เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 699 รู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนทำ + ตอนที่ 700 ยาสัจจะระดับสอง
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 699 รู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนทำ + ตอนที่ 700 ยาสัจจะระดับสอง
ตอนที่ 699 รู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนทำ + ตอนที่ 700 ยาสัจจะระดับสอง
ตอนที่ 699 รู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนทำ
เฟิ่งจิ่วกล่าวจบก็ก้าวเดินออกไปพร้อมเยี่ยจิงต่อหน้าอาจารย์ผู้โกรธเกรี้ยวคนนั้น มาถึงด้านนอกแล้วยังได้ยินอาจารย์คนอื่นๆ กำลังปลอบอาจารย์หลู
“ทำไมเจ้าถึงบอกว่าท่านอาจารย์หลูป่วย? เขาป่วยจริงหรือ?” เยี่ยจิงมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
ได้ยินเช่นนี้เฟิ่งจิ่วก็ยิ้มทันที กล่าวอย่างจนปัญญายิ่งว่า “อืม ป่วยจริงๆ เพียงแต่ข้าบอกแล้วเขาไม่เชื่อ!” เธอส่ายหน้าและไม่พูดอะไรมากอีก “หลังจากเจ้ากลับไป อย่างดีที่สุดก็จับตาดูดอกไม้ขาวน้อยดอกนั้นไว้ก่อน ข้าจะเข้าไปหาเจ้าช้าหน่อย”
เยี่ยจิงฟังแล้วก็ตกใจเล็กน้อย “พวกเราจะไม่ไปหานางตอนนี้หรือ?”
“ไม่ต้องรีบๆ พวกเรามีเวลาหนึ่งวัน ข้าต้องกลับไปเตรียมของนิดหน่อยก่อน” เธอยิ้มๆ ระหว่างที่นัยน์ตาเป็นประกายวูบไหว มีความเย็นเยียบบางๆ ฉายผ่านไป
“เช่นนั้นก็ดี! เจอกันยามเย็น” เยี่ยจิงพูดแล้วถึงจะเดินออกไปก่อน
หลังจากนางจากไป เฟิ่งจิ่วก็นั่งขนนกบินไปยังอาศรมสำนักยาเซียน
อีกด้านหนึ่ง เมื่อไป๋รั่วเฟยรู้ว่าเฟิ่งจิ่วกับเยี่ยจิถูกพาไปยังห้องเรียน ใจก็หวั่นๆ ขึ้นมา ทั้งตื่นเต้นและตึงเครียด พวกเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง? จะโดนไล่ออกจากสำนักศึกษาหรือไม่? ยามนี้คนทั่วสำนักศึกษาเห็นพวกเขาคงนินทาลับหลังกันเป็นแน่ ชื่อเสียงทั้งสองก็นับว่าเสื่อมเสียไปด้วย แต่ว่านางไม่ได้โกหก เห็นชัดๆ ว่าภายในเทือกเขาหมื่นอสูรเฟิ่งจิ่วคนนั้นกระโจนเข้าใส่เยี่ยจิง
“สตรีตกอับไร้เกียรติ วันๆ ยังกล้าวางท่าทางถือตัว เยี่ยจิง ดูซิว่าครั้งนี้เจ้าจะยังถือตัวได้อย่างไร!” นางเอ่ยด้วยความชิงชัง รูปโฉมที่ยังนับว่าสะสวยบิดเบี้ยวเพราะความอิจฉาและแค้นใจ ดูไม่น่ามองผิดปกติ
ทว่าในเวลานี้เอง เสียงเยี่ยจิงก็ลอยมาจากด้านนอก “รั่วเฟย เจ้าอยู่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ร่างนางสะดุ้ง พลันลุกยืนขึ้นด้วยอาการตื่นตระหนก นิ่งไปเล็กน้อยแล้วถึงจะเดินออกไปพลางถามว่า “อะ อาจิง? เจ้าเองหรือ? มาได้อย่างไร?”
ระหว่างพูดก็เห็นร่างชุดขาวด้านนอกเดินเข้ามาแล้ว ทันใดนั้นนางรีบร้อนเผยรอยยิ้มหวานพลางเข้าไปต้อนรับ “อาจิง ในที่สุดเจ้าก็ยอมมาหาข้า ช่วงนี้เจ้าไม่สนใจข้าเลย แม้แต่คนคุยด้วยสักคนข้ายังไม่มี”
เยี่ยจิงเดินเข้ามา เห็นสาวน้อยมีรอยยิ้มหวานฉ่ำบนใบหน้า แววตาสั่นไหวเล็กน้อย “ช่วงนี้เจ้ากำลังยุ่งเรื่องอะไร ไม่ออกไปเดินเล่นข้างนอกหรือ?”
“เจ้าไม่สนใจข้า ช่วงนี้ข้ากำลังฝึกบำเพ็ญ ไม่ได้ออกไปไหน ทำไมหรือ?” ใจนางหวั่นๆ เล็กน้อย ฝ่ามือมีเหงื่อไหล
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ช่วงนี้ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ภายในสำนักศึกษาต่างลือกันเรื่องข้ากับเฟิ่งจิ่ว พูดได้ไม่น่าฟังยิ่งนัก” เยี่ยจิงเอ่ยพลางนั่งลงข้างโต๊ะ เห็นภายในเรือนมีนางแค่คนเดียว จึงถามว่า “คนพวกนั้นที่พักอยู่กับเจ้าล่ะ ไม่อยู่หรือ?”
สำนักศึกษามีเพียงนักเรียนระดับสวรรค์ที่พักเรือนเล็กคนเดียวได้ นักเรียนต่ำกว่าระดับสวรรค์ลงไปจะอยู่เรือนเดียวกันสองสามคน
“พวกนางออกไปแล้ว ยังไม่กลับมาเลย” นางกล่าวพลางรินชาให้เยี่ยจิง เอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “อาจิง ทำไมเจ้านึกอยากเข้ามาหาข้า?”
“ข้าเข้ามาหาเจ้าไม่ได้หรือ?”
“มะ ไม่ใช่นะ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” นางรีบบอก ยามมองหญิงที่มีน้ำเสียงอ่อนโยนแต่ท่าทีเย็นชา นางพลันไม่แน่ใจสักเท่าไร
นางคงไม่คิดว่าเรื่องด้านนอกพวกนั้นเป็นฝีมือตนกระมัง?
ขณะกำลังคิดก็ได้ยินอีกฝ่ายกล่าวว่า “ข้าเข้ามาหาเจ้าเพราะอยากถามเสียหน่อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือด้านนอก?”
ไป๋รั่วเฟยหัวใจเต้นตึกตักทันที สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
………………………………………………….
ตอนที่ 700 ยาสัจจะระดับสอง
“ขะ ข่าวลืออะไร?”
เยี่ยจิงมองไป๋รั่วเฟยนิ่งๆ ไม่ได้ตอบกลับ ผ่านไปสักพักก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา “ก็ใช่ เจ้าไปฝึกบำเพ็ญไหนเลยจะรู้ ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนั้นแล้ว วันนี้ข้าแค่เข้ามานั่งเล่นพูดคุยกับเจ้าสักหน่อย”
ไป๋รั่วเฟยแอบถอนหายใจโล่งอก มองนางที่หลับตาลงดื่มชา จากนั้นถึงจะพูดเรื่องอื่นและคุยเล่นด้วย…
อีกด้านหนึ่ง ภายในอาศรมของเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วกลับมาก็เข้าไปยังอาศรม เปิดเตาเริ่มกลั่นยาเซียน ในหมู่ตำรายาเซียนที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้เธอ มียาอายุวัฒนะที่เรียกว่ายาสัจจะอยู่ เป็นยาอายุวัฒนะระดับสอง ด้วยทักษะยาเซียนของเธอในตอนนี้ อยากจะกลั่นยาสัจจะระดับสองสักเม็ดจริงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
นายท่านภายในอาศรมกำลังกลั่นยาเซียน ส่วนสัตว์อสูรสามตัวด้านนอกก็นอนเรียงกันพลางมองอาศรมนั้นโดยไม่เข้าไปรบกวน หลังจากวันนั้น พวกมันไม่ได้ไปขโมยโสมวิญญาณอะไรอีกเลย เพราะยาอายุวัฒนะที่นายท่านปรุงให้พวกมันเป็นของดียิ่งกว่า กินเม็ดเดียวอยู่ได้ครึ่งเดือน หนำซ้ำยังเสริมกลิ่นอายพลังในร่างพวกมันได้ด้วย เทียบกับการกินยาทิพย์โสมวิญญาณสดๆ แล้วดีกว่ามากนัก
ทางยอดเขาสำนักยา เรื่องนี้ก็ค่อยๆ ถูกเก็บเงียบไว้ และจบลงอย่างไม่มีบทสรุป เพราะยาทิพย์โสมวิญญาณไม่ได้ถูกขโมยไปอีก
ภายในห้องปรุงยาเฟิ่งจิ่วผสมสมุนไพรเช่นลำโพงม่วงกับถั่วเพรียวตามตำรายาเซียน ควบคุมแหล่งพลังไฟในร่างมาปรุงกลั่น ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม กลิ่นหอมยาก็กระจายออกมา กลิ่นหอมยานั้นแม้แต่เธอได้กลิ่นจิตใจยังเลื่อนลอยอย่างอดไม่ไหว
“สมกับเป็นยาสัจจะ ลำพังแค่กลิ่นหอมยายังทำให้เกราะป้องกันจิตใจพังทลาย หากนำของชิ้นนี้มาประมูล เดาว่าคงมีคนต้องการไม่น้อยเลยกระมัง?” เธอพึมพำเสียงเบา ช่วงนี้ไม่ได้ส่งยาใหม่ๆ เข้าตลาด แต่ยังส่งยาอายุวัฒนะไปประมูลยังตลาดมืดได้
ในใจกำลังคิดแต่กลับไม่ได้ใจลอย เห็นยาอายุวัฒนะจวนจะสำเร็จแล้ว ก็พลันพลิกมือเพิ่มไฟไปอีก กลิ่นอายพลังวิญญาณถูกส่งเข้าไป สุดท้ายก็เคาะไปยังตัวเตาและนำยาอายุวัฒนะข้างในออกมา
“ยาสัจจะระดับสอง มีลวดลายยาสี่สาย ยังถือว่าไม่เลว แต่ไม่รู้ว่าผลของยาจะเป็นเช่นไร?” เธอกระซิบเสียงค่อย พลางมองยาสัจจะสามเม็ดบนมือ คิดว่ายาอายุวัฒนะนี้ควรหาคนมาทดลองเสียก่อน จะได้รู้ผลลัพธ์ของมัน แต่จะหาใครมาลองเล่า?
เธอเดินพึมพำออกไปนอกอาศรม ถือยาอายุวัฒนะไว้ในมือพลางมองไป ครุ่นคิดว่าจะให้ใครมาทดลองยาดี? แม้บอกว่าปรุงตามตำรายาเซียน แต่ไม่รู้อาจารย์เธอเอาตำราพวกนั้นมาจากไหน เคยปรุงตามพวกตำราสมัยก่อนก็กลั่นได้ยาอายุวัฒนะแปลกๆ ด้วยเหตุนี้แม้รู้ว่าพวกยาอายุวัฒนะที่ปรุงออกมาไม่มีพิษอะไร ก็ต้องทดลองยาเสียหน่อยถึงจะวางใจ
เพราะกลิ่นที่ปล่อยออกมาจากยาอายุวัฒนะสามเม็ดบนมือยากเกินกว่าจะต้านทาน สัตว์อสูรสามตัวที่นอนอยู่ด้วยกันได้กลิ่นยาก็ลุกขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่นัดหมาย และจ้องมองยาอายุวัฒนะในมือเธอด้วยท่าทางละโมบ
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “นี่ไม่ใช่ของกินพวกเจ้า สามเม็ดนี้เป็นยาสัจจะ ใช้ทำให้คนพูดความจริง คงไม่มีประโยชน์กับสัตว์อสูร”
เธอนั่งลงบนพื้นหญ้า หยิบขวดออกมากำลังจะใส่ยาอายุวัฒนะทั้งสามเม็ด ใครจะรู้ว่ามีลิ้นใหญ่ม้วนกินยาอายุวัฒนะหนึ่งเม็ดสุดท้ายในมือไป เธออึ้งไปสักพัก มองทางเหล่าไป๋แล้วถลึงตาทันใด
“เหล่าไป๋! เจ้าผีจอมตะกละ! นั่นเป็นยาสัจจะ! ไม่ใช่ของกินสัตว์อสูร แต่เป็นของมนุษย์! หนำซ้ำยังไม่ได้ผ่านการทดสอบ หากเจ้ากินแล้วมีผลลัพธ์ดีเลวอะไรขึ้นมา อย่ามาหาว่าข้าไม่เตือน”
“เอิ้ก!”
………………………………………………….