เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 683 จับมือกันเดินไป + ตอนที่ 684 พวกเรารังแกนางเสียแล้วหรือ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 683 จับมือกันเดินไป + ตอนที่ 684 พวกเรารังแกนางเสียแล้วหรือ
ตอนที่ 683 จับมือกันเดินไป + ตอนที่ 684 พวกเรารังแกนางเสียแล้วหรือ?
ตอนที่ 683 จับมือกันเดินไป
ได้ยินเช่นนี้ทุกคนต่างอึ้งไป นักเรียนระดับสวรรค์คนหัวหน้านั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเอ่ยถามว่า “ของล้ำค่าอะไร?”
“อยากขอคำแนะนำจากข้าไม่ใช่หรือ? ไม่มีของล้ำค่าแต่อยากให้ข้าชี้แนะเจ้า?” เฟิ่งจิ่วชายตามองชายคนนั้นด้วยท่าทียียวน น้ำเสียงทั้งหยิ่งผยองและซุกซน “อยากจะสู้กับข้าต้องเตรียมของล้ำค่ามาก่อน มิเช่นนั้นใครจะว่างมาเล่นกับเจ้าเล่า?”
สิ้นเสียง เธอมองทุกคนที่หลังจากได้ยินคำพูดเธอก็มองมาด้วยสายตาโกรธเคือง ยิ้มบอกว่า “พวกเจ้าก็เหมือนกัน อยากสู้กับข้าต้องเตรียมของล้ำค่าดีๆ มา หากข้าแพ้แน่นอนว่าจะไม่รับของล้ำค่าพวกเจ้า แต่หากข้าชนะ แหะๆ พวกเจ้าคงเข้าใจแล้ว”
ขณะมองเหล่านักเรียนแต่ละคนนวดกำปั้นพลังวิญญาณพุ่งพล่าน รอยยิ้มบนใบหน้างดงามก็ถูกเก็บไป ดวงตาหรี่ลงครึ่งหนึ่ง กล่าวเตือนพลางยกมุมปากเล็กน้อย “อย่าคิดอยากสู้โดยไม่มีของล้ำค่า หากพวกเจ้ากล้าสู้ข้าจะบอกท่านรองเจ้าสำนัก เชื่อว่าพวกเจ้าก็รู้ว่าท่านรองเจ้าสำนักเป็นผู้สนับสนุนข้า ถ้ากล้าก็มาท้าเลย”
เยี่ยจิงข้างๆ ที่โดนพวกผู้เล่าเรียนหญิงรั้งไว้ได้ยินคำพูดนี้ ก็เผยรอยยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่ อ้างรองเจ้าสำนักออกมาเช่นนี้เขามั่นใจจริงๆ หรือว่าหลังจากรู้เรื่องรองเจ้าสำนักจะไม่วิ่งเต้น?
เดิมทีคนในสำนักศึกษาคิดว่าคะแนนคุณงามความดีของเขาได้มาอย่างแปลกๆ ตอนนี้เขาเอ่ยไปเช่นนี้ แต่ละคนต้องคิดว่ารองเจ้าสำนักแอบจัดการแน่ๆ
นักเรียนพวกนั้นแต่ละคนต่างตกตะลึง ไม่นึกว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะกล่าวคำพูดกวนอารมณ์เช่นนี้ออกมา อยากสู้กับเขาต้องนำของล้ำค่ามา? หากนำของล้ำค่ามาไม่ได้เขายังจะไปฟ้องรองเจ้าสำนักอีก?
นะ นี่… จะน่าไม่อายเกินไปแล้ว!
“ว่าอย่างไร? ใจไม่กล้าข้าก็ต้องไปแล้ว” เธอพูดจบก็มองเหล่าผู้เล่าเรียนหญิงที่รั้งเยี่ยจิงไว้ แล้วเผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ออกมา “พี่สาวคนสวยทั้งหลาย พวกท่านอย่ารั้งสาวงามเยี่ยจิงของข้าไว้เลย!”
ผู้เล่าเรียนหญิงพวกนั้นตกใจ เห็นเด็กหนุ่มมองมาทางพวกนาง นัยน์ตามากเสน่ห์คู่นั้นเผยรอยยิ้ม ราวกับวังวนแสนมัวเมาทำให้พวกนางตาค้างไปทันที
เยี่ยจิงเม้มปากยิ้ม เดินเข้ามาจับมือเฟิ่งจิ่วอย่างเป็นธรรมชาติพลางเอ่ยว่า “ไปเถอะ! ข้าจะพาเจ้าไปดูรอบๆ เสียหน่อย ครั้งหน้าเจ้าจะได้รู้จักสถานที่แห่งนี้”
คนอื่นๆ มองทั้งสองจากไป แต่ละคนมองไปยังนักเรียนระดับสวรรค์คนหัวหน้านั้น เห็นเขาไม่พูดไม่จา พวกเขาจึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “รุ่นพี่หลี่ ทำอะไรเขาไม่ได้แล้วหรือ?”
ชายแซ่หลี่คนนั้นจ้องมองเยี่ยจิงจับมือเด็กหนุ่ม กัดฟันกรอด “หึ! นำของล้ำค่ามาเพื่อสู้กับเขา? จะเสียเปรียบเขาเกินไปแล้ว ข้าจะไปหาพวกรุ่นพี่โอวหยาง กล้ามายุ่งกับรุ่นน้องเยี่ยจิงที่รุ่นพี่โอวหยางชอบ เจ้าหนูนี้อยากตายเสียแล้ว!”
ทุกคนได้ยินดวงตาก็เป็นประกาย เขาอยากให้สิบผู้มีพรสวรรค์ของสำนักศึกษาลงมือ? เช่นนี้แม้เป็นรองเจ้าสำนักพวกเขาคงจะไม่พูดอะไรอีกกระมัง?
หากพวกรุ่นพี่โอวหยางลงมือ เจ้าหนูนี่ต้องโดนจัดการอย่างน่าเวทนาเป็นแน่! นึกถึงตรงนี้แต่ละคนก็มีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ส่วนเฟิ่งจิ่วที่ตามเยี่ยจิงออกไปยามนี้ยังก้มหน้ามองมือที่โดนจับไว้ เลิกคิ้วขึ้นทันใด มองไปทางเยี่ยจิงเห็นนางก็มองมาเช่นกัน นัยน์ตายิ้มแย้มและมีประกายที่เธอมองไม่เข้าใจ
ระหว่างทางพบนักเรียนไม่น้อย นางก็ไม่ได้ปล่อยมือที่จับไว้ออก ทำให้เฟิ่งจิ่วแปลกใจไม่สิ้นสุด สาวงามเยี่ยจิงคนนี้ทำไมถึงใจกล้าเพียงนี้? ไม่กลัวคนเข้าใจผิดหรือ?
ในใจนึกสงสัย ขณะกำลังจะเอ่ยถามไปก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังมา
“อาจิง”
หญิงชุดขาวคนหนึ่งยืนมองทั้งสองอยู่ไม่ไกล สายตาหยุดลงบนสองมือของสองคนที่จับกันไว้ แววตาสั่นไหวเล็กน้อย
………………………………………………….
ตอนที่ 684 พวกเรารังแกนางเสียแล้วหรือ?
เยี่ยจิงได้ยินเสียงก็มองไป เมื่อเห็นไป๋รั่วเฟยที่ยืนอยู่ไม่ไกลรอยยิ้มบนใบหน้าโดนเก็บไปเล็กน้อย พยักหน้าเบาๆ “รั่วเฟย”
หลังจากทักทายกัน นางบอกเฟิ่งจิ่วว่า “พวกเราไปกันเถอะ!”
เฟิ่งจิ่วมองทั้งสองอย่างซุกซน หยักหน้า “อืม” แล้วเดินไปข้างหน้าด้วยกันกับนางโดยไม่พูดอะไร ทว่าเมื่อผ่านข้างกายไป๋รั่วเฟยคนนั้น กลับเห็นนางขวางอยู่เบื้องหน้าเยี่ยจิง
“อาจิง ทำไมช่วงนี้เจ้าไม่สนใจข้าเลย?” นางกล่าวอย่างน้อยใจเล็กน้อย พลางยื่นมือไปดึงแขนเสื้อเยี่ยจิงเขย่าเบาๆ
“ช่วงนี้ข้าค่อนข้างยุ่ง”
เยี่ยจิงพูดจบ แม้ท่าทางจะอ่อนโยนตามปกติแต่ท่าทีบนใบหน้ากลับเฉยชา มองคนตรงหน้าพลางบอกเสียงเบา “หากเจ้าไม่มีธุระอื่น พวกเราต้องไปก่อน ข้ายังต้องพาเขาไปทำความคุ้นเคยกับสำนักพลังวิญญาณ”
“ข้าไม่ได้มีธุระอะไร จะไปด้วยกันกับพวกเจ้าแล้วกัน!”
นางเอ่ยพลางมองๆ เฟิ่งจิ่วข้างๆ แล้วเผยรอยยิ้มที่คิดว่าอ่อนหวาน “เจ้าชื่อเฟิ่งจิ่วสินะ? ข้าชื่อไป๋รั่วเฟย เรียกข้าว่ารั่วเฟยหรือเสี่ยวเฟยก็ได้”
เฟิ่งจิ่วมองนาง ในดวงตาฉายแววขี้เล่น บอกว่า “ข้าคิดว่าดอกไม้ขาวน้อยเหมาะสบกับเจ้ามากกว่า”
“หา?” ไป๋รั่วเฟยตกใจเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่านั่นหมายความเช่นไร
รอยยิ้มเฟิ่งจิ่วยิ่งลึกขึ้น “อืม ดอกไม้ขาวน้อย เป็นดอกไม้ขาวน้อยบอบบางน่าสงสาร”
ได้ยินคำพูดนี้และเห็นสายตาทรงเสน่ห์ของเด็กหนุ่มหยุดนิ่งบนร่างไป๋รั่วเฟย ใบหน้านางอดไม่ได้ที่จะแดงจัด ขณะที่ดวงตาหลุบลงเล็กน้อยสายตาก็หยุดลงบนขนนกเคลือบหลากสีชิ้นนั้นตรงเอวเขา
ภายในสำนักศึกษาต่างพูดต่อๆ กันว่าหนุ่มน้อยคนนี้มีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่ง และไม่รู้ว่ากำลังเขาเป็นอย่างไร แต่เรื่องมีคนหนุนหลังกลับเป็นเรื่องจริง มิเช่นนั้นขนนกเคลือบหลากสีที่สิบผู้มีพรสวรรค์ยังแลกมาไม่ได้กลับถูกเขาแลกไป
หนำซ้ำรองเจ้าสำนักยังไปหาเขาถึงสำนักยาเซียนด้วยตนเอง และยืนกรานจะย้ายเขาไปเป็นนักเรียนระดับสวรรค์ที่สำนักพลังวิญญาณ ยังมีรายงานว่าทั้งสำนักศึกษามีเขาคนเดียวที่ควบสองสำนัก
เป็นทั้งนักเรียนสำนักยาเซียนและสำนักพลังวิญญาณ นี่เป็นเรื่องที่สำนักศึกษาหมอกดาราหลายปีมานี้ยังไม่เคยเกิดขึ้น
เยี่ยจิงข้างๆ เห็นเช่นนี้ เพียงมองเฟิ่งจิ่วโดยไม่พูดอะไร
วันนั้นเฟิ่งจิ่วเอ่ยเตือนนางถึงจะระวัง หลังจากกลับมาคิดอย่างละเอียดย่อมสังเกตเห็นจุดผิดปกติ แต่สิ่งที่นึกไม่ถึงคือคนที่เห็นเป็นพี่เป็นน้องจะทำกับนางแบบนี้ เวลาช่วงนี้นางจึงจงใจเหินห่างจากไป๋รั่วเฟย
“ข้ากับอาจิงเป็นพี่เป็นน้องกัน เพื่อนนางก็เป็นเพื่อนข้าเหมือนกัน ภายหน้าอยู่สำนักพลังวิญญาณอย่างไรหรือมีอะไรต้องการให้ข้าช่วยแค่บอกมาตรงๆ” นางเผยรอยยิ้มหอมหวานพลางเอ่ยมองเด็กหนุ่ม
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองป้ายหยกแสดงตัวตนชิ้นนั้นตรงเอวนาง “เจ้าเป็นนักเรียนระดับโลกสินะ? ข้าได้ยินว่าระดับแตกต่าง สถานที่เรียนและฝึกบำเพ็ญจะไม่เหมือนกัน ใช่หรือไม่เยี่ยจิง?”
เยี่ยจิงพยักหน้า “อืม ระดับสวรรค์เป็นป้ายหยกสีหมึก ระดับโลกเป็นหยกขาว ระดับนภาเป็นหยกเขียว ระดับแผ่นดินเป็นหยกเหลือง ความแตกต่างของนักเรียนระดับต่างๆ ก็ไม่เหมือนกัน นักเรียนระดับสวรรค์เป็นนักเรียนเมล็ดพันธุ์จึงจะเน้นการฝึกอบรมมาเสมอ”
ไป๋รั่วเฟยได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนจากแดงเป็นขาว มองเยี่ยจิงอย่างเขินอายอยู่บ้าง จากนั้นค่อยก้มหน้าต่ำลง “ขะ ข้านึกได้ว่ามีธุระ ไม่ไปกับพวกเจ้าแล้ว” นางเอ่ยเสียงค่อย แล้ววิ่งไปทั้งดวงตาแดงก่ำด้วยท่าทางราวกับน้อยอกน้อยใจ
เฟิ่งจิ่วส่งเสียงจิ๊จ๊ะ “เฮ้ ดอกไม้ขาวน้อยจะร้องไห้แล้ว พวกเรารังแกนางเสียแล้วหรือ? เหมือนจะไม่นี่?” เธอเอ่ยถามพลางมองยังเยี่ยจิง
“ไม่หรอก แค่พูดตามความจริง” เธอชำเลืองมองคนที่วิ่งไปไกล และดึงสายตากลับมาอย่างเย็นชา
………………………………………………….