เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 677 ปิดล้อมอาศรม + ตอนที่ 678 พวกเจ้าบังคับข้า!
ตอนที่ 677 ปิดล้อมอาศรม + ตอนที่ 678 พวกเจ้าบังคับข้า!
ตอนที่ 677 ปิดล้อมอาศรม
รองเจ้าสำนักกล่าวพลางหัวเราะร่า กำลังจะไปดูที่สำนักยาเซียนเสียหน่อย ก็เห็นอาจารย์คนหนึ่งเดินรีบร้อนเข้ามา “ท่านเจ้าสำนัก แย่แล้ว พวกนักเรียนสำนักพลังวิญญาณพูดอะไรก็ไม่ฟัง แต่ละคนบอกจะไปคิดบัญชีคน คนเกือบร้อยวิ่งไปสำนักยาเซียนกันหมดแล้วขอรับ”
พวกเขาได้ยินก็อึ้งไปสักพัก เจ้าสำนักถามว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน? วิ่งไปคิดบัญชีคนถึงสำนักยาเซียน?”
“ใช่ขอรับ! ขนนกเคลือบหลากสีหนึ่งในสามสมบัติหอสวรรค์ถูกเด็กหนุ่มชุดฟ้าแลกไป ขนนกเคลือบหลากสีชิ้นนั้นเป็นสมบัติที่สิบผู้มีพรสวรรค์ของสำนักศึกษาต่างจับจ้อง ยามนี้กลับมีนักเรียนเข้าใหม่ได้ไป อย่าว่าแต่พวกเขายังไม่เท่าไร คนในสำนักศึกษาเห็นเด็กหนุ่มประดับขนนกชิ้นนั้นไว้ตรงเอวและเดินกรีดกรายไปทั่วแต่ละคนล้วนโดนปลุกปั่น”
อาจารย์คนนั้นปาดเหงื่อ บอกอีกว่า “แต่เด็กหนุ่มคนนี้ไม่รู้เป็นมาอย่างไร วิ่งไปสำนักพลังเร้นลับ ลูกศิษย์สำนักพลังเร้นลับพวกนั้นขวางเขาไว้และถามว่าเขามีคนหนุนหลังหรือไม่ ภายหลังเกิดทะเลาะวิวาท ยังไม่ทันลงมือพวกนักเรียนสำนักพลังเร้นลับก็ล้มกันหมด แต่ละคนร่างนอนอยู่บนพื้นเกือบหนึ่งชั่วยามอย่างไร้เรี่ยวแรง”
ชายชราคนนั้นจากหอสวรรค์ได้ยินก็ขยับปากและพูดอะไรไม่ออกสักพัก
“คนสำนักพลังเร้นลับหลังจากฟื้นตัวกลับมาก็ไปตามหาถึงสำนักยา ที่นั่นบอกว่าไม่มีคนคนนั้น พวกเขายังวิ่งไปสำนักยาเซียน คนกว่าร้อยคนเชียวนะขอรับ! รั้งไว้ก็ไม่อยู่ ข้ากลัวจะเกิดเรื่องจึงเข้ามาถามว่าเรื่องนี้ต้องจัดการอย่างไร?”
“สร้างปัญหาอีกแล้ว!”
รองเจ้าสำนักตะโกนลั่น แม้รู้ว่าหนุ่มน้อยคนนั้นพลังแข็งแกร่ง มีพรสวรรค์สูง กลับถ่อมตัวและใจดี จะจงใจประดับขนนกเคลือบหลากสีชิ้นนั้นเดินโอ้อวดไปทั่วได้เช่นไร?
เขาไปสำนักพลังเร้นลับคงไปหากวนสีหลิ่น พี่ชายคนนั้นของเขา แต่ลูกศิษย์สำนักพลังเร้นลับพวกนี้ก็เกินไป ด้วยพละกำลังวรยุทธ์ของเด็กหนุ่ม หลังจากเข้าสำนักจะหาคะแนนคุณงามความดีเกือบสองล้านไม่ได้ได้อย่างไร?
อะแฮ่ม!
แม้เรื่องนี้จะเหลือเชื่อไปหน่อยจริงๆ แต่สำหรับหนุ่มน้อยผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นคงไม่ใช่เรื่องยากอะไรไม่ใช่หรือ? แต่คนสำนักพลังเร้นลับก็ทำเกินไป ตนเองแลกไม่ได้ยังไม่ให้คนอื่นแลกอีกหรือ?
นึกถึงตรงนี้ รองเจ้าสำนักก็ตะคอกด้วยสีหน้าโกรธเคือง “แข็งข้อกันไปหมดแล้ว! ยังมีระเบียบอยู่อีกหรือ?” เขาหันกลับไปบอกเจ้าสำนัก แล้วพาอาจารย์สำนักพลังเร้นลับคนนั้นไปยังสำนักยาเซียน
ชายชราจากหอสวรรค์เห็นท่าทางรองเจ้าสำนักสะบัดแขนเสื้อไปอย่างเกรี้ยวกราด ก็มองไปยังเจ้าสำนัก และถามว่า “เด็กหนุ่มคนนั้นไม่ใช่ญาติเขาจริงๆ หรือ?”
เจ้าสำนักหรี่ตายิ้มลูบๆ เครา “เหอะๆๆ มา นั่งเถอะ! ข้าจะเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าฟังเสียหน่อย…”
นักเรียนสำนักพลังเร้นลับบ้างมียานพาหนะเหาะเหิน บ้างไม่มี ด้วยเหตุนี้คนที่มีจึงพาคนไม่มีติดไปด้วย คนร้อยกว่าคนมาถึงยอดเขาสำนักยาเซียนอย่างยิ่งใหญ่โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป พวกเขาตามหาไปรอบๆ รู้ทางไปอาศรมของเฟิ่งจิ่วจากผู้ดูแลซุน แล้วทุกคนก็รีบเร่งมา
ผู้ดูแลซุนเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี จึงรีบร้อนไปหาเหล่าอาจารย์สำนักยาเซียน
ส่วนเฟิ่งจิ่วยามนี้ หลังจากส่งเยี่ยจิงไปก็กลับเข้าอาศรมมาแช่น้ำอย่างสบายใจ ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้เรื่องภายนอก
คนสำนักพลังเร้นลับมาถึงอาศรมที่เฟิ่งจิ่วอยู่อย่างโมโหปึงปัง ล้อมอาศรมไว้พลางตะโกนเสียงเกรี้ยวกราด “เจ้าหนู! ออกมาซะ!”
“ออกมา!”
“ออกมาเร็วเข้า!”
เฟิ่งจิ่วที่แช่น้ำได้ยินการเคลื่อนไหวด้านนอกก็ผงะไปเล็กน้อยสักพัก ยังคงลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า
ส่วนด้านนอกหมีดำตัวใหญ่ที่หาอาหารกับเหล่าไป๋ในป่าละแวกใกล้เคียงหลังจากได้ยินการเคลื่อนไหวที่อาศรมนี้ก็วิ่งกลับมาทันควัน เมื่อเห็นที่นั่นมีคนไม่น้อยล้อมไว้ ทันใดนั้นก็คำรามอย่างโมโหและกระโจนไปทางคนพวกนั้น
“กรร!”
ทุกคนได้ยินเสียงหมีคำราม หันกลับไปมองก็ตกใจเสียจนถอยห่างอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเปลี่ยนไปยกใหญ่ทันที…
……………………
ตอนที่ 678 พวกเจ้าบังคับข้า!
“ตุบ!”
หมีดำตัวใหญ่กระโจนลงพื้นอย่างแรง เฝ้าอยู่ด้านหน้าอาศรมพลางแยกเขี้ยวแหลมคมจ้องเหล่านักเรียนโดยรอบที่ถอยห่างด้วยความรวดเร็ว กลิ่นอายอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั่วร่างจู่โจมไปพร้อมกับเสียงคำรามทุ้มต่ำ นักเรียนพวกนั้นตกใจเสียจนสีหน้าขาวซีด หวาดกลัวไม่สิ้นสุด
“สวรรค์! ทำไมที่นี่ถึงมีหมีดำตัวใหญ่ระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ด้วยล่ะ!”
เหล่านักเรียนที่เดิมทีปิดล้อมอาศรมไว้สีหน้าซีดเผือดไม่กล้าเข้าไป ด้วยวรยุทธ์พวกเขาสู้อสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้แน่นอน แต่อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ควรอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาหมื่นอสูรทำไมถึงวิ่งมาที่นี่?
“กรร!”
หมีดำตัวใหญ่คำรามด้วยความโมโห กลับไม่ได้กระโจนเข้าไป เพราะเฟิ่งจิ่วเคยสั่งไว้ว่าอยู่สำนักศึกษานี้จะทำร้ายคนด้านในไม่ได้ ด้วยเหตุนี้มันจึงแค่ขู่พวกเขา
บริเวณไม่ไกลเหล่าไป๋ย่างกีบม้าเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า เงยหน้ากวาดมองนักเรียนรอบๆ จมูกพ่นลมหายใจสองสาย เห็นในหมู่พวกนั้นไม่มีแม้แต่สาวงาม จึงสะบัดหางอย่างเบื่อหน่าย แล้วหาที่นอนหมอบลง
“เจ้าบ้า! นั่นม้าประหลาดอะไรกัน? ภายในสำนักศึกษาทำไมถึงมีของเช่นนี้?”
“ดูสิ! ทางเข้าอาศรมยังมีหมาน้อยด้วย!”
นักเรียนคนหนึ่งอุทานขึ้น พลางชี้อสูรกลืนเมฆาที่ก้าวเท้าเล็กสั้นเดินออกมาจากในอาศรม และนอนลงตรงทางเข้า อสูรกลืนเมฆาตัวน้อยขนปุกปุยดูไม่มีอันตรายเช่นนี้ ใครก็มองไม่ออกว่ามันเป็นสัตว์เทวะ
“ที่นี่เป็นที่พักในสำนักยาเซียนของเจ้าหนูนั่นจริงหรือ? ไม่ใช่สถานเลี้ยงสัตว์หรือ?”
ยามนี้เฟิ่งจิ่วที่สวมชุดสีฟ้าประดับขนนกเคลือบหลากสีชิ้นนั้นไว้ตรงเอวเดินออกมา มองคนกว่าร้อยคนนั้นแล้วยิ้มๆ “นี่พวกเจ้าทำอะไรกัน?”
“เจ้าหนู เจ้ายังกล้ายิ้มอีก!” หนึ่งคนในนั้นเห็นเฟิ่งจิ่วเดินออกมา ก็มองอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าไปอวดโอ้ถึงสำนักพลังเร้นลับ วันนี้พวกเราไม่ปล่อยเจ้าแน่!”
“จริงด้วย! เจ้าหนู เจ้าออกมา พวกเราต้องท้าประลองกับเจ้า!”
“ใช่! ต้องทำให้เจ้ารู้ถึงความร้ายกาจของพวกเรา!”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะเบาๆ สองแขนกอดอกพิงอาศรม “ช่างมันเถอะ! พวกเจ้าอ่อนแอเกินไปจริงๆ จะสู้กับพวกเจ้าก็น่าอายเกินไปหน่อย รีบๆ กลับไปเสีย! เสี่ยวเฮยของข้าจะได้ไม่โกรธ ข้าเองยังรั้งไม่ไหว”
“กรร!”
ราวกับยืนยันคำพูดเฟิ่งจิ่ว หลังสิ้นเสียงเธอหมีดำตัวใหญ่นั่นก็คำรามเสียงต่ำ
ลูกศิษย์สำนักพลังเร้นลับพวกนั้นที่กำลังจะเข้าไปเห็นยังถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันที ทั้งขุ่นเคืองและไม่ยอมอยู่บ้าง พร้อมจ้องมองหนุ่มน้อยชุดฟ้าคนนั้นอย่างมีความเคียดแค้น
“เข้ามาให้หมด! พวกเราไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการเจ้าหนูนี่ไม่ได้!” นักเรียนคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง และเป็นผู้นำพุ่งเข้าไป
คนอื่นๆ เห็นท่าทางแต่ละคนจึงกำหมัดพุ่งไปข้างหน้า คนครึ่งหนึ่งล้อมโจมตีหมีดำตัวใหญ่นั่น ส่วนอีกครึ่งกลับทำลายเขตอาคมของอาศรม
เห็นภาพด้านนอกที่วุ่นวายไปหมด เฟิ่งจิ่วยังสะดุ้งใจจริงๆ รีบตะโกนไปว่า “พวกเจ้าอยากตายจริงหรือ? เสี่ยวเฮยของข้าเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ แค่หนึ่งฝ่ามือก็มากพอจะกินพวกเจ้าในหม้อเดียวแล้ว”
“หึ! แค่ต้องกำราบเจ้า! แล้วจัดการอสูรศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่น! หากพวกเรามาเสียเที่ยว เช่นนั้นถึงจะขายหน้า!”
“จริงด้วย! แค่ต้องกำราบเจ้า!”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ถลึงตา “พวกจะ พวกเจ้าจะรังแกกันเกินไปแล้ว!” มีอย่างที่ไหนคนกว่าร้อยล้อมโจมตีเธอคนเดียว? คนพวกนี้ทำเกินไปแล้ว คิดว่าจะรังแกเธอได้ง่ายๆ จริงหรือ?
“ได้! พวกเจ้าบังคับข้า เช่นนั้นก็อย่ามาโทษกัน!”
เธอเอ่ยอย่างฉุนเฉียว พลางม้วนแขนเสื้อขึ้นคิดจะพุ่งออกไปซ้อมพวกเขาสักยก แต่ในเวลานี้เอง มีเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดดังมาจากฟากฟ้า
………………………………………………….