เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 643 สำนักศึกษาหมอกดารา ไม่ได้เข้าก็ไม่เป็นไร + ตอนที่ 644 เขาคือน้องชายข้า
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 643 สำนักศึกษาหมอกดารา ไม่ได้เข้าก็ไม่เป็นไร + ตอนที่ 644 เขาคือน้องชายข้า
ตอนที่ 643 สำนักศึกษาหมอกดารา ไม่ได้เข้าก็ไม่เป็นไร
ดังนั้นไม่รอคนอื่นเอ่ยปาก เด็กหนุ่มคนนั้นจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตามจริง สุดท้ายยังบอกว่า “หลังจากนั้นข้าเห็นสถานการณ์ไม่ถูกต้อง จึงรีบวิ่งไปตามดูรอบๆ ว่ามีอาจารย์ท่านอื่นหรือไม่ พบอาจารย์ท่านนี้เข้าจึงลากมาด้วย หากอาจารย์ท่านนี้ไม่มาห้ามไว้ เดาว่าครั้งนี้เขาต้องถูกอาจารย์ทำร้ายบาดเจ็บสาหัสแน่ ข้ามองออกว่าอาจารย์ท่านนี้จะลงมืออย่างไร้ปรานีเป็นแน่ขอรับ”
คนอื่นๆ เห็นท่าที ต่างพากันเล่าต่อว่า “ขอรับ เรื่องเป็นเช่นนี้ การโจมตีก่อนหน้านี้ของอาจารย์ท่านนั้นใช้แรงไม่ต่ำกว่าครึ่ง โชคดีที่หมัดนั้นชกโดนแขนเขา หากเป็นตรงอกเดาว่าคงลงจากเตียงไม่ได้ไปครึ่งเดือน หนำซ้ำที่ทำซี่โครงอาจารย์หักจะโทษเขาก็ไม่ได้ นั่นเป็นการป้องกันตัว เปลี่ยนเป็นใครก็คงทำเช่นนั้น”
สิ่งที่แตกต่างคือ พวกเขาไม่มีความกล้าและกำลังเช่นชายหนุ่มชุดดำเท่านั้นเอง
อาจารย์แซ่เหอข้างๆ ฟังต้นสายปลายเหตุ สายตามองยังกวนสีหลิ่นอย่างแปลกใจเล็กน้อย แม้แต่นัยน์ตาของรองเจ้าสำนักยังฉายประกาย สายตาหยุดพินิจมองบนร่างกวนสีหลิ่น จากนั้นเอ่ยปากเสียงเข้ม
“สำนักศึกษาหมอกดาราเราสามปีจะรับสมัครนักเรียนหนึ่งครั้ง แม้กำหนดการรับสมัครมีแค่วันเดียว ต่อให้ท้องฟ้ามืดลงก็ไม่ควรปฏิเสธนักเรียนลงชื่อสอบประเมินที่เหลือข้างนอก เช่นนี้จะเสียแนวคิดเราที่จะรับสมัครยอดฝีมือจากทุกที่มาสอนสั่งให้เป็นผู้มีความสามารถ”
เสียงเขาหยุดไป บอกว่า “เช่นนี้แล้วกัน! อาจารย์เหอ เจ้ามาเปลี่ยนตัวแทน ช่วยนักเรียนพวกนี้ลงทะเบียนประเมินทีเถอะ”
“ขอรับ” อาจารย์เหอคนนั้นพยักหน้ารับ
เหล่านักเรียนได้ยินแล้วต่างยินดีในใจ ใบหน้าล้วนเผยรอยยิ้มออกมา
“ส่วนอาจารย์หวัง เรื่องนี้เจ้าทำไม่ถูก จึงต้องลงโทษด้วยการอุทิศตนหนึ่งปี เจ้าจะคัดค้านหรือไม่?”
อาจารย์แซ่หวังคนนั้นกัดฟันกรอด กลับทำได้เพียงตอบรับว่า “ขอรับ ข้าไม่คัดค้าน”
รองเจ้าสำนักพยักหน้า มองยังกวนสีหลิ่นพร้อมเผยรอยยิ้มออกมา “ในเมื่อเจ้าสู้กับอาจารย์ได้ ฝีมือพละกำลังถือว่าผ่าน ก็ไม่ต้องประเมินและเข้าสำนักพลังเร้นลับเสียเลยเถอะ! ส่วนแขนที่บาดเจ็บ ประเดี๋ยวให้อาจารย์เหอพาเจ้าไปจัดการ”
เขาคิดว่าจัดการและลงโทษเช่นนี้ใช้ได้แล้ว ยกเว้นการประเมินของเด็กหนุ่มชุดดำคนนั้นและรับเขาไว้ทันที คงเห็นอีกฝ่ายเผยท่าทียินดีเป็นแน่ ใครจะรู้ว่าเด็กหนุ่มชุดดำกลับชำเลืองมองด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ กล่าวว่า “มีคนต่ำช้าไร้ยางอายและไม่มีความเป็นครูเช่นนี้เป็นอาจารย์ สำนักศึกษาหมอกดารานี้ ไม่ได้เข้าก็ไม่เป็นไร”
ได้ยินคำพูดนี้ แต่ละคนต่างอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงราวกับยัดไข่เป็ดไว้ในปาก ใครก็นึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มชุดดำจะทิ้งโอกาสหายากเช่นนี้และไม่เข้าสำนักศึกษาหมอกดารา หนำซ้ำตั้งแต่เมื่อครู่ยังไม่ปริปากแก้ต่างสักประโยค ตอนนี้เอ่ยปากเพียงหนึ่งประโยคก็ตรงเข้ากลางใจ พูดประโยคนั้นที่นักเรียนคนอื่นไม่กล้าเอ่ย
ไม่มีคุณสมบัติความเป็นครู
“จะ จะ เจ้า…”
อาจารย์หวังโกรธเสียจนหน้าแดงก่ำ มองเด็กหนุ่มชุดดำคนนั้นด้วยความขุ่นเคือง หากรองเจ้าสำนักไม่อยู่ตรงนี้เขาต้องจัดการเด็กหนุ่มอย่างโหดเหี้ยมแน่นอน!
รองเจ้าสำนักมองกวนสีหลิ่นด้วยความตะลึงเช่นกัน ไม่นึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะกล้าเอ่ยคำนี้ออกมาจริงๆ หนำซ้ำกล่าวจบยังหมุนตัวเดินไป ยามกำลังจะเอ่ยปาก ก็เห็นเขาโยนของสิ่งหนึ่งลงบนพื้นโดยไม่หันหน้ากลับมา ขณะเดียวกันยังทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่งว่า
“ของสิ่งนี้ข้าคืนให้พวกท่าน”
แผ่นป้ายชิ้นหนึ่งร่วงลงพื้นเสียงดัง
รองเจ้าสำนักเห็นก็เบิกตาโตโดยฉับพลัน ก่อนจะรีบร้อนเข้าไปเก็บขึ้นมาดู จำได้ว่ามันคือป้ายประจำสำนักศึกษาหมอกดาราที่เขามอบให้หนุ่มน้อยชุดแดงนามเฟิ่งจิ่วนั่นเอง จึงรีบเรียกไว้ในทันที “ช้าก่อน”
………………………………………………….
ตอนที่ 644 เขาคือน้องชายข้า
ใครจะรู้ว่ากวนสีหลิ่นไม่มีแม้ท่าทีจะหยุดฝีเท้า ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงด้านหลังโดยสิ้นเชิง พร้อมทั้งเดินหน้าต่อไป
เขากับเสี่ยวจิ่วสองคนล้วนมีจดหมายแนะนำจากตลาดมืด มีจดหมายแนะนำฉบับนั้น แม้มาจากแคว้นระดับเก้าก็เข้ามาลงชื่อที่สำนักศึกษาหมอกดาราได้โดยไม่ต้องผ่านการประลองคัดเลือกของแต่ละแคว้นระดับเก้า
นอกจากจดหมายแนะนำจากตลาดมืด เสี่ยวจิ่วยังมอบแผ่นป้ายที่เรียกว่าป้ายประจำสำนักศึกษาหมอกดาราไว้ให้เขา บอกว่าหากจดหมายแนะนำใช้ไม่ได้ก็ใช้ป้ายประจำสำนักศึกษาหมอกดารา แม้เขาเก็บไว้ แต่ไม่เคยคิดจะใช้แผ่นป้ายเข้าสำนักศึกษาโดยไม่ต้องประเมิน
เพราะเขาอยากพึ่งพากำลังของตนเอง และอยากลองดูว่าพลังกำลังอยู่ถึงระดับไหนแล้ว หากด้วยกำลังตนเองยังสอบไม่ผ่านจริงๆ เช่นนั้นค่อยใช้ป้ายประจำสำนักศึกษาหมอกดาราเข้าไปก็ไม่สาย
แต่นึกไม่ถึงว่าภายในสำนักศึกษาหมอกดาราที่ขึ้นชื่อว่าใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในแคว้นระดับเก้าถึงหกจะมีอาจารย์แย่ๆ เช่นนั้นอยู่ คนเป็นครูยิ่งควรใส่ใจทุกการกระทำของตัวเอง แต่อาจารย์ท่านนั้นไม่แยกแยะถูกผิดดำขาว ซ้ำยังต่อสู้กับนักเรียนโดยมีเจตนาสังหารซ่อนเร้น ไม่พูดไม่ได้ว่าการปฏิบัติเช่นนี้ของสำนักศึกษาหมอกดาราทำให้เขาผิดหวังมากจริงๆ
“ช้าก่อน รอเดี๋ยวก่อน” เห็นกวนสีหลิ่นไม่หยุด รองเจ้าสำนักรีบตามไปขวางเขาไว้
นักเรียนคนอื่นข้างๆ ไม่รู้จักป้ายประจำสำนักศึกษาหมอกดารา ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้ว่าสิ่งที่กวนสีหลิ่นทิ้งไปคืออะไรกันแน่ แต่อาจารย์สองคนนั้นรู้ เมื่อเห็นแผ่นป้ายนั้น สีหน้าอาจารย์หวังก็ขาวซีด หน้าผากมีเหงื่อไหลออกมาน้อยๆ
ส่วนอาจารย์เหอมีสีหน้าประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่าเด็กหนุ่มชุดดำจะมีป้ายประจำสำนักศึกษาหมอกดาราด้วย
รองเจ้าสำนักขวางเขาไว้ มองกวนสีหลิ่น พินิจมองจากบนลงล่างก็ไม่เห็นว่าเขามีตรงไหนคล้ายกับหนุ่มน้อยชุดแดงนามเฟิ่งจิ่ว ดังนั้นจึงเอ่ยถาม “เจ้ามีความสัมพันธ์เช่นไรกับเฟิ่งจิ่ว?”
ได้ยินเช่นนี้ กวนสีหลิ่นมองรองเจ้าสำนัก นิ่งไปสักพักถึงจะบอกว่า “เขาคือน้องชายข้า”
น้องชาย?
รองเจ้าสำนักมองคิ้วตาเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก เห็นเขาคิ้วหนาตาโต หน้าตาหล่อเหลาทว่าไม่งดงาม ร่างสูงกำยำ ไม่มีส่วนที่คล้ายคลึงกับหนุ่มน้อยชุดแดงผู้งดงามและมีกลิ่นอายสูงศักดิ์แผ่ไปทั่วร่างเลยสักนิด จึงถามอีกแบบว่า “พวกเจ้าสองคนหน้าตาไม่คล้ายกันเลย? หรือว่ามีพ่อเดียวกันแต่คนละแม่?”
อาจารย์เหอกับนักเรียนด้านหลังได้ยินรองเจ้าสำนักซุบซิบเรื่องคนในครอบครัว ก็ต่างตาค้างไปโดยฉับพลัน นี่มันเรื่องอะไรกัน? ครอบครัวเดียวกันแต่คนละแม่แล้วเกี่ยวอะไรกับเขา?
หลังจากกวนสีหลิ่นได้ยินคำพูดรองเจ้าสำนักก็เผยสีหน้าแปลกๆ มองรองเจ้าสำนักและพูดว่า “พ่อเขาเป็นพ่อบุญธรรมข้า”
“อ้อ! ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง”
รองเจ้าสำนักพลันแจ่มแจ้ง เขาก็คิดอยู่ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่เหมือนเฟิ่งจิ่วเลยสักนิด ที่แท้ก็ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน เช่นนี้ไม่น่าแปลกใจ ขณะมองเด็กหนุ่มคนนี้ จิตใจเขาสั่นไหวเล็กน้อย ถามว่า “เช่นนั้นเจ้าชื่ออะไร?”
“กวนสีหลิ่น”
“ฮ่าๆๆ ตระกูลเดียวกับข้าเลย!” เขาแหงนหน้าหัวเราะร่า ตบๆ ไหล่แกร่งแข็งแรง “ข้าแซ่กวนเช่นกัน ดูท่าหากไม่ใช่คนบ้านเดียวกันก็ไม่เข้าประตูเดียวกัน มาๆๆ พวกเรามาคุยกันข้างๆ นี้หน่อยเถอะ”
“ไม่แล้ว ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” กวนสีหลิ่นกล่าวอย่างเย็นชา สาวก้าวจะออกไป
“เดี๋ยวๆๆๆ” รองเจ้าสำนักขวางเขาไว้อีกครั้ง ก่อนจะทอดถอนใจ “อารมณ์โกรธเจ้ามีบางส่วนคล้ายกับเฟิ่งจิ่ว หรือไม่พอใจเรื่องที่ข้าลงโทษอาจารย์หวัง? เจ้ารอก่อน”
รองเจ้าสำนักพูดปลอบกวนสีหลิ่นไม่ให้เขาจากไป พลางหันกลับไปตะคอกบอกอาจารย์หวังที่หน้าซีดเผือดหน้าผากมีเหงื่อไหลว่า “เจ้ากลับไปเก็บของ ออกไปเสียวันนี้เลยเถอะ! สำนักศึกษาหมอกดาราไม่ต้องการอาจารย์ที่ไม่มีความเป็นครูเช่นเจ้า!”
………………………………………………….