เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 663 ทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่ายๆ + ตอนที่ 664 เสี่ยวเฮยที่เชื่อฟังเฟิ่งจิ่ว
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 663 ทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่ายๆ + ตอนที่ 664 เสี่ยวเฮยที่เชื่อฟังเฟิ่งจิ่ว
ตอนที่ 663 ทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่ายๆ
ยามนี้ หญิงชุดขาวคนนั้นหลังต้นไม้ไม่ไกลก็มองภาพตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว นึกไม่ถึงว่าหมีดำตัวใหญ่ระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นจะฟังคำพูดจากเด็กหนุ่มและกดร่างเยี่ยจิงลงบนพื้นอย่างว่าง่าย
นางจำได้ว่าเด็กหนุ่มชุดฟ้าคือเจ้าคนบ้ากามที่เอาเปรียบเยี่ยจิงบนถนนใหญ่วันนั้น!
ทว่าได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลืออย่างตื่นตระหนกของเยี่ยจิง แล้วเห็นท่าทางที่นางโดนกดร่างไว้บนพื้น แม้จะถูกหมีดำตัวใหญ่บังไว้จนเห็นไม่หมด แต่จากเสียงที่ตื่นตกใจและร้องให้ช่วยก็ฟังออกได้ ว่าเจ้าคนบ้ากามนั่นกำลังจะ… จะทำอย่างนั้น… กับนาง…
ฝ่ามือนางมีเหงื่อไหลออกมา หัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่งด้วยความตึงเครียด หากเยี่ยจิงเสียความบริสุทธิ์ที่นี่ เช่นนั้น…
“กรร!”
ทันใดนั้นหมีดำตัวใหญ่ก็หันหน้าไปคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เขี้ยวแหลมคมที่แยกให้เห็นนั้นเห็นแล้วชวนให้หัวใจหนาวสั่น แรงกดดันอสูรศักดิ์สิทธิ์ถูกปล่อยกวัดแกว่งออกไปราวกับลายน้ำ ไป๋รั่วเฟยที่หลบอยู่หลังต้นไม้ตกใจเสียจนวิ่งหนีไปอย่างไม่กล้าอยู่ต่อ
ไม่ว่าเยี่ยจิงจะเป็นหรือตาย จะเสียบริสุทธิ์หรือไม่ นั่นก็ไม่เกี่ยวกับไป๋รั่วเฟยแล้ว
เฟิ่งจิ่วเห็นหญิงชุดขาวคนนั้นหนีไป มุมปากยกขึ้นมองเยี่ยจิง บอกว่า “นี่ เพื่อนเจ้าคนนั้นหนีไปแล้ว”
เยี่ยจิงที่ตกอยู่ในความกลัวได้ยินคำพูดนี้ก็ตกใจ “จะ เจ้าว่าอะไรนะ?” ยามนี้ยังลืมแม้แต่จะดิ้นรนต่อสู้
“หญิงที่ยืนข้างกายเจ้าบนถนนใหญ่ครั้งนั้น เพิ่งได้ยินเสียงเจ้าร้องขอความช่วยเหลืออยู่ตรงนั้นเอง แต่ตอนนี้หนีไปแล้ว” เธอกล่าวพลางตรวจดูข้อเท้านาง จึงเห็นว่าแพลงโดนแค่เส้นเอ็นไม่ได้บาดเจ็บถึงกระดูก ก่อนจะหยิบยามาทาให้ นวดไปสักพักน้ำยาก็ซึมเข้าผิวหนังไปบรรเทาอาการตรงเอ็นข้อเท้า
เยี่ยจิงตัวแข็งทื่อ ไม่สนใจการกระทำทั้งนวดทั้งกดของเฟิ่งจิ่วโดยสิ้นเชิง ห้วงความคิดกำลังคิดว่ารั่วเฟยได้ยินเสียงนางร้องขอความช่วยเหลือจริงๆ หรือ? เช่นนั้นหรือว่าไปตามคนมาช่วย?
ที่ผ่านมานางไม่เคยนึกถึงเพื่อนในด้านที่เห็นคนลำบากแล้วไม่ยอมช่วย คิดว่าที่นี่มีเจ้าบ้ากามคนนี้ ซ้ำยังมีหมีดำตัวใหญ่ระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้น รั่วเฟยไม่กล้าเข้ามาช่วยนางก็เป็นเรื่องปกติ น่าจะไปตามกำลังเสริมมา
“เสร็จแล้ว” เฟิ่งจิ่วลุกยืนขึ้นถอยออกมา แล้วให้สัญญาณว่า “เสี่ยวเฮย ปล่อยนางซะ”
หมีดำตัวใหญ่ร้องคำรามและปล่อยมือออกอย่างเชื่องๆ อยากจะไปแต่ยังแอบมองเฟิ่งจิ่ว เห็นนางกำลังยิ้มหยีตามองมัน จึงตกใจจนหมอบนั่งข้างๆ อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
เยี่ยจิงที่นอนบนพื้นได้ยินเสียงก็ได้สติกลับมา มองเด็กหนุ่มที่ถอยออกไปแล้ว สายตาหยุดลงบนข้อเท้าที่ทายาและพันแผลไว้ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที มีทั้งความกระอักกระอ่วน รู้สึกเสียใจ และคาดไม่ถึงอยู่บ้าง
ดูท่าทางนางจะเข้าใจหนุ่มน้อยคนนี้ผิดไปจริงๆ
“ขอโทษ” นางก้มหน้าเล็กน้อยพลางพูดอย่างเสียใจ
“ไม่เป็นไร ใครใช้ให้ข้าหน้าตาเหมือนคนหื่นกามเล่า!” เฟิ่งจิ่วโบกมือถอนหายใจเอ่ย
ได้ยินเช่นนี้สีหน้าเยี่ยจิงก็แดงก่ำ ศีรษะยิ่งก้มต่ำลง “ขอโทษด้วย ข้ามะ ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าใจเจ้าผิดจริงๆ”
“รู้แล้วๆ ใครใช้ให้ข้าจับหน้าอกเจ้าตั้งแต่เจอกันครั้งแรกล่ะ! เจ้าจะเข้าใจผิดก็ปกติ” เธอกล่าวไปด้วยความปากไว แม้เป็นเรื่องจริง แต่ได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่รู้สึกอะไร ถึงอย่างไรผู้หญิงสองคนก็ไม่มีอะไรต้องอายกัน
แต่เยี่ยจิงกลับแตกต่าง ได้ยินคำนี้ทั้งใบหน้ายิ่งแดงจนเหมือนกุ้งต้มสุก รีบเงยหน้ามองหนุ่มน้อยโดยเร็ว กลับเห็นท่าทางเขาเฉยเมย ชัดเจนว่าไม่ตั้งใจจะกล่าวถึงเช่นนั้น จึงกัดฟันก้มหน้าลงทันควัน
ข้างกายนางไม่เคยเจอคนอย่างหนุ่มน้อยคนนี้มาก่อนเลย
……………………
ตอนที่ 664 เสี่ยวเฮยที่เชื่อฟังเฟิ่งจิ่ว
“เจ้าทำให้เสี่ยวเฮยโกรธได้อย่างไร ช่วงนี้มันว่านอนสอนง่ายไม่ทำร้ายมนุษย์ ทำไมถึงไล่ตามเจ้าไม่ปล่อย?” เฟิ่งจิ่วเดินเข้าไปถามพลางตบๆ หมีดำตัวใหญ่ที่หมอบนั่งอย่างเชื่อฟัง
“สะ เสี่ยวเฮย?” เยี่ยจิงมองหมีดำตัวใหญ่สูงสองสามเมตรตัวนั้น หนังตากระตุก นั่นเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์แสนสง่างาม มองไม่ออกจริงๆ ว่าเล็กน้อยตรงไหน
“อืม เสี่ยวเฮย ข้าช่วยมันไว้ เจ้าอย่ามองที่รูปลักษณ์เชียว จริงๆ แล้วมันเป็นแค่เจ้ายักษ์โง่” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยีมองพลางตบๆ หมีดำตัวใหญ่ เห็นมันก้มหน้าลงส่งเสียงร้องก็หยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาวางบนฝ่ามือทันที
“นี่ กินสิ!”
เมื่อหมีดำตัวใหญ่เห็นยาอายุวัฒนะบนฝ่ามือ ดวงตาเป็นประกาย อ้าปากพุ่งไปข้างหน้าทันที
เยี่ยจิงมองภาพเช่นนี้แล้วหวั่นๆ ใจ มือเด็กหนุ่มคนนั้นคงไม่โดนกัดกระมัง? ทว่าภาพนั้นที่นางเป็นกังวลไม่ได้เกิดขึ้น แต่หมีดำตัวใหญ่ตวัดลิ้นกินยาเม็ดนั้นไป ขณะเดียวกันยังยื่นลิ้นออกไปจะเลียหน้าเด็กหนุ่ม
เฟิ่งจิ่วยิ้มพลางหันหน้าหนี บอกว่า “อย่าสร้างปัญหาน่า นั่งดีๆ”
เยี่ยจิงมองด้วยความประหลาดใจ สายตาพินิจมองไปบนร่างเฟิ่งจิ่ว เห็นเขาสวมเครื่องแบบนักเรียนสำนักศึกษาหมอกดารา จึงเอ่ยถามทันที “เจ้าเป็นนักเรียนสำนักยาหรือ? เพิ่งเข้ามาปีนี้สินะ?” สำนักยาและสำนักยาเซียนต่างสวมชุดสีฟ้า ว่ากันว่าสำนักยาเซียนปีนี้รับมาแค่คนเดียว คิดแล้วไม่น่าจะใช่หนุ่มน้อยคนนี้ เช่นนั้นเขาคงอยู่สำนักยา
“อืม ข้าเพิ่งเข้ามาปีนี้” เฟิ่งจิ่วกล่าวจบก็ปัดๆ ชุดคลุมบนร่างพลางบอก “ข้าต้องกลับไปแล้ว เจ้าล่ะ?”
เยี่ยจิงได้ยินดังนั้น มือก็จับไปบนข้อเท้าทันควันแล้วส่ายหน้า “ข้าเดินไม่ได้”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเดินไม่ได้ จึงจะถามว่าอยากให้ข้าไปส่งหรือไม่?”
“ไปส่งอย่างไร?” เยี่ยจิงมองเด็กหนุ่มอย่างตกใจเล็กน้อย
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนางก็เผยรอยยิ้มออกมา พร้อมตบๆ หมีดำตัวใหญ่ข้างกาย “เสี่ยวเฮย อุ้มนางขึ้นมา”
“กรร!”
หมีดำตัวใหญ่ที่เพิ่งกินของหวานไปร้องขานรับ เข้ามาอุ้มมนุษย์ที่เป็นเพียงจุดเล็กๆ ในสายตามันขึ้นมา จากนั้นค่อยมองไปทางเฟิ่งจิ่ว
“ไปกันเถอะ!” อยู่ที่นี่มาครึ่งเดือนกว่า เก็บสะสมมณีเพลิงมาไม่น้อย มากพอที่เธอจะไปแลกของในหอสวรรค์แล้ว
“เดี๋ยวๆ” เยี่ยจิงที่โดนหมีดำตัวใหญ่อุ้มไว้มองไปหาเฟิ่งจิ่วอย่างไม่กล้าขยับเขยื้อน “เพื่อนข้าคนนั้น…” ยังเอ่ยไม่ทันจบก็เห็นหนุ่มน้อยเบ้ปากตัดบทนาง
“ดูแลตัวเองดีๆ เถอะ! เพื่อนเจ้าคนนั้นฉลาดกว่าเจ้ามาก” เฟิ่งจิ่วเรียกพลังพุ่งไปข้างหน้าและหลัง ส่วนหมีดำตัวใหญ่ด้านหลังก็วิ่งตามเฟิ่งจิ่วไป
ผ่านไปหนึ่งวัน ทั้งสองก็ออกจากเทือกเขาหมื่นอสูร
เฟิ่งจิ่วมองเยี่ยจิงที่หลับไปในอ้อมแขนเสี่ยวเฮย คิดๆ แล้วบอกว่า “เสี่ยวเฮย เป็นคนดีต้องทำให้ถึงที่สุด ส่งนางกลับไปสำนักพลังวิญญาณเถอะ!”
หมีดำตัวใหญ่นิ่งมองนาง ไม่รู้ว่าสำนักพลังวิญญาณอยู่ที่ไหน
ทว่าเธอยังลูบคางครุ่นคิด กล่าวว่า “ช่างมันแล้วกัน ไปกับข้าก่อนเถอะ! เจ้าเด่นสะดุดตาเกินไป หากไปสำนักพลังวิญญาณก็ไม่รู้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง” ดังนั้นสุดท้ายจึงพาหมีดำตัวใหญ่ไปยังอาศรมของเธอ
หลังจากวางเยี่ยจิงที่หลับสนิทไว้ในอาศรมและเดินออกมา กลับเห็นหมีดำตัวใหญ่นั่นยังหมอบนั่งอยู่หน้าอาศรมไม่จากไป จึงอดแปลกใจไม่ได้ “เสี่ยวเฮย ทำไมเจ้ายังอยู่ที่นี่? รีบๆ กลับไปสิ!”
“กรร” หมีดำตัวใหญ่คำรามเบาๆ แล้วยื่นอุ้งมือใหญ่ออกไปตบพื้นหญ้า
เฟิ่งจิ่วเห็นก็ตาค้างไปบ้าง “จะ เจ้าคงไม่ได้อยากบอกว่าเจ้าไม่อยากกลับไป แต่อยากอยู่ต่อกระมัง?”
………………………………………………….