เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 649 ขโมยกิน + ตอนที่ 650 พรหมลิขิตบนและใต้ต้นไม้
ตอนที่ 649 ขโมยกิน
ได้ยินเช่นนี้ กวนสีหลิ่นตกใจเล็กน้อย เพิ่งเข้าสำนักศึกษาก็ออกไปทำภารกิจแล้ว?
เขารู้ว่าภายในสำนักศึกษานี้มีหลายอย่างต้องการคะแนนคุณงามความดี แต่นางคงไม่ค่อยต้องการของพวกนี้กระมัง? ถึงแม้ต้องการก็ไม่น่ารีบร้อนเพียงนี้?
ชะงักไปสักพัก เขาถามว่า “เช่นนั้นนางบอกหรือเปล่าว่าไปที่ไหน ทำไมต้องหนึ่งเดือน?”
“ไม่ได้บอก” มันนอนไม่ขยับ ไม่สนใจเขาอีก
เห็นเช่นนี้กวนสีหลิ่นจึงไม่ถามอะไรมาก อยู่ในสำนักศึกษาปกติก็ไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของนาง เดิมแค่อยากคุยด้วยเสียหน่อย ตอนนี้กลับต้องรออีกหนึ่งเดือน
“เช่นนั้นข้าไปละ นางกลับมาเจ้าก็บอกนางด้วยว่าข้ามาหา และเข้าเรียนที่สำนักพลังวิญญาณ รอมีเวลาข้าจะเข้ามาหานางอีก” หลังจากทิ้งคำพูดไว้เขาก็หมุนตัวจากไป ก่อนหน้านี้รีบมาหานางจึงไม่ได้สังเกตอะไรมาก ยามนี้เพิ่งเห็นว่าที่พักนางห่างไกลมากทีเดียว
ไม่เพียงแค่นี้ ตั้งแต่เข้าเดินเข้าสำนักยาเซียนนี้มาก็ไม่เจอนักเรียนในสำนักเลย ซ้ำยังตามหาผู้ดูแลซุนคนนั้นอย่างยากเย็น เทียบกับความคึกคักมีชีวิตชีวาในสำนักพลังเร้นลับพวกเขา ที่นี่ช่างเหมือนกับสถานที่ที่ถูกลืมเลยจริงๆ
เวลาเดียวกันนี้ เฟิ่งจิ่วที่มุ่งไปยังเทือกเขาหมื่นอสูรอยู่เพียงลำพัง ขณะกำลังเตรียมจะข้ามภูเขาไป กลิ่นหอมเนื้อก็ลอยมาตามสายลมหนาว และหยุดฝีเท้าเธอไว้เสียดื้อๆ
“หอมมาก!” ดวงตาเธอเป็นประกาย กลืนน้ำลายลงคอ
ของกินสองวันนี้คือพวกขนมอบในห้วงมิติ แม้แต่น้ำแกงเธอยังไม่ได้กิน ยามนี้ได้กลิ่นหอมเช่นนี้ รู้สึกเพียงว่าน้ำลายไหล จึงไปตามกลิ่นหอมนั้นทันที
เมื่อเธอตามกลิ่นหอมนั้นไป เห็นนอกเรือนแห่งหนึ่งแขวนแผ่นป้ายไม้ไว้และเขียนว่า ‘ห้องครัวสำคัญ ไม่มีกิจห้ามเข้า’ ก็กลืนน้ำลายอย่างอดไม่อยู่
นี่คือสถานที่ทำอาหารให้เหล่าอาจารย์สำนักศึกษาโดยเฉพาะ!
เธอได้กลิ่นหอมนั้น ท้องก็ร้องโครกครากขึ้นมา เดิมทียังไม่รู้สึกหิว ตอนนี้กลับหิวอย่างมาก
เธอเก็บกลิ่นอายพลางชะโงกหน้ามองเล็กน้อย เห็นแต่ภายในห้องครัวกว้างขวางมีแค่คนสองคนกำลังยุ่งวุ่น เหมือนว่าสองคนนั้นจะเป็นพ่อครัว ทุกเรื่องล้วนต้องผ่านมือทั้งสอง แต่ด้านนอกห้องครัวกลับมีลูกมือสิบกว่าคนคอยส่งผักและเนื้อที่เตรียมไว้ไปด้านใน เห็นกับข้าวแต่ละอย่างที่ทอดเสร็จวางเรียงไว้บนโต๊ะในห้องครัว ในที่สุดเธอก็วนไปด้านหลังห้องครัวอย่างทนไม่ไหว แล้วสบโอกาสที่ไม่มีคนสังเกตลอบกระโจนเข้าไปจากทางหน้าต่างและหลบอยู่ใต้โต๊ะ
เธอแอบชะโงกหัวออกมามองรอบๆ เห็นพ่อครัวสองคนนั้นไม่ได้สังเกตทางนี้เลย ซ้ำลูกมือด้านนอกยังมองไม่เห็นตรงนี้ ดังนั้นมือหนึ่งจึงยื่นออกไปสำรวจบนโต๊ะเงียบๆ จากนั้นยกไก่ย่างตัวหนึ่งบนโต๊ะยัดเข้าห้วงมิติไปทั้งจาน
ฝีเท้าย่องขยับไปเล็กน้อย เปิดฝาหม้อตุ๋นใบใหญ่เบาๆ เห็นพ่อครัวสองคนกำลังพูดคุยกัน เธอจึงรีบคว้าหม้อใบข้างๆ ที่ใส่นกพิราบลงไปได้ตัวหนึ่งมา หลังจากเติมน้ำแกงกับเนื้อจนเต็มก็ซ่อนไว้ในห้วงมิติ
เมื่อเห็นน้ำแกงตุ๋นที่เหลือไม่ถึงครึ่ง เธอก็คิดไปคิดมา ก่อนจะตักน้ำจากข้างๆ เทลงไปด้วย อืม แล้วตุ๋นต่อไปอีก แม้รสชาติจะอ่อนลงไปบ้างก็เป็นน้ำแกงเหมือนกัน
“คุณชายโม่เฉินที่มาใหม่ท่านนั้นจะกินอาหารยังเลือก ตอนเที่ยงส่งอาหารเข้าไปสิบสองอย่างก็ส่งกลับมาแทบจะไม่ได้แตะเลย เจ้าสำนักยังกำชับพวกเราว่าต้องทำอย่างละเอียด คำพูดนี้ทำตามไม่ง่ายเลยจริงๆ!”
“ไม่เป็นไรหรอก แกงนกพิราบวิญญาณแปดขุมทรัพย์หม้อที่ตุ๋นวันนี้ต้องทำให้เขาพอใจแน่นอน พวกเราตุ๋นมาตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ เจ้าลองดมกลิ่นซิ ฝาหม้อปิดไว้ได้กลิ่นกลิ่นหอมนั้นยาก”
………………………………………………….
ตอนที่ 650 พรหมลิขิตบนและใต้ต้นไม้
พ่อครัวคนนั้นหลับตาลงเล็กน้อยพลางสูดหายใจเข้าลึก เพื่อดมกลิ่นหอมของน้ำแกงวิญญาณที่อยู่ในอากาศด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม
เฟิ่งจิ่วได้ยิน มุมปากก็กระตุก ปิดฝาหม้ออย่างรีบร้อน ของที่เธอหยิบมามีหลายอย่าง เดาว่าคงเตรียมให้อาจารย์ทุกคนเหมือนๆ กัน บางอย่างน้อยสุดมีแค่ชุดเดียว พวกที่มีแค่หนึ่งชุดเธอหยิบไปหมดไม่ได้ จึงหยิบแค่ครึ่งเดียว
สุดท้ายหลังจากเธอตักข้าววิญญาณมาเต็มๆ หนึ่งโถ ถึงจะหนีไปด้านหลังอย่างเงียบเชียบ…
“หือ? ขาหมูน้ำแดงที่รองเจ้าสำนักสั่งทำ ทำไมถึงเหลือแค่ตัวเดียว?”
“เนื้อวิญญาณผัดเห็ดสนจานนี้ของเจ้าสำนัก ทำไมถึงพร่องไปกว่าครึ่ง? ข้าจำได้ชัดเจนว่ามีมาเต็มจาน”
ได้ยินคำพูดพ่อครัวคนนั้น พ่อครัวอีกคนก็ยิ้มเอ่ยว่า “เจ้ายุ่งจนลืมหรือเปล่า ที่นี่ไม่มีใครกล้าเจ้ามาวุ่นวาย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราสองคนอยู่ที่นี่ จะเข้ามาขโมยของในห้องครัวยิ่งเป็นไปไม่ได้”
ต้องรู้ไว้ว่า แม้พวกเขาสองคนเป็นพ่อครัวแต่ก็มีวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐาน ใครจะกล้าเข้ามาขโมยของในห้องครัวภายใต้สายตาพวกเขา?
“อืม นี่ก็ใช่ ข้าอาจจะจำผิดไป” พ่อครัวคนนั้นหัวเราะพลางส่ายหน้ามองไปยังน้ำแกงหม้อใหญ่ เมื่อเปิดน้ำแกงนั้นกลับเห็นว่าไม่มีแม้แต่ควันพวยพุ่งขึ้นมา จึงอึ้งไปสักพักทันที ก่อนจะก้มไปดูไฟด้วยสีหน้าแปลกๆ
เขาจำได้ว่าน้ำแกงนี้เพิ่งเสร็จเมื่อครู่ แค่อุ่นไว้ตลอด ทำไมตอนนี้กลับไม่มีแม้แต่ไอร้อนสักนิด?
อีกด้านหนึ่ง หลังออกจากห้องครัวมา เฟิ่งจิ่วก็มุ่งไปยังทิศทางเทือกเขาหมื่นอสูร เรียกพลังพุ่งไปด้วยความเร็วสูง และหายไปท่ามกลางป่าเขาในไม่กี่ชั่วครู่ จนกระทั่งมาถึงสถานที่ไร้ผู้คน ถึงจะหยิบอาหารที่ฉวยมาจากห้องครัวออกจากห้วงมิติมาวางเรียงบนพื้นทีละอย่างๆ
“นึกไม่ถึงเลย! ว่าวันหนึ่งห้วงมิตินี้จะมีประโยชน์เช่นนี้ด้วย” เธอถอนหายใจเบาๆ มองอาหารสิบกว่าอย่างกับน้ำแกงตุ๋นหนึ่งหม้อตรงหน้าที่เต็มไปหมด แล้วยิ้มเสียจนไม่เห็นแม้แต่ดวงตา
“นี่ไม่ยุติธรรมหรือเปล่า? นักเรียนไม่มีกิน คนเป็นอาจารย์อาหารที่กินยังไม่ใช่ของทั่วไป ทั้งหมดเป็นพวกเนื้อวิญญาณเอย โสมวิญญาณเอย ไก่วิญญาณเอย หากข้าไม่ช่วยพวกเจ้าแบ่งใครจะแบ่งเล่า? เฮ้อ!”
เธอส่ายหน้าด้วยสีหน้าภูมิใจ ม้วนแขนเสื้อขึ้นทันที จากนั้นเริ่มดื่มน้ำแกงแสนหอมหวนก่อน พอน้ำแกงเข้าปากกลิ่นหอมอบอวลก็กระจายบนปลายลิ้นพร้อมกับกลิ่นอายพลังวิญญาณ น้ำแกงลงท้องไปไม่กี่คำ เพียงรู้สึกว่าพลังวิญญาณไหลไปยังจุดตันเถียน หล่อเลี้ยงเม็ดบัวเขียวตรงจุดตันเถียนของเธอ
“จิ๊ๆ หอมจริงๆ! นี่หรือของที่คุณชายโม่เฉินอะไรนั่นกิน? แหะๆ หม้อแรกอยู่กับข้าตรงนี้แล้ว เจ้าก็กินส่วนที่ข้าผสมน้ำแก้ขัดไปแล้วกัน!”
เธอไม่รู้เลยว่าบนต้นไม่ใหญ่ด้านหลังตรงที่นั่งอยู่นั้น มีร่างสีขาวกำลังนั่งด้านบนและมองเธอที่อยู่ใต้ต้นไม้เงียบๆ
แววตาลึกล้ำที่สงบนิ่งเฉยชากำลังมองเด็กหนุ่มที่มานั่งขัดสมาธิใต้ต้นไม้ หยิบอาหารสิบกว่าอย่างออกจากในห้วงมิติ อาหารพวกนั้นบางอย่างเป็นอาหารอย่างเดียวทั้งหมด บางอย่างกลับเป็นอาหารสองอย่างรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เมื่อเห็นหนุ่มน้อยคนนั้นซดน้ำแกงพลางเอ่ยคำพูดประโยคสุดท้ายอย่างพอใจยิ่ง นัยน์ตาโม่เฉินบนต้นไม้ก็ฉายประกาย
เขามองหนุ่มน้อยม้วนแขนเสื้อฉีกน่องไก่วิญญาณกินไปคำโต พลางพูดว่าหิวแทบตาย ตั้งแต่เข้าสำนักศึกษายังไม่เคยกินอะไรดีๆ สักมื้อเลย จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ
เขาจำหนุ่มน้อยคนนี้ได้ เป็นหนุ่มน้อยชุดแดงคนนั้นใต้ต้นไม้หน้าสำนักศึกษา แต่นึกไม่ถึงว่าจะมาพบกันที่นี่อีก หนำซ้ำยังเป็นใต้ต้นไม้ เสียแต่ว่าครั้งนี้กลับเห็นอีกฝ่ายมาขโมยของกินที่นี่
………………………………………………….