เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 559 หายไป + ตอนที่ 560 ตามหาคน
ตอนที่ 559 หายไป
เฟิ่งจิ่วเห็นว่ากลับโรงเตี๊ยมไปยังมีเวลาเหลือ ร้านน้ำชาเล็กๆ มุมถนนก็มีคนไม่กี่คน เธอจึงพยักหน้า “ก็ดี” จากนั้นค่อยสาวก้าวเดินไปทางนั้น และนั่งลงตรงโต๊ะหัวมุม
“พวกเจ้านั่งลงเถอะ!” เธอให้สัญญาณ มือหนึ่งเท้าคางบอกว่า “เดิมทีเป็นห่วงว่าท่านปู่กับท่านน้าซู่ซีไม่รู้ว่าทำอย่างไรถึงจะเดินไปด้วยกันได้ นึกไม่ถึงว่าสองคนนี้มือเท้าเร็วยิ่งนัก ดูท่าข้าคงกังวลไปเสียเปล่า”
เหลิ่งหวาช่วยนางรินน้ำชา พลางเอ่ยยิ้มๆ “หากนายท่านรู้เรื่องนี้ เดาว่าคงตกใจจนสะดุ้งเหมือนกัน”
“เหอะๆ แน่นอน อย่างไรเขาก็คงไม่นึกว่าท่านปู่จะสุขกายสบายใจอยู่ที่นี่ เฮ้อ ท่านปู่นี่ไม่ไหวเลย! ในเมื่อยังดีๆ อยู่ ไม่รู้จักสั่งคนส่งจดหมายกลับไป ทำให้พวกเราเป็นห่วงตั้งนาน”
เธอพูดพลางยกน้ำชาขึ้นจิบ นัยน์ตาฉายประกายหยอกล้อ “แต่เดิมคิดว่าจะทำให้ท่านปู่ประหลาดใจเสียหน่อย แต่เห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว เฮ้อ! ช่างเถอะ! ข้าเห็นเขาตามอยู่ข้างกายท่านน้าซู่ซี แม้แต่คอยังแดงเถือก โบราณว่ารับมือจิตใจหญิงงามนั้นยากเย็นที่สุด คำพูดนี้ไม่ผิดเลยจริงๆ!”
เธอใช้มือข้างหนึ่งเคาะโต๊ะเบาๆ กำลังคิดว่าความรักของท่านปู่ยังมีทางไป เช่นนั้นเรื่องท่านพ่อกับท่านแม่เธอก็ต้องตั้งใจหน่อย อย่างดีที่สุดครอบครัวต้องกลับมารวมตัวกันพร้อมหน้า เช่นนั้นถึงจะมีความสุขได้
“หืม? กลิ่นอะไรหอมเช่นนี้?” เธอดมๆ ดู กลางอากาศมีกลิ่นหอมอบอวล “เหมือนจะเป็นกลิ่นไก่”
ชายแก่ร้านน้ำชาบอกยิ้มๆ ว่า “จมูกคุณชายดีจริงๆ เมื่อครู่มีคนถือของเดินผ่านท่านยังได้กลิ่นรู้ว่าเป็นไก่ เหอะๆ นี่เป็นอาหารรสเลิศขึ้นชื่อของท้องถิ่นเมืองซานเจียงเรา เรียกว่าไก่ย่างหอมหวน อยู่ในร้านห่างออกไปสองถนนใหญ่ ทุกวันมีเพียงร้อยตัว ขายหมดก็ไม่มีอีกแล้ว”
“นายท่านอยากกินหรือขอรับ? ข้าจะไปซื้อให้!” เหลิ่งหวาเอ่ยยิ้มๆ ทำท่าจะลุกขึ้นยืน
“ข้าไปเอง” เหลิ่งซวงบอก ให้สัญญาณเขาอยู่ติดตามนายท่านไป
“อืม หากมีก็ซื้อกลับมาสักสองตัว เดี๋ยวจะถือกลับไปกินที่โรงเตี๊ยม”
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงขานรับ หลังจากถามทางก็เดินออกไป
เหลิ่งหวาเฝ้าอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วไปเงียบๆ บางครั้งก็ช่วยนางรินน้ำชา เห็นมือหนึ่งของนางเท้าแก้มคิดอะไรอยู่ตรงนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปทีละน้อย กลับยังไม่เห็นพี่สาวของเขากลับมา จึงอดแปลกใจไม่ได้
เขาลุกขึ้นเดินมาตรงหน้าชายชราที่ร้านน้ำชา “เถ้าแก่ ท่านบอกว่าร้านนั้นห่างจากที่นี่ไม่ไกล?”
“ใช่! ไม่ไกล เลี้ยวผ่านถนนสองเส้นก็ถึง ใกล้มากๆ” ชายชราเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ทำงานต่อไปพลางถาม “ลูกค้า จะเติมน้ำชาอีกหรือไม่?”
“ไม่ต้องหรอก” เหลิ่งหวาส่ายหน้า ถามอีกว่า “ร้านนั้นค้าขายอย่างไร? ต้องเข้าแถวหรือ?”
ชายชราโบกๆ มือ ตอบว่า “ปกติไม่ต้อง เพราะไก่ย่างหอมหวนราคาไม่ใช่ถูกๆ คนปกติจะไม่ซื้อกันบ่อยๆ ไก่ย่างร้อยตัวอย่างไรก็ต้องขายถึงบ่าย”
ได้ยินเช่นนี้ เหลิ่งหวากลับมาบอกเฟิ่งจิ่วที่โต๊ะ “นายท่าน พี่สาวข้ายังไม่กลับมาเลย ไม่เช่นนั้นให้ข้าลองไปดูสักหน่อย?” ระยะห่างสองถนนไม่ควรไปนานเพียงนี้ อีกอย่างนายท่านยังรออยู่ที่นี่ หากไม่มีเรื่องอะไรรั้งไว้ก็ควรกลับมาตั้งนานแล้ว
เฟิ่งจิ่วตั้งสติกลับมา ถึงจะสังเกตว่าเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว เหลิ่งซวงยังไม่กลับมา จึงลุกขึ้นยืน “ไปด้วยกันเถอะ! นั่งที่นี่มาสักพักแล้ว”
หลังจากสองคนจ่ายค่าน้ำชาก็มุ่งหน้าไปยังร้านไก่ย่าง สอบถามทางด้านนั้นถึงรู้ว่าเหลิ่งซวงไม่ได้ผ่านมาที่ร้านเลย…
………………………………………………….
ตอนที่ 560 ตามหาคน
“ไม่ได้มา?” เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้ว ชำเลืองมองเสี่ยวเอ้อร์ร้านนั้น ก่อนจะเดินออกมา
“กลับโรงเตี๊ยมไปแล้วหรือเปล่าขอรับ?” เหลิ่งหวาเอ่ย แต่ในใจกระวนกระวายอยู่รางๆ
เฟิ่งจิ่วครุ่นคิดแล้วบอกว่า “ไม่น่าเป็นไปได้ ข้าเดาว่าคงเกิดเรื่องขึ้น แต่ต้องไปดูที่โรงเตี๊ยมก่อน ถามฮุยหลางว่าที่นี่มีคนของพวกเขาหรือไม่ ไปเถอะ!” พูดจบก็ไปยังโรงเตี๊ยมพร้อมกันกับเขา
สีหน้าเธอยามนี้เคร่งเครียดเล็กน้อย เพราะไม่นึกว่าเหลิ่งซวงไปซื้อของห่างไปแค่สองถนนก็หายไปเสียแล้ว คนที่นี่ป่าเถื่อนเช่นนั้นเชียว ถึงกล้าลักพาคนกลางวันแสกๆ? หนำซ้ำยังไม่มีความเคลื่อนไหวสักนิด เห็นได้เลยว่าคนที่เหลิ่งซวงพบต้องมีกำลังแกร่งกว่านางมากนัก
เมื่อกลับถึงโรงเตี๊ยมชั้นสอง เห็นฮุยหลางกับอิ่งอีเฝ้าหน้าประตูห้อง เฟิ่งจิ่วจึงถามว่า “ฮุยหลาง ในเมืองซานเจียงมีคนของตำหนักยมราชอยู่หรือไม่?”
ได้ยินคำพูดนี้ ฮุยหลางอึ้งไปสักครู่ “แน่นอนว่ามี ตำหนักยมราชเรากระจายตัวอยู่ทุกที่ ในเมืองนี้ก็มีฐานที่มั่นเช่นกัน” พูดจบก็ถามว่า “ทำไมรึ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่?”
ทำไมออกไปพักหนึ่งกลับมาสีหน้าก็ดูไม่ดีเสียแล้ว?
“เหลิ่งซวงหายไป เจ้าต้องช่วยข้าตรวจสอบโดยเร็วที่สุด” ผู้หญิงคนหนึ่งตกอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? ช่างพูดได้ยากจริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องตามหานางอย่างเร่งด่วน มิเช่นนั้นไม่รู้จริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องอะไร
ได้ยินแล้วฮุยหลางกับอิ่งอีต่างตกใจ เหลิ่งซวงหายตัวไป? ฮุยหลางถามขึ้นทันที “หายไปที่ไหน เรื่องเป็นมาอย่างไร ข้าจะสั่งคนไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้”
“พวกเราพักผ่อนอยู่ตรงมุมถนน จากนั้นพี่สาวข้าก็ไปซื้อไก่ย่างเตรียมจะนำกลับมาโรงเตี๊ยม แต่รอตั้งนานก็ไม่เห็น พวกเราออกไปตามหา คนในร้านนั้นก็บอกว่าพี่สาวข้าไม่ได้ไป” เหลิ่งหวาเล่าพลางขมวดคิ้ว ในดวงตามีความกังวล “หายไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ แต่มั่นใจได้ว่าต้องถูกคนจับไปแน่ๆ”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่นั่งขัดสมาธิปรับกลิ่นอายพลังอยู่ในห้องได้ยินเสียงพูดคุยเบาๆ หน้าประตู จึงเดินออกมาสั่ง “สั่งคนไปตรวจสอบก่อน ต้องรู้ข่าวก่อนฟ้ามืด”
“ขอรับ!” ฮุยหลางขานรับแล้วโผร่างออกไปอย่างรวดเร็ว
เขามองเฟิ่งจิ่ว บอกว่า “กังวลไปก็เสียเปล่า รอก่อนเถอะ!”
เฟิ่งจิ่วครุ่นคิดดู ไม่ได้รออยู่ในโรงเตี๊ยมอย่างที่เขาบอก แต่เอ่ยว่า “ข้าจะพาเหลิ่งหวาไปถามที่ตลาดมืดเสียหน่อย” พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปข้างนอก
เห็นนางก้าวจากไป เซวียนหยวนโม่เจ๋อก็มองไปทางอิ่งอีก่อนสั่งการ “ให้คนที่อารักขานางอย่างลับๆ ตามไปติดๆ อย่าให้นางเกิดเรื่องอะไร”
“ขอรับ”
อิ่งอีขานรับและเดินตามลงไป ในมุมมืดมีคนคอยอารักขานายท่าน ซ้ำยังสั่งคนแอบตามคุ้มกันภูตหมอ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเจอการซุ่มโจมตีหรือลอบสังหาร
ครั้นมาถึงตลาดมืด เฟิ่งจิ่วแสดงป้ายคำสั่งทันที เธอไปพบหัวหน้าตลาดมืดและบอกแจ้งเหตุผล ให้เขาช่วยเร่งตามหาคน
เมื่อเห็นป้ายประจำตลาดมืด แน่นอนว่าหัวหน้าตลาดมืดไม่มีทางไม่ช่วยเหลือ ดังนั้นจึงส่งคนออกไปตรวจสอบเรื่องนี้
เวลานี้เอง เหลิ่งซวงที่หมดสติฟื้นขึ้นมา พบว่ามือเท้าถูกมัด ตรงปากยังมีแถบผ้ารัดไว้ และโดนขังอยู่ภายในห้อง ในใจก็ตื่นตกใจโดยพลัน ดิ้นรนคิดจะแก้เชือกออก แต่เชือกนั้นมัดแน่นเกินไป ดึงอย่างไรก็ไม่มีทางคลายออก
ดวงจิตนางสัมผัสได้ว่าด้านนอกมีผู้ฝึกตนสองคนที่พลังห่างชั้นกว่านางเฝ้าอยู่ นอกจากเครื่องเรือนภายในห้องที่สะท้อนสู่สายตา ก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่อีก
นางจำได้ว่าตอนนั้นถูกคนทำให้สลบจากด้านหลัง ตื่นมาก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ใครเป็นคนจับนางมา และคิดจะทำอะไรกันแน่?
………………………………………………….