เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 693 ความโกรธเคืองของยอดเขาสำนักยา + ตอนที่ 694 มีปัญหาแล้ว
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 693 ความโกรธเคืองของยอดเขาสำนักยา + ตอนที่ 694 มีปัญหาแล้ว
ตอนที่ 693 ความโกรธเคืองของยอดเขาสำนักยา + ตอนที่ 694 มีปัญหาแล้ว
ตอนที่ 693 ความโกรธเคืองของยอดเขาสำนักยา
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ก็ยิ้มขึ้นมา “ได้ ข้าจะจำไว้”
เธอยกชามเหล้าขึ้นคารวะ แล้วมองเขาอย่างลึกซึ้ง “พี่เซียว ข้าขอคารวะท่าน”
คารวะท่านที่ยังมาเชิญข้าดื่มเหล้าถึงอาศรม ในขณะที่ทุกคนหลบข้าไม่ยอมเข้าหา
คารวะท่านที่แม้เป็นแค่มิตรสหายจากความบังเอิญกลับกล้าออกตัวเพื่อข้า
มิตรภาพนี้ ข้าเฟิ่งจิ่วจะไม่ลืม
“ฮ่าๆๆ มา หมดชาม!”
เขาหัวเราะร่า ยกชามเหล้าขึ้นแหงนหน้าดื่มรวดเดียวหมด ทั้งสองดื่มเหล้ากินเนื้อและคุยกันอย่างเต็มที่อยู่ใต้ต้นไม้ ส่วนทางด้านนั้น สามสัตว์อสูรนอนหมอบกลืนน้ำลายมองอยู่บนพื้นหญ้า…
อีกด้านหนึ่งเจ้าสำนักกำลังจิบชากับรองเจ้าสำนักและโม่เฉิน เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักคุยเรื่องภายในสำนักศึกษาช่วงนี้ไปพลางๆ ส่วนโม่เฉินแค่ฟังเงียบๆ
“เฮ้อ! เรื่องนี้นึกไม่ถึงจริงๆ ศักยภาพของเฟิ่งจิ่วโดดเด่นเช่นนั้น ความเร็วในการบรรลุขั้นยิ่งไม่ธรรมดา ทำไมถึงเป็นฐานพลังวิญญาณร้อยแปดห้าธาตุไปได้?” รองเจ้าสำนักส่ายหน้า รับความจริงข้อนี้ไม่ได้อยู่บ้าง
“อาจเพราะเขาเจอโชคดีอะไร มิเช่นนั้นจะบรรลุขั้นรวดเร็วเพียงนั้นได้เช่นไร? เจ้ากับข้าต่างรู้เรื่องฐานพลังวิญญาณร้อยแปดห้าธาตุดี อยากจะบรรลุระดับสร้างรากฐานเป็นเรื่องยาก ตลอดชีวิตนี้เกรงว่าคงได้แต่หยุดอยู่ระดับยอดปรมาจารย์เท่านั้น” เจ้าสำนักกล่าว ก่อนจะจิบน้ำชาเบาๆ
“ข้าไม่อยากเชื่อว่าต้นกล้าดีๆ เพียงนั้น…”
“ตามที่ข้ารู้ ฐานพลังวิญญาณห้าธาตุยังเป็นธาตุพลังวิญญาณต้นกำเนิดด้วย”
ได้ยินคำพูดนี้ รองเจ้าสำนักมองไปยังโม่เฉินที่จิบชาเบาๆ “ฐานพลังวิญญาณต้นกำเนิด?”
“จริงด้วย ข้านึกขึ้นได้ ฐานพลังวิญญาณห้าธาตุคือฐานพลังวิญญาณต้นกำเนิดจริงๆ นั่นเป็นรากเหง้าของฐานพลังวิญญาณ เพียงแต่ผ่านการวิวัฒนาการมาหลายปี ฐานพลังวิญญาณห้าธาตุจึงมีน้อยยิ่ง อย่างมากจะเป็นฐานพลังหนึ่งเดียวหรือคู่ เพราะฐานพลังวิญญาณห้าธาตุฝึกบำเพ็ญได้เชื่องช้ามาก ถึงค่อยๆ ถูกคนเรียกว่าเป็นฐานพลังวิญญาณร้อยแปด และเรียกว่าเป็นฐานพลังวิญญาณไร้ประโยชน์”
เจ้าสำนักกล่าวจบก็มองทางโม่เฉินพลางบอก “เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่าแก่มาก ทำไมเจ้าถึงรู้ได้?”
“ข้าเคยอ่านตำราเก่าและถามท่านอาจารย์มา เขาบอกไว้ว่าผู้ที่มีฐานพลังวิญญาณต้นกำเนิดเป็นผู้รับพรจากสวรรค์” โม่เฉินจิบชาน้อยๆ น้ำเสียงทั้งเฉยเมยและนาบเนิบ สิ่งที่คิดในหัวกลับเป็นใบหน้าประดับรอยยิ้มของหนุ่มน้อยคนนั้น
รู้ว่าตนเองมีฐานพลังวิญญาณห้าธาตุ เขาจะซ่อนตัวไม่กล้าออกมาอย่างที่นักเรียนพวกนั้นพูดจริงๆ หรือไม่?
แม้จะรู้จักกับเขาเพียงผิวเผิน คบหากันไม่ลึกซึ้ง กลับยังรู้ได้ว่านิสัยใจคอเด็กหนุ่มคนนั้นเทียบไม่ได้กับคนทั่วไป เทียบกับการซ่อนตัวอย่างหมดสภาพ โม่เฉินคิดว่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่เด็กหนุ่มกำลังคิดหาวิธีอะไรมาแก้ไข
ผ่านไปอีกสองสามวัน
วันนี้ พวกอาจารย์สำนักยาพากันมาหาเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักอย่างโมโหปึงปัง
“แต่ละคนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟด้วยเรื่องอะไรกัน?” รองเจ้าสำนักมองเหล่าอาจารย์สำนักยาแต่ละคนที่โมโหฉุนเฉียวเข้ามา นึกแปลกใจอยู่บ้าง หรือว่ามีใครทำให้อาจารย์สำนักยาพวกนี้โกรธเคือง?
“ท่านเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เรื่องนี้ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด และต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดขอรับ!” อาจารย์คนหนึ่งเอ่ยด้วยความขุ่นเคืองอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ
“ต้องจัดการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเรื่องอะไร?” เจ้าสำนักแปลกใจ
“ท่านเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก มีหัวขโมยมาขโมยยาทิพย์ขอรับ ยาทิพย์บนยอดเขาสำนักยาเราหลายแห่งโดนขโมยเก็บไปเป็นประจำ แม้แต่พวกผลไม้วิญญาณยังโดนเก็บไป พวกโสมวิญญาณอายุหลายปีถูกถอนไปหมด สิ่งที่น่าแค้นใจที่สุดคือพวกโสมวิญญาณอ่อนที่มีขนาดแค่ตะเกียบยังโดนถอนด้วย นี่เป็นการตัดรากถอนโคนยอดเขาสำนักยาเราชัดๆ!”
“ใครกันใจกล้าเพียงนี้ ถึงกับกล้าก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้น?” ทั้งสองต่างตกตะลึง ถามว่า “พวกเจ้าไม่ได้ตรวจสอบ? ไม่ได้ป้องกันหรือ?”
ครั้นได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าอาจารย์ทั้งหลายแดงก่ำ บอกอย่างโกรธเคืองว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร! พวกเราป้องกันแล้วขอรับ ส่งนักเรียนไปเฝ้าก็โดนขโมย ส่งอาจารย์ไปเฝ้ายังโดนขโมยอีก”
………………………………………………….
ตอนที่ 694 มีปัญหาแล้ว
ได้ยินเช่นนี้ เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักก็มองหน้ากัน ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ที่ถูกขโมยไปเป็นยาทิพย์อะไร พวกเจ้ามีรายการหรือไม่ ลองไปดูตรงจุดแลกคะแนนคุณงามความดีหรือยัง พวกนักเรียนอาจจะขโมยเก็บไปแลกคะแนนคุณงามความดี?”
“ตรวจสอบแล้วขอรับ ไม่มีเลย หนำซ้ำยาทิพย์ที่โดนเก็บไปก็มีหลายอย่าง ส่วนมากหลักๆ เป็นโสมวิญญาณ ตอนนี้โสมวิญญาณบนยอดเขาสำนักยาเหลือไม่ถึงหนึ่งในสาม พวกเรากังวลว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปโสมวิญญาณของสำนักศึกษาจะยิ่งขาดแคลน สมุนไพรมากมายกับยาที่เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุสำนักยาเซียนต้องใช้คงไม่อาจเตรียมหรือจัดหาให้ได้”
ได้ยินคำพูดนี้ก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาได้ เจ้าสำนักจึงบอกกับรองเจ้าสำนักว่า “เจ้าตามเรื่องนี้ให้ที หลังจากลองดูสถานการณ์ค่อยจัดคนจากสำนักยาหรือสำนักพลังเร้นลับสองสามคนเข้าไปเฝ้า จำต้องจับหัวขโมยสมุนไพรคนนี้ให้จงได้”
“ขอรับ ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” กวนเหล่าพยักหน้า มองไปยังพวกนั้นพลางถาม “หัวขโมยสมุนไพรคนนี้ปกติจะเข้าไปขโมยช่วงเวลาไหน พวกเจ้ามีบันทึกไว้หรือไม่?”
“มีขอรับ ปกติเป็นเวลาอาหาร” อาจารย์หนึ่งคนในนั้นบอก
“เวลาอาหาร?”
รองเจ้าสำนักตกใจ พยักหน้าให้ “ใช่สิ เวลาอาหารพวกอาจารย์ต่างกำลังทานอาหาร แน่นอนว่าเป็นโอกาสดีที่สุดที่จะลงมือ อืม ข้ารู้แล้ว พวกเจ้ากลับไปก่อน รอข้าไปคัดคนจากสำนักยากับสำนักพลังเร้นลับสักสองสามคนมา แล้วค่อยไปดูที่ยอดเขาสำนักยาเสียหน่อย”
อาจารย์พวกนั้นได้ยินคำพูดเขาถึงค่อยวางใจ พยักหน้าขานรับและออกไปพร้อมๆ กัน
อีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่ผ่านการฝึกฝนช่วงนี้และจัดการกับธาตุทั้งห้าในร่างในที่สุดก็ถอนหายใจอย่างผ่อนคลายสบายใจ ไม่ได้ออกมาข้างนอกตั้งนาน จึงสั่งสามสัตว์อสูรให้คอยดูอาศรม ส่วนตนเองนั่งขนนกบินไปถามที่สำนักพลังเร้นลับเสียหน่อยว่าพี่ชายเธอออกจากหอคอยพลังเร้นลับแล้วหรือยัง?
เมื่อเธอมาถึงสำนักพลังเร้นลับ ก็เห็นรองเจ้าสำนักกำลังพานักเรียนสำนักพลังวิญญาณสองสามคน และนักเรียนสำนักพลังเร้นลับอีกสองสามคนเดินออกมา เจอหน้ากันเธอจะเสียมารยาทไม่ได้ ดังนั้นจึงเข้าไปคารวะ
“รองเจ้าสำนัก”
“โอ้? เฟิ่งจิ่ว! ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่?” กวนเหล่าถามด้วยรอยยิ้ม ยามเห็นหนุ่มน้อยคนนี้ ในใจก็มีความรู้สึกมากมาย
“ออกมาเดินเล่นยามว่างพอดีขอรับ ท่านรองเจ้าสำนัก พวกท่านจะไปทำอะไรกันหรือ?” เธอมองนักเรียนสำนักพลังวิญญาณด้านหลัง ล้วนเป็นนักเรียนระดับสวรรค์ นักเรียนสำนักพลังเร้นลับพวกนั้นก็เช่นกัน
“ช่วงนี้ยาทิพย์กับโสมวิญญาณบนยอดสำนักยามักจะถูกขโมย อาจารย์จากยอดเขาสำนักยาเข้ามาหาข้ากับเจ้าสำนัก ดังนั้นจึงวางแผนส่งนักเรียนสองสามคนไปจับตาดูเสียหน่อย ดูว่าใครกันแน่ที่ใจกล้าเพียงนี้ถึงกล้าขโมยยาทิพย์บนยอดเขาสำนักยา”
“อ้อ ที่แท้เป็นแบบนี้เอง เช่นนั้นข้าไม่รบกวนรองเจ้าสำนักแล้ว” เธอคารวะและเบี่ยงกายไปข้างๆ เล็กน้อย ให้พวกเขาเดินแถวไปกันไกลๆ ในใจกลับสงสัยขึ้นมา
ยาทิพย์กับโสมวิญญาณถูกขโมย?
ฝีเท้าที่มุ่งเดินไปสำนักพลังเร้นลับพลันชะงักลงเหมือนนึกอะไรได้ มุมปากก็กระตุก ช่วงนี้สัตว์อสูรสามตัวของเธอกินอะไรกัน?
ไม่ได้ กลับไปดูเสีนหน่อยดีกว่า
ทันใดนั้น เธอกระโดดขึ้นขนนกบินไปยังอาศรมอย่างรวดเร็ว หลังจากมาถึงอาศรมกลับเห็นว่ามีเพียงเสี่ยวเฮยเฝ้าอยู่ด้านนอก ไม่เห็นวี่แววเหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาตัวน้อย เห็นเช่นนี้ใจเธอพลันสะดุดกึก แอบร้องว่าแย่แล้ว
ยอดเขาสำนักยาอยู่ถัดจากยอดเขาสำนักยาเซียน หากเจ้าสองตัวมีความเป็นไปได้นั้นจริงๆ ด้วยความเร็วของอสูรกลืนเมฆาประกอบกับเหล่าไป๋ หากขโมยของขึ้นมาคงไม่มีใครพบแน่ๆ
เธอนั่งขนนกบินตามหาไปกลางอากาศ มองด้านล่างบ่อยครั้งด้วยความกังวลอย่างยิ่ง
ด้านหนึ่งก็คิดว่ารองเจ้าสำนักพานักเรียนระดับสวรรค์ของสำนักพลังวิญญาณกับนักเรียนสำนักพลังเร้นลับไปจับตาดูถึงบนยอดเขาสำนักยา หากเจ้าโง่สองตัวนั้นโดนพวกเขาเจอเข้าพอดี เช่นนั้นเธอก็มีปัญหาแล้ว
………………………………………………….