของระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์นี้
ระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์อายุสิบหก? นั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีทางมีอยู่แน่นอน!
ในหมู่คนที่รอการสอบประเมินด้านนอก พวกที่พิเศษจะมีนักปรุงยาหรือยอดนักปรุงยา กระทั่งยังมียอดนักปรุงยาเข้ามาสอบประเมินระดับยาทิพย์บรรพชนด้วย แต่สูงกว่านั้นไม่มีแล้ว ถึงอย่างไรระดับยาทิพย์บรรพชนก็พบเห็นได้ยากยิ่ง
ยามนี้ พวกเขาเห็นประตูห้องหินเปิดออก อาจารย์คุมสอบด้านในเดินออกมาอย่างลนลาน เพราะด้านในมีค่ายกลปิดกั้นไว้ พวกเขาจึงไม่ได้ยินว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำได้เพียงพูดคุยกันเสียงเบา
ผ่านไปไม่นาน เมื่อพวกเขาเห็นอาจารย์ที่ออกมาก่อนหน้านั้นเดินตามหลังชายชราคนหนึ่งด้วยความยำเกรง บางคนที่รู้ตัวตนของชายชราตื่นเต้นเสียจนหน้าแดงก่ำ ต่างอยากเข้าไปคารวะทักทาย ทว่าโดนทหารอารักขาสองสามคนที่เฝ้าอยู่ข้างกายชายชราขวางออกไป
จนกระทั่งชายชราคนนั้นกับอาจารย์คุมสอบเข้าไปในห้องหินแล้ว พวกเขาที่รู้ฐานะชายชราล้วนตื่นเต้นจนพูดจาสะเปะสะปะ “นั่นนักปรุงยาระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์แซ่อวี๋! ทั่วแคว้นมหาสันติมีเพียงระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์เช่นเขาคนเดียว ข้าเคยเห็นไกลๆ ครั้งหนึ่ง ได้ยินว่าปกตินักปรุงยาอวี๋เก็บตัวไม่ออกไปไหน ไม่นึกว่าวันนี้จะเห็นเขาในสมาคม”
“จริงด้วย! ข้าก็เคยเห็นเขาไกลๆ ครั้งหนึ่ง แต่เขามาได้อย่างไร ด้านในเป็นห้องสอบประเมิน หรือใครให้เขามาคุมสอบด้วยตนเองได้?” อีกคนหนึ่งแม้ท่าทางตื่นเต้นดีใจ แต่ก็สังเกตเห็นจุดที่แปลกไป
“คนที่เข้าไปก่อนหน้านี้เป็นเด็กหนุ่มชุดแดง ดูท่าทางอายุประมาณสิบห้าสิบหก เดาว่าคงมาสอบประเมินระดับนักปรุงยา ไม่น่าจะแตกตื่นไปถึงนักปรุงยาอวี๋ อาจเพราะมีเรื่องอื่นก็ได้”
ผู้คนด้านนอกกำลังพูดคุยกัน ส่วนด้านใน ยามนี้เฟิ่งจิ่วกำลังมองอุปกรณ์ใหม่ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนอย่างพอใจ นี่สิถึงจะเป็นอุปกรณ์กลั่นยาระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์
เธอหยิบยาทิพย์ในตะกร้าออกมาวางเรียงอย่างดี ได้ยินเสียงชราทว่าเปี่ยมกําลังวังชาลอยมา
“สหายน้อยแซ่เฟิ่งนามว่าจิ่ว?”
เฟิ่งจิ่วเงยหน้ามองไป เห็นว่าเป็นชายชราชุดคลุมสีเทา เส้นผมสีเงิน ใบหน้าแดงก่ำมีชีวิตชีวา ยามนี้ดวงตาปราดเปรียวคู่นั้นกำลังมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ เห็นเช่นนี้เธอจึงยิ้มเล็กน้อย ตอบรับว่า “ใช่ขอรับ”
“ได้ยินว่าเจ้าจะสอบเหรียญตราระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์?” ชายชรายิ้มบางๆ ไม่มีการดูถูกดูแคลน และไม่ประหลาดใจเช่นกัน เพียงถามอย่างสงบนิ่งมาก ราวกับเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมาเนิ่นนาน สีหน้าท่าทางเป็นธรรมชาติ น้ำเสียงอบอุ่น
“ขอรับ” เธอพยักหน้า แววตาเป็นประกายหยุดลงบนร่างชายชรา
“เช่นนั้น ข้าจะมาคุมสอบเจ้าเอง”
ชายชรายิ้มอย่างอบอุ่น จากนั้นค่อยถอยมายังตำแหน่งผู้คุมสอบ ทำท่าเชื้อเชิญให้เฟิ่งจิ่ว “เวลาให้กลั่นยาระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์มีสี่ชั่วยาม เจ้าจงปรุงยาออกมาภายในเวลาสี่ชั่วยาม ขอแค่ยาตรงตามระดับนักปรุงยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะสวมเหรียญตราให้เจ้าด้วยตนเอง”
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วยิ้มเล็กน้อย หลังจากมองชายชราคนนั้นแวบหนึ่งก็เริ่มลงมือจัดการกับยาทิพย์…
………………………………………………….
ตอนที่ 522 กลั่นยามั่วซั่ว?
อาจารย์คุมสอบสามคนนั้นมองอวี๋เหล่า ในใจนึกสงสัย แม้อวี๋เหล่าจะปฏิบัติตนอ่อนโยนน่าเคารพกับผู้อื่น แต่หนุ่มน้อยชุดแดงอายุแค่สิบหก! ไม่นึกว่าเขาจะเรียกสหายน้อย การปฏิบัติอย่างมีมารยาทเช่นนี้ทำให้พวกเขานึกไม่ถึงจริงๆ
อีกอย่าง ฟังจากคำพูดของอวี๋เหล่า มองท่าทีของเขา เหมือนคิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้สามารถปรุงกลั่นยาระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ได้จริงๆ ซ้ำยังเป็นแค่เด็กหนุ่มอายุสิบห้าสิบหกเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะเรื่องจะไปถึงผู้อาวุโสสูงสุด
ยามนี้ไม่ต้องพูด พวกเขาก็รู้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดต้องแอบสังเกตการณ์การสอบประเมินที่นี่อยู่แน่
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสงบจิตสงบใจ มองไปทางหนุ่มน้อยชุดแดง มองคราวนี้ในดวงตาฉายแววแปลกๆ อย่างอดไม่ได้
ท่าทางที่เด็กหนุ่มชุดแดงจัดการกับยาทิพย์คล่องแคล่วนัก ไม่เร่งไม่ช้าและสง่างามอย่างยิ่ง นึกถึงตรงนี้ใบหน้าพวกเขาก็เผยอาการประหลาด สง่างาม? ทำไมพวกเขาถึงคิดเช่นนี้ได้? แม้รู้สึกว่าคำคำนี้ไม่ควรปรากฏอยู่ที่นี่ แต่การกระทำ การแสดงออก และอากัปกิริยาของเด็กหนุ่มกลับงดงาม ภาพที่มองเห็นช่างเป็นภาพที่เจริญตา
หนุ่มน้อยชุดแดงรูปโฉมหล่อเหลา ท่าทางตั้งอกตั้งใจ การกระทำกลับสง่างาม ทุกกิริยาทุกการยกมือ แขนเสื้อสีแดงวาดผ่านดุจดั่งภาพวาด ทำให้ใจคนสงบลงอย่างอธิบายไม่ถูก
ต่างจากที่อาจารย์คุมสอบสามคนนั้นสังเกตเห็น สิ่งที่อวี๋เหล่าสนใจกลับเป็นวิธีการที่เฟิ่งจิ่วจัดการยาทิพย์ รวมถึงลำดับการหยิบยาปรุงผสม สิ่งที่สังเกตพบคือท่าทางมุ่งมั่นตั้งใจ และความมั่นใจในตัวเองที่มีอยู่เต็มเปี่ยมแล้ว
สายตาเขามองผ่านยาทิพย์เหล่านั้นที่วางเรียงบนหน้าโต๊ะ แววตาวูบไหวเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะปรุงกลั่นยาแบบใด?
เขามองออกจากลีลาของเฟิ่งจิ่ว เด็กหนุ่มเป็นนักปรุงยาแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าจะปรุงยาระดับใดได้กันแน่? สามารถทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดสนใจได้ หนุ่มน้อยคนนี้ไม่ธรรมดาเลย
เมื่อเวลาผ่านไป ครั้นจัดการยาทิพย์เรียบร้อยเฟิ่งจิ่วก็เริ่มสกัดของเหลวส่วนสำคัญจากยาทิพย์ หากบอกว่าเป็นการกลั่นยาเซียน เธอยังไม่ชำนาญพอจะทำสำเร็จได้ในครั้งเดียวจริงๆ แต่ถ้าเป็นยาน้ำ นั่นเป็นสิ่งที่เธอทำมาตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ยากแม้แต่น้อย
ทว่าวิธีการกลั่นยาของเธอไม่เหมือนกับการคาดเดาของพวกเขาสักเท่าไร ยาของนักปรุงยาที่นี่ต้องผ่านการต้มก่อนสกัดน้ำยา แต่เธอกลับสกัดส่วนสำคัญจากยาทิพย์ เพราะข้อนี้เองยาที่ปรุงออกมาจึงแตกต่าง
เมื่ออวี๋เหล่าเห็นว่าวิธีที่เฟิ่งจิ่วสกัดน้ำยาต่างจากที่เขาคาดคิดไว้ ในดวงตาก็ฉายแววสงสัย จากนั้นเห็นเด็กหนุ่มนำน้ำยาที่สกัดออกมาได้สองสามชนิดเทลงไปเช่นนั้นโดยไม่แบ่งก่อนหลัง ดูเหมือนใส่ไปตามใจ ผ่านไปทีละขั้นตอน สุดท้ายเพียงสกัดน้ำยาสีเขียวอ่อนน้อยกว่าครึ่งขวดออกมา
เฟิ่งจิ่วไม่สนใจว่าพวกเขากำลังมอง ไม่กลัวว่าพวกเขาจะเรียนรู้ฝีมือของตน เพียงจดจ่อกับงานในมือ ผ่านไปประมาณสองชั่วยาม เธอก็วางของเหลวส่วนสำคัญที่สกัดออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าเรียงไว้เรียบร้อย และเตรียมการผสมขั้นตอนสุดท้าย
อวี๋เหล่าขมวดคิ้วมองน้ำยาสีเขียวอ่อนใสในขวดใบเล็กที่อ่อนกว่าปกติ น่าแปลกว่าทำไมยาที่เฟิ่งจิ่วสกัดออกมาถึงไม่เหมือนกับน้ำสีเขียวของพวกเขา? ขณะกำลังคิด ก็เห็นหนุ่มน้อยคนนั้นนำน้ำยายี่สิบกว่าขวดที่เหลือจากการหลอมละลายผสมเข้าด้วยกันมั่วซั่ว ม่านตาเขาหดลงเมื่อเห็นการกระทำสุ่มๆ นั้น คิดว่าผสมน้ำยาพวกนั้นลงไปจะต้องเกิดปฏิกิริยาขัดแย้งกันเป็นแน่ ยานี้เกรงว่าคงใช้ไม่ได้แล้ว!
แต่ใครจะรู้ ในเวลานี้กลับมีกลิ่นหอมยาที่เข้มข้นทั้งยังทำให้จิตใจคนสั่นไหวกระจายออกมา…
………………………………………………….