เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 565 ไม่เหมือนกัน + ตอนที่ 566 เยี่ยมเยือนถึงบ้าน
ตอนที่ 565 ไม่เหมือนกัน
“ท่านพ่อวางใจเถิด หากท่านพ่อไม่อยู่บ้าน ข้ากับพวกน้องๆ จะคุ้มกันตระกูลหลินเราอย่างดี” หลิงเฉิงจื้อลุกขึ้นพูด
“อืม”
หลินป๋อเหิงพยักหน้าอย่างปลื้มใจ ลูกชายพวกนี้เกิดจากท้องเดียวกัน ทุกคนรักใคร่กลมเกลียว ไม่เข่นฆ่าชิงดีชิงเด่นกันเหมือนตระกูลอื่น และเพราะมีผู้อาวุโสเช่นพวกเขาเป็นแบบอย่างที่ดี พวกลูกหลานเบื้องล่างแต่ละคนจึงประพฤติตัวเหมาะสม ชื่อเสียงตระกูลหลินในเมืองซานเจียงถึงได้ดีเช่นนี้
อีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่กลับถึงโรงเตี๊ยมให้เหลิ่งซวงไปอาบน้ำเสียหน่อย จากนั้นค่อยมาพันแผลใหม่ และตรวจให้แน่ใจว่าบาดแผลไม่เป็นอะไร ถึงจะให้นางไปพักผ่อน
ด้านนอก เซวียนหยวนโม่เจ๋อนั่งอยู่ตรงโต๊ะ ครั้นเห็นนางออกมาก็รินเหล้าให้ เขาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำด้วยท่าทางเหมือนไม่สนใจ “เจ้าใส่ใจคนข้างกายเช่นนี้เสมอหรือ?”
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขา “คนอื่นปฏิบัติกับข้าอย่างจริงใจ แน่นอนว่าข้าย่อมปฏิบัติกับเขาอย่างจริงใจเช่นกัน มีอะไรน่าสงสัย?” เหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาสองคนแม้ติดตามข้างกายเธอมาไม่นาน แต่เชื่อว่าหากเธอมีอันตราย พวกเขาสองคนจะไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเองแน่นอน
หากบอกว่าทั้งสองเห็นเธอเป็นเจ้านาย ไม่สู้บอกว่าเห็นเป็นครอบครัว เห็นเป็นคนสำคัญ เธอรู้สึกได้ถึงการปฏิบัติอย่างจริงใจจากพวกเขา จึงเป็นธรรมดาที่จะปฏิบัติกับพวกเขาด้วยความจริงใจเช่นกัน
ได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาดำขลับลึกล้ำของเซวียนหยวนโม่เจ๋อก็ฉายประกาย “พูดถึงเพียงนั้น ข้ายังทำได้ดีไม่พอ?”
เฟิ่งจิ่วกลอกตา “นี่มันไม่เหมือนกัน”
“ไม่เหมือนกันอย่างไร?”
เฟิ่งจิ่วทำพียงชายตามองเขา สายตาลึกซึ้ง แต่กลับไม่เอ่ยปากพูดต่อ แค่บอกว่า “ข้ากลับไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้จะไปบ้านตระกูลหลินแต่เช้า” กล่าวจบก็หมุนตัวกลับห้องไป
เห็นนางเข้าห้องไปแล้ว แม้แต่ประตูยังลงกลอน นิ้วมือเขาเคาะๆ หน้าโต๊ะอย่างใจลอย ถามขึ้นว่า “ทำไมไม่เหมือนกัน?” สายตากวาดมองไปทางอิ่งอีข้างๆ ที่เป็นเช่นมนุษย์ล่องหน “เจ้ารู้หรือไม่?”
อิ่งอีถูกสายตานายท่านกวาดมอง จึงฝืนใจเดินเข้าไป ชะงักไปนิดและเอ่ยว่า “ข้าน้อยมีความเห็นข้อหนึ่ง หากพูดผิดไป หวังว่านายท่านจะไม่ถือสา”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อชำเลืองมองเขา “ว่ามา”
“ขอรับ”
อิ่งอีขานรับ กล่าวว่า “ข้าน้อยไม่รู้ว่า ‘ไม่เหมือนกัน’ ที่คุณชายจิ่วว่าคืออะไร แต่ข้าน้อยมั่นใจได้ว่าคุณชายจิ่วปฏิบัติกับนายท่านต่างจากคนอื่น”
“โอ้?” แววตาเขาวูบไหวเล็กน้อย “ว่าต่อสิ”
“คนอื่นไม่อาจเข้าใกล้ตัวคุณชายจิ่ว แต่นายท่านทำได้ นี่คือสิ่งที่แตกต่างขอรับ”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อได้ยินดังนั้นก็คล้ายขบคิดอะไรบางอย่าง ตนเองเป็นคนในสถานการณ์จึงหลงทาง ไม่รู้สึกแตกต่างอะไรจริงๆ แต่อิ่งอีเอ่ยถึงเพียงนี้ ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้จริงๆ
เขาเก็บอารมณ์ มองไปทางอิ่งอีที่ก้มหัวลงน้อยๆ “เจ้ามีประสบการณ์ด้านนี้มาก แต่ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นเจ้าเข้าใกล้ผู้หญิงคนไหนเลย?”
ได้ยินคำพูดนี้ อิ่งอีแข็งทื่อโดยฉับพลัน ไม่รู้จะตอบอย่างไร โชคดีที่นายท่านไม่ได้รอคำตอบ หลังจากจิบเหล้าก็ลุกขึ้นกลับห้อง เห็นเจ้านายเข้าห้องไปแล้วถึงจะลอบถอนหายใจ
แอบคิดว่าไม่รู้ว่าเจ้าฮุยหลางหนีไปไหนแล้ว หากเจ้านั่นอยู่ตรงนี้ คำถามเช่นนี้อย่างไรก็ไม่พ้นต้องให้เขามาตอบ
เช้าตรู่วันต่อมา เฟิ่งจิ่วในชุดสีแดงเดินออกจากห้องอย่างง่วงงุนเล็กน้อย เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อนั่งอยู่ตรงหน้าต่าง จึงหาวหวอดๆ พลางเดินเข้าไป
“ท่านตื่นเช้ามากเลย!”
………………………………………………….
ตอนที่ 566 เยี่ยมเยือนถึงบ้าน
เหลิ่งหวาเห็นว่าทั้งสองตื่นกันหมดแล้ว จึงสั่งคนยกอาหารเช้ามา จากนั้นค่อยถอยไปอีกโต๊ะหนึ่ง
“หลังจากพบท่านปู่เจ้า คิดจะทำอย่างไร?” เซวียนหยวนโม่เจ๋อกินอาหารเช้าพลางถาม
“แน่นอนว่าต้องลองถามความเห็นท่านปู่! หากเขาอยากกลับไป ข้าก็จะกลับด้วยกันกับเขา หากเขาต้องการอยู่ที่นี่ ข้าจะกลับไปบอกเรื่องราวกับท่านพ่อเสียหน่อย เพื่อไม่ให้เขากังวลใจอยู่ตลอด” เธอกินข้าวต้มคู่กับกับข้าว ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนถามอีกว่า “ท่านล่ะ ไม่ต้องกลับไปหรือ”
“ข้าไม่รีบ” หลังจากกินอะไรไปบ้างแล้วเขาก็หยุดตะเกียบมองนางกิน
“ไม่กินแล้ว?” เธอเลิกคิ้วมองเขา “หรือว่าไม่ถูกปาก?”
“ข้าอิ่มแล้ว” เขาบอก มองนางพลางพูดอีกว่า “เจ้าก็กินเยอะๆ หน่อย”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ และไม่ปริปากอีก จัดการอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว เช็ดๆ มุมปากแล้วลุกขึ้นยืน “ไปกันเถอะ!”
เห็นนางกระดกกินข้าวต้มนั้นสองสามครั้ง เขาก็ขมวดคิ้ว “คราวหลังกินอาหารอย่ารีบถึงเพียงนั้น ไม่ได้รีบเร่งอะไร”
“ได้ๆ ข้ารู้แล้ว” เธอขานรับอย่างหมดคำจะพูด คิดว่าเขาแทบไม่ต่างจากแม่เฒ่า จู้จี้ขี้บ่น อะไรๆ ล้วนต้องดูแล
เมื่อนายท่านทั้งสองกินเสร็จแล้ว พวกเขาอีกโต๊ะหนึ่งจึงจัดการอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว และตามหลังพวกเขาออกจากโรงเตี๊ยมไปยังบ้านตระกูลหลิน โรงเตี๊ยมห่างจากบ้านตระกูลหลินไม่ไกล ฝีเท้าพวกเขาไม่เร่งรีบ เดินนวยนาดไปประมาณครึ่งชั่วยามจึงจะมาถึงหน้าประตูใหญ่ตระกูลหลิน
เหลิ่งหวาเข้าไปเคาะประตู ส่วนคนอื่นยืนรอข้างๆ
ชายชราคนหนึ่งเข้ามาเปิดประตู หลังจากเห็นเหลิ่งหวาที่เคาะประตูก็พินิจมองแวบหนึ่ง แล้วจึงมองเหล่าคนข้างๆ นั้น ถามว่า “พวกท่านมาหาใคร?”
“เรามาหา…” เฟิ่งจิ่วเอ่ยปาก เสียงชะงักไป พลันฉุกคิดขึ้นได้ ยิ้มเอ่ยว่า “ท่านผู้เฒ่าเฟิ่ง”
พอได้ยินว่ามาหาท่านผู้เฒ่าเฟิ่ง ชายชราคนนั้นรีบร้อนเปิดประตูออก “เชิญทุกท่านเข้ามาขอรับ ข้าจะไปรายงานก่อน” พูดจบก็สั่งคนพาพวกเขาไปจิบชายังห้องรับแขก ส่วนตนเองไปรายงานผู้นำตระกูล
หลินป๋อเหิงที่กำลังทานอาหารเช้าในเรือนได้ยินคำพ่อบ้านก็อึ้งไป “เจ้าบอกว่าใครนะ? หนุ่มน้อยชุดแดงกับชายชุดดำ? บอกว่ามาหาซานหยวนหรือ” ซานหยวนอยู่ที่นี่นอกจากพวกเขาก็ไม่มีคนรู้จักอื่น ทำไมถึงมีคนมาหาได้?
“ขอรับ ข้าน้อยเห็นพวกเขาท่าทางไม่ธรรมดา ไม่เหมือนคนทั่วไป ซ้ำยังมาหาท่านผู้เฒ่าเฟิ่ง จึงเชิญพวกเขามาจิบชายังห้องรับแขกขอรับ”
“อืม เจ้าไปบอกซานหยวน ข้าจะลองไปดูก่อน” เขาลุกขึ้นบอก สั่งพ่อบ้านไปรายงาน ส่วนตนเองไปยังห้องรับแขกที่เรือนด้านหน้า
เมื่อมาถึงห้องรับแขกก็เห็นสองร่างหนึ่งดำหนึ่งแดงนั่งอยู่ด้านใน ด้านหลังสองคนยังมีชายสามหญิงหนึ่งยืนอยู่ เห็นเช่นนี้เขาจึงใช้สายตาจับจ้องร่างทั้งสองที่นั่งอยู่นั้น แอบพินิจมอง แต่เมื่อสายตาหยุดลงบนร่างชายชุดคลุมดำ จิตใจเขาอดสั่นสะท้านไม่ได้ และละสายตาหนีอย่างอึดอัดใจ
ในใจตกใจเล็กน้อย แต่สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาเดินเข้าไปกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ข้าหลินป๋อเหิงผู้นำตระกูลหลิน ได้ยินพ่อบ้านบอกว่าในจวนมีแขกมา ไม่ทราบว่าแขกผู้มีเกียรติทั้งสองมาจากที่ใด?” ระหว่างพูด เขามานั่งลงตรงตำแหน่งผู้อาวุโส สายตาหยุดลงบนร่างหนุ่มน้อยชุดแดง
เห็นหนุ่มน้อยคนนั้น เขาแอบชื่นชมอย่างอดไม่ได้ ช่างเป็นหนุ่มน้อยรูปงามที่เปิดเผยไม่เกรงกลัวใคร ในกลิ่นอายสง่างามที่คึกคะนองรักอิสระมีกลิ่นอายสูงศักดิ์ที่เป็นธรรมชาติอยู่ ทั้งร้ายกาจและเอาแต่ใจ พอจะเห็นได้ว่าคนคนนี้เป็นผู้มีใจทะเยอทะยานอย่างแน่นอน
ส่วนชายชุดคลุมดำคนนั้น ลึกล้ำเกินกว่าจะคาดเดา แม้แต่เขายังไม่กล้าวิเคราะห์ประเมิน รู้แค่ว่าสองคนที่มาวันนี้ไม่ธรรรมดาอย่างยิ่ง
………………………………………………….