เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 675 ข้ามีพี่ชาย + ตอนที่ 676 เจ้าหนูนั่นอยู่สำนักยาเซียน!
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 675 ข้ามีพี่ชาย + ตอนที่ 676 เจ้าหนูนั่นอยู่สำนักยาเซียน!
ตอนที่ 675 ข้ามีพี่ชาย + ตอนที่ 676 เจ้าหนูนั่นอยู่สำนักยาเซียน!
ตอนที่ 675 ข้ามีพี่ชาย
เมื่อกลับถึงอาศรม เห็นเสี่ยวเหยนั่งเฝ้าอยู่ด้านนอกอย่างเชื่อฟัง เหล่าไป๋เดินไปรอบๆ นอกอาศรม ส่วนอสูรกลืนเมฆาก็นอนบนพื้นหญ้าโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าด้วยความเกียจคร้าน
เยี่ยจิงยังไม่ตื่นหรือ? ในใจเฟิ่งจิ่วนึกสงสัย เดินผ่านสามอสูรเข้าอาศรมไปดู ถึงจะเห็นว่าเยี่ยจิ่งที่ตื่นมาแล้วนั่งอยู่ตรงโต๊ะหิน
“เจ้าตื่นแล้วหรือ?” ตื่นแล้วทำไมยังไม่ไปอีก? คำพูดนี้เธอไม่ได้ถามออกไป
เยี่ยจิ่งหันกลับไปเห็นตรงเอวหนุ่มน้อยมีขนนกเคลือบหลากสีชิ้นนั้นประดับไว้ ก็แปลกใจทันที “เจ้ามีสิ่งนี้ได้อย่างไร?”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม นั่งลงตรงโต๊ะ แล้วหยิบขนนกชิ้นนั้นมาเล่นในมือ “แน่นอนว่าข้าใช้คะแนนคุณงามความดีแลกกลับมา!”
ได้ยินคำพูดนี้แล้วเยี่ยจิงตกใจ นึกถึงว่าหมีดำตัวใหญ่ระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์นั่นก็เชื่อฟังคำพูดเขาอย่างว่าง่าย จึงขยับปากทันทีแต่ไม่ได้ถามอะไร แม้จะคิดว่าเหลือเชื่อไปหน่อย
แต่ตลอดทางที่ตามเด็กหนุ่มออกมา สัตว์อสูรต่างๆ ในเทือกเขาหมื่นอสูรเห็นเขาแล้วไม่หลบก็หนี ปรากฏการณ์แปลกๆ เช่นนั้นเธอบอกไม่ได้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
ชัดเจนว่าเด็กหนุ่มคนนี้พละกำลังดูไม่แข็งแกร่ง ครั้งก่อนบนถนนใหญ่ยังโดนนางไล่กวดไปทั่วท้องถนนจนต้องซ่อนตัว แต่กับสัตว์อสูรดันเหมือนเป็นอีกอย่าง
“ขนนกเคลือบหลากสีชิ้นนี้มีนักเรียนเพ่งเล็งไม่น้อย เจ้าต้องระวังหน่อย พวกเขาจะได้ไม่มาหาเรื่องเจ้า” นางกล่าวเตือนเสียงเบา
“แหะๆ ข้ารู้แล้ว” เฟิ่งจิ่วยิ้มรับ ไม่ได้บอกนางว่าเมื่อครู่โดนคนขัดขวางเสียจนเกือบจะกลับมาไม่ได้
นางมองหนุ่มน้อยผู้ไม่ยี่หระคนนี้ พร้อมเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาน้อยๆ “ขอบใจเจ้านะ” เห็นเด็กหนุ่มโบกๆ มืออย่างไม่แยแส จึงเอ่ยถามเสียงค่อย “เจ้าเป็นนักเรียนสำนักยาเซียนที่เข้ามาใหม่ปีนี้หรือ?”
“อืม” เฟิ่งจิ่วขานรับ ล้วงผลไม้ออกมาจากในแขนเสื้อ แล้วโยนให้นางลูกหนึ่ง
เยี่ยจิงรับไว้ จากนั้นค่อยถามว่า “ข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าชื่ออะไร! บอกข้าได้หรือไม่?”
“เฟิ่งจิ่ว”
“ข้าเยี่ยจิง” นางยิ้มเล็กน้อย บอกอีกว่า “เจ้าก็รู้แล้ว”
“อืม รู้แล้วๆ หนึ่งในสิบผู้มีพรสวรรค์ของสำนักศึกษา ซ้ำยังเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง” เฟิ่งจิ่วยิ้มเอ่ย มองเยี่ยจิงพลางพยักหน้า “สมกับฉายานามสาวงามอันดับหนึ่งจริงๆ”
เยี่ยจิงได้ยินเช่นนี้ก็เอ่ยยิ้มๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ “สาวงามอันดับหนึ่งอะไร? เป็นเรื่องที่นักเรียนในสำนักศึกษาพูดเล่นๆ กันทั้งนั้น”
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็ขบคิดในใจ จ้องมองนางเนิ่นนาน ก่อนจะหรี่ตายิ้มถามว่า “ข้าขอถามเจ้าเรื่องหนึ่งสิ!”
เห็นหนุ่มน้อยจ้องมองตนเองเช่นนั้น เยี่ยจิงเขินอายนิดหน่อย แล้วถามว่า “เรื่องอะไรหรือ?”
เด็กหนุ่มคนนี้หน้าตางดงามจริงๆ แต่ให้ความรู้สึกแปลกมากๆ เห็นชัดๆ ว่าเขากำลังมองนาง นัยน์ตากลับไม่มีความละโมบหรือลุ่มหลงเหมือนคนอื่น มีเพียงความชื่นชมอย่างใจกว้าง ทำให้เธอมองมุมต่างออกไปบ้าง
“เจ้าหมั้นแล้วหรือยัง? มีคนที่ชอบไหม?”
“หา?”
นึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มจะถามเช่นนี้ออกมา เยี่ยจิงอึ้งไปพักหนึ่ง สีหน้าแดงก่ำเล็กน้อย หากไม่เห็นว่าในดวงตาเขาไม่มีความนัยอื่น คงคิดว่าเขามีใจให้กับนางจริงๆ!
“ข้ายังไม่ได้หมั้น และไม่มีคนที่ชอบ” กล่าวคำพูดนี้จบ นางก็เขินไปหมดแล้ว ถามว่า “เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม?”
“แหะๆ เรื่องนี้ ข้าจะบอกกับเจ้านะ!”
เฟิ่งจิ่วหรี่ตามยิ้มจ้องมองนาง ยิ่งมองยิ่งพอใจ “ข้ามีพี่ชายชื่อกวนสีหลิ่น หน้าตาดีเหมือนกัน ร่างกายกำยำแข็งแรง นิสัยแน่วแน่ใจดีกับคนมีใจรับผิดชอบ พละกำลังก็โดดเด่นอย่างยิ่ง เจ้าจะพิจารณาเสียหน่อยหรือไม่? เขาไม่เลวเลยนะ”
………………
ตอนที่ 676 เจ้าหนูนั่นอยู่สำนักยาเซียน!
เยี่ยจิงได้ยินก็อ้าปากค้างด้วยความตะลึง พลางมองหนุ่มน้อยที่ยิ้มแย้มรับหน้าที่เป็นพ่อสื่ออย่างเสียอาการไปบ้าง และพูดอะไรไม่ออกไปสักพัก
“เป็นอย่างไร? อันที่จริงไม่ต้องรีบตอบหรอก เจอกันสักหน่อย ลองดูความรู้สึกแรกพบและทุกอย่าง รู้สึกว่าไม่เลวค่อยพัฒนาไปอีกขั้นก็ได้ ข้าขอบอกเจ้านะ ข้าเห็นว่าเป็นเจ้าถึงได้แนะนำพี่ชายข้าให้ ผู้หญิงคนอื่นอยากได้โอกาสเช่นนี้ยังไม่มีเลย!”
ได้ยินคำพูดนี้เยี่ยจิงพูดไม่ออกบอกไม่ถูกนิดหน่อย หนุ่มน้อยคนนี้เปลี่ยนความประทับใจที่นางมีต่อเขาใหม่อีกครั้ง ช่าง… พูดอย่างไรดี? เป็นความแปลกระคนน่าสนใจ
“เวลาก็ค่ำแล้ว ข้าต้องกลับไป” นางลุกยืนขึ้นยิ้ม ปัดๆ กระโปรงพลางมองเด็กหนุ่ม
“ขาเจ้าเดินได้แล้วหรือ? ต้องให้ข้าไปส่งหรือเปล่า?” เฟิ่งจิ่วยืนขึ้นเอ่ยถาม
นางส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่ต้องหรอก ก่อนเจ้ากลับมาข้าเป่านกหวีดเรียกนกกระเรียนขาวมา คงจะถึงแล้ว”
ดังนั้นเฟิ่งจิ่วจึงแค่ส่งนางออกจากอาศรม และคอยอยู่ด้านนอกเป็นเพื่อนนาง พลางบอกว่า “ข้าพูดจริงๆ นะ เจ้าพิจารณาเสียหน่อย รอครั้งหน้ามีโอกาสข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก”
เยี่ยจิงแค่ยิ้มโดยไม่พูดอะไร เมื่อนางเห็นหมีดำตัวใหญ่ยังหมอบนั่งอยู่ตรงนั้น ก็ถามทันทีว่า “มันไม่กลับไปหรือ? ทำไมยังอยู่ที่นี่อีก?”
“อืม มันติดข้าเสียแล้ว” เฟิ่งจิ่วกางแขนเอ่ยอย่างจนปัญญา
เยี่ยจิงเห็นเช่นนี้ก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นค่อยส่งเสียงหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นนกกระเรียนขาวบินมากลางเวหา บินวนสักพักและร่อนลงเบื้องหน้า ก็มองไปยังหนุ่มน้อยข้างกาย บอกว่า “เฟิ่งจิ่ว ข้ายินดีที่ได้รู้จักเจ้า ครั้งหน้าข้าจะมาอีก”
ได้ยินเช่นนี้รอยยิ้มบนหน้าเฟิ่งจิ่วยิ่งลึกขึ้น “อืม ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าเช่นกัน มีเวลามาอีกข้าก็ยินดีต้อนรับ” เธอยิ้มกล่าว แล้วมองนางนั่งนกกระเรียนขาวออกไป และหายไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขา
เวลาเดียวกันนี้ นักเรียนสำนักพลังเร้นลับพวกนั้นหลังจากฟื้นตัวต่างพาคนเร่งไปยังสำนักยา วางแผนคิดบัญชีกับหนุ่มน้อยชุดฟ้า ใครจะรู้ว่าถามไปทั่วสำนักก็บอกว่าไม่มีคนคนนั้น
“หา! ข้าได้ยินว่าปีนี้สำนักยาเซียนมีนักเรียนเข้าใหม่คนเดียว เจ้าหนูนั่นจะเป็นคนสำนักยาเซียนหรือเปล่า?”
“ไป! ไปดูเสียหน่อย! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการเขาไม่ได้!”
ดังนั้นคนกลุ่มใหญ่จึงมุ่งไปยังสำนักยาเซียนอย่างเอิกเกริก…
ส่วนทางอีกด้านหนึ่ง ชายชราที่หอสวรรค์ก็ตามหาเจ้าสำนักกับรองเจ้านักพบ แล้วเล่าเรื่องเฟิ่งจิ่วคนนี้ให้พวกเขาฟังสักพัก อยากเห็นเสียหน่อยว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาเช่นไร ถึงอย่างไรการที่นักเรียนเข้าใหม่คนนี้นำคะแนนคุณงามความดีหนึ่งล้านแปดแสนมาแลกของล้ำค่าไปก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่!
ใครจะรู้ว่าสองคนที่เดิมทีไม่ค่อยสนใจหลังจากได้ยินคำพูดชายชราต่างอึ้งไปพักหนึ่ง หลังจากได้สติรองเจ้าสำนักก็ลุกยืนขึ้นด้วยความตกใจ “เจ้าบอกว่าใครนะ? เฟิ่งจิ่ว? ชื่อเฟิ่งจิ่วจริงๆ หรือ?”
“อืม เป็นเด็กหนุ่มอายุสิบหกนามเฟิ่งจิ่ว รูปร่างหน้าตางดงามยิ่ง” ชายชราพยักหน้า เห็นรองเจ้าสำนักท่าทางตื่นเต้น เปลือกตายกขึ้นเล็กน้อย ถามว่า “หนุ่มน้อยคนนี้เป็นญาติท่านรองเจ้าสำนักหรือ?”
“ฮ่าๆๆๆ พูดอะไรน่ะ? หากข้ามีญาติเช่นนี้ก็ดีสิ ข้าจะบอกเจ้าว่าข้าตามหาเด็กหนุ่มคนนี้มานานแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะเข้ามาสำนักศึกษาหมอกดาราเราจริงๆ และยิ่งไม่คิดว่าเขาจะวิ่งไปสำนักยาเซียน เจ้าหนูนี่ยังไม่เข้าใจการกลั่นยาเซียนหรือไร?” นึกถึงความเป็นไปได้นี้ ทั้งหัวใจรองเจ้าสำนักก็ตื่นเต้นไปหมด
ชายชราเห็นเช่นนี้จึงสงสัยอยู่บ้าง ถามว่า “ท่านตื่นเต้นอะไร? แค่เด็กหนุ่มคนเดียวไม่ใช่หรือ?”
“เฮ้อ เจ้าไม่รู้เรื่องหรอก!” เขาโบกๆ มือ “พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ ไม่ได้ ข้าต้องรีบไปดูเสียหน่อย”
………………………………………………….