เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 647 ย้ายไปแล้ว + ตอนที่ 648 เทือกเขาหมื่นอสูร
ตอนที่ 647 ย้ายไปแล้ว
“ใช่ สำนักยาเซียนเรายอมขาดคนดีกว่ารับคนไร้ความสามารถ” สีหน้าอาจารย์คนนั้นจริงจัง กระแอมไอเบาๆ แล้วบอกว่า “สำนักอื่นเลือกหนึ่งในพัน เราเลือกหนึ่งในหมื่น อยากเข้าสำนักยาเซียนนั้นไม่ง่าย”
พูดจบ เขาตบๆ ไหล่เฟิ่งจิ่ว กล่าวด้วยสีหน้าวาดหวัง “ดังนั้นเจ้าจำต้องขยันตั้งใจ เจ้าคือความหวังของสำนักยาเซียนเรา”
“หา? คะ ความหวัง?”
เฟิ่งจิ่วมองพวกเขาอย่างตกตะลึง ในใจพลันมีลางสังหรณ์ไม่ดี จึงถามว่า “เช่นนั้น ท่านอาจารย์ ตอนนี้สำนักยาเซียนเรามีนักเรียนกี่คนขอรับ?”
กล่าวจบก็เห็นสองคนมองหน้ากันด้วยสีหน้าอึดอัดใจ จากนั้นค่อยวางท่าจริงจังมองมาทางเธอ
“เฟิ่งจิ่ว ข้าจะบอกเจ้าตามความจริงแล้วกัน! ตอนนี้สำนักยาเซียนเรามีเจ้าเป็นนักเรียนคนเดียว”
เป็นไปตามคาด…
มุมปากเธอกระตุก ตั้งแต่เข้ามายังพื้นที่สำนักยาเซียนก็คิดว่าแปลกๆ เก็บตัวกลั่นยาเอย ไปทำภารกิจเก็บแลกคะแนนคุณงามความดีอะไรเอย ล้วนเป็นคำพูดเกินจริงทั้งนั้น ที่นี่ไม่มีนักเรียนเลยต่างหาก!
“อะแฮ่มๆ!”
อาจารย์อีกท่านมือหนึ่งกำปั้นกระแอมไอ พูดว่า “เป็นเช่นนี้ เมื่อก่อนสำนักยาเซียนเรามีนักเรียนมากมาย เพียงแต่สามปีจะรับสมัครนักเรียนหนึ่งครั้ง คนที่ถูกเลือกจึงน้อยมากจริงๆ หนำซ้ำคนที่เลือกเข้ามาสำนักยาเซียนยังแทบจะไม่มีใครอยู่ต่อได้สักคน บางคนอยู่แค่ปีเดียวก็ไป เช่นนี้สำนักยาเซียนจึงค่อยๆ ไม่มีนักเรียนอะไรเลย”
“อืม แต่เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป สำนักยาเซียนเรายังมีนักเล่นแร่แปรธาตุอีก นอกจากพวกเราสองคน สำนักเรายังมีนักเล่นแร่แปรธาตุสองสามคนกับปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุอีกคนหนึ่ง เจ้าต้องขยันตั้งใจ ภายหลังจะมีโอกาสเจอกันแน่นอน”
“มาๆ ถุงฟ้าดินใบนี้ข้าให้เจ้า สิ่งของด้านในเจ้าลองกลับไปดูจะรู้ หากเจอตรงไหนไม่เข้าใจก็ใช้หยกส่งสารมาสอบถามพวกเราได้”
ดังนั้นพวกเขาจึงยัดเยียดถุงฟ้าดินให้เธอ แล้วอธิบายขั้นตอนทั่วไปในการกลั่นยาเซียน ก่อนจะให้เธอกลับไปศึกษาทดลองด้วยตัวเอง
เฟิ่งจิ่วถือถุงฟ้าดินใบนั้นไปยังอาศรมของตน ระหว่างทางรู้สึกแต่ว่าสับสนงุนงง เดิมทีคิดว่าเข้ามาในสำนักยาเซียนจะได้เรียนรู้และสังเกตุการณ์จากอาจารย์ผู้มีชื่อเสียง แต่ใครรู้ว่าที่แท้จะให้เธอเรียนด้วยตนเอง!
เธอเดินๆ ไปหาที่นั่งและตรวจดูสิ่งของในถุงฟ้าดิน เห็นว่าด้านในเป็นหนังสืออธิบายขั้นตอนพื้นฐานการกลั่นยาเซียน นอกจากนี้ยังมีป้ายหยกสองชิ้นกับเมล็ดพันธุ์ยาทิพย์ถุงเล็กๆ
เธอมองๆ เมล็ดพันธุ์นั้น คิดว่าปลูกสิ่งนี้ลงบนไร่ยาทิพย์ยังไม่สู้ปลูกพวกผักพลังวิญญาณ ถึงขนาดใช้เวลาไม่นานมากก็เก็บมากินได้
ดังนั้นเธอที่เดิมทีวางแผนกลับอาศรมจึงมุ่งหน้าไปยังตีนเขา คิดจะไปดูที่ร้านค้าเสียหน่อยว่ามีของจำพวกเมล็ดพันธุ์พืชผักหรือไม่ ใครจะรู้ เมื่อเธอมาถึงตรงนั้นกลับเห็นว่าบ้านไม้ร้านค้าโดนรื้อทิ้งไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น? เมื่อวานยังอยู่เลยนี่ วันนี้โดนรื้อไปแล้ว?” เธอตาค้างไปเล็กน้อย ยอดเขาที่ตั้งสำนักยาเซียนใหญ่โตเพียงนี้ มีแค่ที่นี่ที่มีร้านค้าเช่นนี้ ตอนนี้กลับถูกรื้อไปแล้ว? เช่นนั้นหากเธอต้องการซื้อของจะทำอย่างไร
ผู้ดูแลซุนเดินมาจากบริเวณไม่ไกล เห็นหนุ่มน้อยคนหนึ่งนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น จึงเอ่ยปาก “เฟิ่งจิ่ว? เจ้าทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ?”
“ท่านผู้ดูแลซุน ที่นี่…” เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นผู้ดูแลซุนแย้มยิ้ม
“ที่แท้เจ้ามาหาร้านค้าหรือ พวกนั้นย้ายไปแล้ว เบื้องบนออกคำสั่งให้จัดระเบียบใหม่ ยามนี้ทั้งสำนักศึกษาไม่มีร้านค้า มีแค่จุดแลกเปลี่ยนสินค้า หากเจ้าต้องการสิ่งของอะไรต้องออกจากสำนักยาเซียนไปยังจุดแลกเปลี่ยนตรงตีนภูเขาเขียวสงบเท่านั้น”
……………………………
ตอนที่ 648 เทือกเขาหมื่นอสูร
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ ปฏิกิริยาแรกคือถามว่า “ท่านผู้ดูแลซุน จากที่นี่ถึงตีนภูเขาเขียวสงบต้องใช้เวลานานแค่ไหนขอรับ?”
“ภูเขาเขียวสงบเป็นจุดเชื่อมต่อของใจกลางแต่ละสำนัก ด้วยเหตุนี้จากที่นี่เดินไปอย่างเร็วที่สุดต้องใช้เวลาสองสามชั่วยาม แต่หากเจ้ามีพาหนะเหาะเหินหรือขี่กระบี่เดินทาง เช่นนั้นจะเร็วขึ้นหน่อย”
ได้ฟังแล้วเธอถอนหายใจเบาๆ “ข้ารู้แล้วขอรับ” สิ้นเสียงก็หันกายเดินกลับไป
เรือเหาะเธอหรูหราโดดเด่นเกินไป หยิบออกมาใช้ไม่ได้แน่นอน ได้พาหนะเหาะเหินมาจากตลาดมืดสองสามชิ้นกลับทิ้งไว้ให้พวกท่านพ่อใช้ ส่วนการขี่กระบี่นั้นไม่ต้องคิดเลย หากไม่มีพื้นฐานก็ขี่กระบี่ไม่ได้
ผู้ดูแลซุนเห็นเฟิ่งจิ่วหมุนตัวเดินกลับไปก็ชะงักไปเล็กน้อย ตะโกนบอกว่า “หากไม่มี ขอแค่เจ้ามีคะแนนคุณงามความดีห้าพัน ก็สามารถเข้าไปแลกพาหนะเหาะเหินจากหอสวรรค์ของสำนักศึกษาได้”
เฟิ่งจิ่วที่ก้าวเท้าออกไปได้ยินเช่นนี้ ฝีเท้าก็หยุดชะงัก แล้วหันกลับมามองเขาด้วยดวงตาเปล่งประกาย “ท่านบอกว่าสำนักศึกษานี้มีที่แลกของวิเศษหรือขอรับ ของวิเศษอะไรก็มีหมดใช่หรือไม่? นอกจากของวิเศษยังมีอย่างอื่นอีกหรือเปล่า?”
“สมบัติในหอสวรรค์ของสำนักศึกษามีมากมายนับไม่ถ้วน ด้านในไม่ต้องกลัวว่าจะหาสมบัติที่ต้องการไม่พบ แค่เกรงว่าเจ้าจะไม่มีคะแนนคุณงามความดีแลกได้” ผู้ดูแลซุนหัวเราะ บอกเตือนว่า “ที่นั่นจะแลกเปลี่ยนให้เฉพาะนักเรียนของสำนักศึกษาเท่านั้น”
“ใช้เงินซื้อไม่ได้หรือขอรับ?”
มุมปากผู้ดูแลซุนกระตุก มองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง “เจ้าคิดว่าสำนักศึกษาหมอกดาราจะขาดเงินหรือ?”
“คะแนนคุณงามความดีห้าพัน? ป้ายหยกข้าเหมือนจะมีคะแนนคุณงามความดีแค่หนึ่งร้อย เช่นนั้นต้องทำภารกิจ?” เธอตกตะลึงอยู่บ้าง เพิ่งเข้าสำนักศึกษามาเองนะ! เตาปรุงยายังไม่ได้เปิดก็ต้องวิ่งแจ้นไปทำภารกิจเพื่อคะแนนคุณงามความดีแล้ว?
เวลานี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำไมนักเรียนสำนักยาเซียนถึงหายหน้าไปกันหมด ที่แท้เรื่องเป็นแบบนี้เอง…
แม้เป็นเช่นนี้ สุดท้ายเธอก็ไปตรวจดูที่จุดรับภารกิจว่ามีภารกิจอะไรง่ายๆ และได้คะแนนคุณงามความดีเยอะๆ บ้าง ขณะกำลังตรวจดูกระดานภารกิจ ในที่สุดสายตาก็หยุดลงบนภารกิจสองสามอย่างด้านบนสุด
ภารกิจแรกคือคุ้มกันการส่งสิ่งของ กำหนดว่าต้องมีวรยุทธ์ระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณ คะแนนคุณงามความดีห้าร้อย ภารกิจที่สองคือรวบรวมมณีเพลิงจากอสูรเพลิงเขาเดียวในเทือกเขาหมื่นอสูร มณีเพลิงทุกหนึ่งเม็ดเท่ากับคะแนนคุณงามความดีห้าร้อย ระยะเวลาหนึ่งเดือน
อ่านถึงภารกิจที่สอง เธอก็สนใจขึ้นมาทันที อสูงเพลิงเขาเดียวเป็นสัตว์วิญญาณระดับเจ็ด เพราะว่องไวนัก คิดจะจับจึงยากมาก หนำซ้ำอสูรเพลิงเขาเดียวหนึ่งตัวปีหนึ่งจะผลิตมณีเพลิงได้แค่เม็ดเดียว ทว่าอสูรเพลิงเขาเดียวในเทือกเขาหมื่นอสูรต้องมีมากกว่าตัวเดียวแน่! จำนวนยิ่งมาก จะเก็บคะแนนคุณงามความดีห้าพันได้ก็ง่ายมากไม่ใช่หรือ?
เฟิ่งจิ่วตัดสินใจแน่วแน่ รับภารกิจนั้นมาทันที เธอลงชื่อไว้บนกระดานภารกิจ ก่อนจะกลับอาศรมไปเตรียมตัว เธอไม่คิดพาเหล่าไป๋ไปด้วย แม้แต่อสูรกลืนเมฆาในห้วงมิติยังโดนเรียกออกมา วางแผนว่าจะเลี้ยงปล่อยๆ ให้พวกมันเฝ้าอาศรมและหาอาหารกินเอง
หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อย และกำชับสองอสูรอีกหลายครั้ง ถึงค่อยออกจากสำนักยาเซียนอย่างฮึกเหิม มุ่งไปยังเทือกเขาหมื่นอสูรตามที่แผนที่ระบุ
หลังจากเฟิ่งจิ่วออกไปไม่นาน กวนสีหลิ่นสอบถามมาว่านางอยู่สำนักยาเซียน ดังนั้นจึงเข้ามาหาและพบอาศรมนางจากการถามไถ่ กลับเห็นว่ามีค่ายกลตั้งไว้เข้าไปไม่ได้ แต่เห็นเหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาอยู่รอบๆ อาศรม
“อสูรกลืนเมฆา เสี่ยวจิ่วเล่า?” เขารู้ว่าอสูรกลืนเมฆาที่บรรลุเป็นสัตว์เทวะเอ่ยปากพูดคุยได้แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงถามไป
อสูรกลืนเมฆาที่นอนบนพื้นหญ้าอย่างเกียจคร้านเหลือบมองเขา จากนั้นตอบว่า “นายท่านไปทำภารกิจ อีกหนึ่งเดือนถึงจะกลับมา”
………………………………………………….