เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 665 ไม่ได้ทำเรื่องดี + ตอนที่ 666 เจ้าหนู เจ้ามาจากสำนักยาหรือ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 665 ไม่ได้ทำเรื่องดี + ตอนที่ 666 เจ้าหนู เจ้ามาจากสำนักยาหรือ
ตอนที่ 665 ไม่ได้ทำเรื่องดี
“กรร!” หมีดำตัวใหญ่คำรามเสียงเบา แล้วคลอเคลียเฟิ่งจิ่ว เดิมทีมันกลัวนางมาก แต่ที่นี่มียาเม็ดพวกนั้นให้กินเรื่อยๆ จึงไม่อยากกลับไป
เฟิ่งจิ่วตาค้าง นิ่งอึ้งไปสักพัก “นะ นี่ไม่ค่อยดีกระมัง?”
สัตว์อสูรเธอมีไม่น้อยแล้ว ไม่ต้องการได้หมีดำตัวใหญ่มาอีกตัวจริงๆ! หนำซ้ำมันยังเดินกรีดกรายไปตามตลาดเป็นพาหนะเช่นเหล่าไป๋ไม่ได้ หดตัวเล็กลงเท่าลูกหนังเหมือนอสูรกลืนเมฆาก็ไม่ได้ และยิ่งไม่อาจแปลงกายเป็นเด็กน้อยตัวอ้วนอย่างหงส์ไฟน้อย จึงไม่อยากเก็บมันไว้จริงๆ
“กรร!”
ทันใดนั้นมันลุกยืนขึ้น สองอุ้งมือทุบตีหน้าอกตนเองอย่างแรงจนเกิดเสียงดังตุบๆๆ คล้ายจะบอกเธอว่ามันแข็งแกร่งมาก
“หยุดๆๆ” เธอรีบเร่งห้ามปราม แม้บอกว่าที่นี่ไม่มีใคร แต่การทุบตีเช่นนี้ก็น่ากลัวแปลกๆ
เธอถอนหายใจ คิดๆ แล้วบอกว่า “เช่นนี้แล้วกัน! เจ้าไม่อยากกลับไปก็ช่วยข้าเฝ้าอาศรมอยู่ที่นี่ชั่วคราว! เดี๋ยวทีหลังเจ้าอยากกลับไปก็ไป ข้าจะไม่รั้งเจ้าไว้ ตอนนี้เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่อย่างว่าง่าย ข้าต้องไป…”
ยังพูดไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงกีบม้ากับอสูรกลืนเมฆาดังมา
“นายท่าน”
เฟิ่งจิ่วหันกลับไป เห็นอสูรกลืนเมฆาหมอบบนอยู่หลังเหล่าไป๋ จึงแปลกใจโดยฉับพลัน ทำไมเหล่าไป๋ถึงยอมให้อสูรกลืนเมฆานอนบนหลังมัน? หนำซ้ำไม่เจอกันแค่ครึ่งเดือน สัตว์สองตัวนี้ไม่เห็นผอมลงกลับยังอ้วนพีได้อย่างไร?
“ช่วงนี้พวกเจ้าทำเรื่องอะไรดีๆ มา? ข้าสั่งพวกเจ้าเฝ้าอาศรมไว้ไม่มีเรื่องอะไรก็อย่าวิ่งเพ่นพ่านไม่ใช่หรือ?” สายตาเธอหยุดลงบนร่างอสูรกลืนเมฆา เทียบกับเหล่าไป๋ที่ได้แต่พ่นลมหายใจแล้ว อสูรกลืนเมฆายังพูดจาได้
“นายท่าน พวกเราไม่ได้ทำเรื่องดีอะไร” อสูรกลืนเมฆาเอ่ย ดวงตาเผยความดุร้ายจ้องมองบนร่างหมีดำตัวใหญ่ที่หดตัวถอยไปด้านหลังนายท่าน
“กรร” หมีดำตัวใหญ่พลันหมอบลงไปหลบด้านหลังเฟิ่งจิ่วตัวสั่นเทา ในเทือกเขาหมื่นอสูรมันเป็นราชา มาถึงที่นี่กลับเห็นว่ามีสัตว์เทวะด้วย…
“ไม่ได้ทำเรื่องดี เช่นนั้นคงทำเรื่องแย่สินะ?” เฟิ่งจิ่วกวาดมองอสูรกลืนเมฆา คิดว่าสำนักยาเซียนนี้ไม่มีอะไรที่พวกมันจะทำพังเสียหายได้
“นายท่าน พี่ชายท่านมาหา บอกว่าเขาอยู่สำนักพลังเร้นลับ” อสูรกลืนเมฆารีบร้อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา จากนั้นค่อยหมอบลงบนหัวเหล่าไป๋ไม่กล้าเงยหน้า
เห็นเช่นนี้เฟิ่งจิ่วจึงเลิกคิ้ว ไม่ถามพวกมันให้มากความอีกว่าช่วงนี้ก่อเรื่องอะไรไว้กันแน่ แต่หลังจากกำชับไม่กี่ประโยคก็ไปยังจุดแลกเปลี่ยน คิดจะนำมณีเพลิงไปแลกของดีๆ สักสองสามชิ้นที่หอสวรรค์ แล้วค่อยไปดูกวนสีหลิ่นที่สำนักพลังเร้นลับ
อสูรกลืนเมฆาเห็นนางจากไปก็ลอบถอนหายใจ ยามนี้สายตามันหยุดลงบนร่างหมีดำตัวใหญ่ที่หดหัวอยู่หลังต้นไม้…
เฟิ่งจิ่วยืนอยู่ที่จุดแลกเปลี่ยนของสำนักศึกษา มองผู้ดูแลวัยกลางคนตรงจุดแลกเปลี่ยน ถามว่า “ขออนุญาตถามขอรับ มณีเพลิงจำนวนมากแลกคะแนนคุณงามความดีได้เลยหรือเปล่า?”
“ได้สิๆ แค่เจ้านำออกมาพวกเราจะเก็บไว้ และคะแนนคุณงามความดีจะนับเท่ากับบนกระดานภารกิจ” ผู้ดูแลวัยกลางคนตอบอย่างเฉยชา ไม่คิดด้วยซ้ำว่าเด็กหนุ่มเช่นนี้จะนำมาเท่าไรได้ ต้องรู้ไว้ว่ามณีเพลิงของอสูรเพลิงเขาเดียวหนึ่งปีจะมีแค่หนึ่งชิ้น ยิ่งไปกว่านั้นอสูรเพลิงปกป้องมณีเพลิงเม็ดนั้นอย่างกับอะไรดี จะได้มาง่ายๆ เพียงนั้นได้อย่างไร?
ทว่าเมื่อเฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดเขา ก็หยิบมณีเพลิงพวกนั้นออกมาจากถุงฟ้าดินทันที ชายวัยกลางคนตรงจุดแลกเปลี่ยนตาค้างทันใด แม้แต่นักเรียนที่ต่อแถวรอส่งภารกิจด้านหลังแต่ละคนยังจับจ้องมณีเพลิงกองเท่าภูเขาเล็กนั้นด้วยความตะลึงไม่สิ้นสุด พูดอะไรไม่ออกกันไปสักพัก…
………………………………………………….
ตอนที่ 666 เจ้าหนู เจ้ามาจากสำนักยาหรือ?
เฟิ่งจิ่วผลักมณีเพลิงกองเท่าภูเขาเล็กไปข้างหน้า “ทั้งหมดสามพันเก้าร้อยแปดสิบเม็ด เชิญขอรับ”
ชายวัยกลางคนผู้นั้นกลืนน้ำลาย มองหนุ่มน้อยตรงหน้าด้วยท่าทีแปลกๆ “นะ นี่เจ้าเก็บมาเองทั้งหมดหรือ?”
“ใช่ขอรับ!”
เธอแทบจะจับสัตว์วิญญาณธาตุไฟในเทือกเขาหมื่นอสูรมาเรียบ ถึงจะเก็บมามากมายเพียงนี้ แต่คิดว่าน่าจะพอแล้ว มาแลกคะแนนคุณงามความดีที่นี่ได้เกือบสองล้าน และไม่ต้องไปทำภารกิจอีกนาน หนำซ้ำไม่ต้องจ่ายเงินก็แลกของล้ำค่าได้ ช่างคุ้มค่านัก
“เฮือก! เป็นไปได้อย่างไร! เขาสวมชุดสีฟ้าเป็นนักเรียนสำนักยาสินะ? สำนักยาไม่มีแรงแม้แต่จะจับไก่มัด แล้วจะเก็บมณีเพลิงมามากมายเพียงนี้ได้เช่นไร?”
“ก็ใช่ พวกนี้ต้องเป็นสัตว์วิญญาณธาตุไฟระดับหกขึ้นไปถึงจะกลั่นมณีเพลิงออกมาได้ ที่เทือกเขาหมื่นอสูรนั่นระดับต่ำสุดมีแต่อสูรเพลิงเขาเดียว ความเร็วของอสูรตนนี้ว่องไวนัก ไม่ใช่อสูรที่คนทั่วไปจะจับได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแกะมณีเพลิงจากพวกมันเลย”
ยามนี้นักเรียนระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณคนหนึ่งด้านหลังชะงักไปเล็กน้อย แล้วตะโกนขึ้นมา
“ข้ารู้แล้ว! เขาต้องใช้ยากับอสูรวิญญาณพวกนั้นเป็นแน่ ข้าออกไปทำภารกิจที่เทือกเขาหมื่นอสูร หลายวันนี้พบว่ามณีเพลิงของสัตว์วิญญาณธาตุไฟระดับหกขึ้นไปล้วนโดนคนแกะไปตลอด หนำซ้ำสัตว์วิญญาณพวกนั้นแต่ละตัวยังซูบผอมลงไปรอบใหญ่ ท่าทางทนทุกข์ทรมาน เขาต้องเป็นคนทำแน่ๆ!”
เฟิ่งจิ่วด้านหน้าได้ยินคำพูดนี้ก็หันกลับไปกะพริบตาปริบๆ มองไปยังคนคนนั้นที่ขุ่นเคืองไม่สงบใจ สงสัยนิดหน่อยว่าจะได้รับหรือนำมาอย่างไรแล้วเกี่ยวอะไรกับเขา? คนพวกนี้กินอิ่มจนว่างไม่มีอะไรทำหรือ?
เธอคร้านจะเอาเรื่องพวกเขา เคาะๆ หน้าโต๊ะ ก่อนจะบอกว่า “แลกให้ข้าเร็วๆ หน่อย ข้ายังมีธุระ!”
ชายวัยกลางคนผู้นั้นมองหนุ่มน้อยตรงหน้า แล้วจึงตรวจนับมณีเพลิงกองเท่าภูเขาเล็กนั้น นับไปพลางปาดเหงื่อ ภาระงานเช่นนี้และมณีเพลิงมากมายเพียงนี้ เขาอยู่ที่นี่มานานยังไม่เคยเจอ แลกครั้งเดียวได้คะแนนคุณงามความดีเกือบสองล้าน เกรงว่าเรื่องนี้คงแตกตื่นไปถึงอาจารย์แต่ละสำนักและพวกเจ้าสำนักแน่
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลังตรวจนับถูกต้องแล้ว ชายวัยกลางคนก็เพิ่มคะแนนคุณงามความดีลงในป้ายหยกและลงบันทึกไว้ เห็นเด็กหนุ่มคนนั้นหมุนตัวจากไป ในใจนึกแปลกใจทันที เดิมนึกว่ามาจากสำนักยา กลับไม่นึกว่าเป็นสำนักยาเซียน ช่วงนี้สำนักยาเซียนไม่มีนักเรียนมาหลายปี หนุ่มน้อยคงเป็นคนเดียวที่เพิ่งเข้ามาปีนี้
ครั้นเห็นเด็กหนุ่มจากไป พวกนักเรียนที่มาแลกคะแนนคุณงามความดีก็มองหน้ากัน แล้วตามออกไป
ชายวัยกลางคนผู้นั้นเห็นท่าที จึงตะโกนไปว่า “เฮ้ย พวกเจ้ามาแลกคะแนนไม่ใช่หรือ? ทำไมไปเสียแล้วล่ะ?”
เฟิ่งจิ่วเดินไปพลางคิดว่าหอสวรรค์จะมีของล้ำค่าอะไรกันแน่ คะแนนคุณงามความดีเกือบสองล้านจะแลกของแบบไหนได้บ้าง? คิดๆ แล้วยังเฝ้ารอคอย หลังจากเดินไปสักระยะหนึ่ง เส้นทางตรงหน้ากลับถูกกลุ่มคนขวางไว้
เธอเงยหน้ามองพวกที่ยืนด้านหลังเธอตรงจุดแลกเปลี่ยนเมื่อครู่อย่างแปลกใจ ถามว่า “จะทำอะไร?”
“เจ้าหนู เจ้ามาจากสำนักยาหรือ? นักเรียนสำนักยาคงมีของดีๆ ไม่น้อยเลยกระมัง?”
หนึ่งคนในนั้นสองมือกอดอก ยิ้มมองหนุ่มน้อยร่างผอมบางตรงหน้า และไม่สนใจสายตาเหล่านักเรียนรอบข้างโดยสิ้นเชิง ชัดเจนว่าไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก
เฟิ่งจิ่วตกตะลึง ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง นี่เป็นการข่มขู่! นักเรียนเก่ารังแกนักเรียนใหม่? ได้ยินมาตั้งนานแล้วว่าภายในสำนักศึกษาต่างๆ จะมีเรื่องเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าเธอจะเจอเข้า
ความรู้สึกสดใหม่นี้ช่าง…วิเศษมากจริงๆ
………………………………………………….