เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 701 เหล่าไป๋พูดภาษาคน + ตอนที่ 702 ตัวทดลองยา
ตอนที่ 701 เหล่าไป๋พูดภาษาคน + ตอนที่ 702 ตัวทดลองยา
ตอนที่ 701 เหล่าไป๋พูดภาษาคน
เพียงเห็นเหล่าไป๋สะอึก ดวงตากลอกมองบน สองขาอ่อนแรงนอนลงบนพื้นหญ้า ลิ้นใหญ่ม้วนขึ้นไปบนปากม้า ร่างกายชักกระตุกเล็กน้อย
เฟิ่งจิ่วเห็นดังนั้นก็ตกใจ “เหล่าไป๋? เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เป็นไปไม่ได้! ข้าตรวจสอบแล้วว่ายาอายุวัฒนะนี้ไม่มีพิษ แม้สัตว์อสูรกินก็ไม่น่าจะมีพิษนี่นา!”
เธอเห็นท่าทางเหล่าไป๋แล้ว ในใจนึกเป็นกังวล กำลังคิดจะหยิบยาแก้พิษจากห้วงมิติมาให้มันกิน ก็ได้ยินเหล่าไป๋ที่เดิมทีตาเหลือกพลันมีสำหน้าเคลิบเคลิ้ม แล้วแลบลิ้นเลียหน้าเธออย่างไม่ทันให้ตั้งตัว ขณะกำลังจะส่งเสียงด่าด้วยความโกรธเคือง เสียงต่อมาที่ได้ยินกลับทำให้ร่างกายเธอแข็งทื่อและนิ่งอึ้งไป
“นายท่านงามนัก นายท่านผู้งดงามยิ่ง ท่านเป็นสตรีงดงามที่สุดที่ข้าเคยเห็น ข้าชอบนายท่านที่สุดเลย ข้ายังเคยแอบมองท่านอาบน้ำด้วย รูปร่างท่านดีจริงๆ นายท่าน…”
ได้ยินเหล่าไป๋พูดจาเจื้อยแจ้วด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มอยู่ตรงนั้น มุมปากเฟิ่งจิ่วกระตุก หน้าผากมีเส้นเลือดดำนูนขึ้น ใครบอกได้บ้างว่าทำไมยาสัจจะที่เธอกลั่นถึงทำให้สัตว์อสูรที่ไม่ใช่สัตว์เทวะเอ่ยปากพูดภาษาคนได้?
หนำซ้ำยังแอบดูเธออาบน้ำ? เจ้าเหล่าไป๋นี่วอนหาเรื่องเสียแล้ว!
อสูรกลืนเมฆาข้างๆ กันยังตะลึง ต้องรู้ไว้ว่ามีเพียงสัตว์เทวะเท่านั้นที่พูดภาษามนุษย์ได้ ส่วนสัตว์อสูรระดับต่ำกว่ามีเพียงทำพันธสัญญาด้วยถึงจะสามารถสื่อจิตกับเจ้านาย แม้ไม่รู้ว่าเหล่าไป๋เป็นสัตว์อสูรประเภทไหน และต่อให้พละกำลังแข็งแกร่งเช่นนั้น แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมามันพูดภาษามนุษย์ไม่ได้เลย ทำไม ทำไมกินยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียวถึงเอ่ยปากพูดภาษามนุษย์ได้แล้ว?
แต่ว่าแอบดูนายท่านอาบน้ำ? มันช่างใจกล้าเสียจริง! ยังบอกอีกว่ารูปร่างนายท่านดีจริงๆ? จิ๊ๆ หากชายที่น่ากลัวคนนั้นรู้เข้าต้องหักคอมันแน่
มีเพียงหมีดำตัวใหญ่ที่นั่งงง แม้อสูรศักดิ์สิทธิ์จะชาญฉลาดเบิกปัญญาแล้ว แต่สำหรับเหล่าไป๋ที่ไม่ใช่แม้แต่อสูรศักดิ์สิทธิ์พูดภาษามนุษย์ สติปัญญามันมีขีดจำกัด จึงฟังไม่เข้าใจ…
ผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป เหล่าไป๋ซึ่งเล่าเรื่องเลวทรามที่ทำมาก่อนหน้านี้ด้วยเสียงเจื้อยแจ้วก็เลียมุมปากและหยุดลงในที่สุด มองนายท่านตรงหน้าที่หน้าดำทะมึนตาปริบๆ ก่อนจะคอตกหลบไปเบื้องหน้านางทันที ปิดปากไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่หางม้ากลับส่ายสะบัดไปมาด้วยความดีใจยิ่ง
“เหล่าไป๋ พูดจบแล้วหรือ ไม่พูดอีกหน่อยเล่า?” เฟิ่งจิ่วบิดหูมัน จ้องมองมันด้วยรอยยิ้มจอมปลอม
“ซี๊ด! เจ็บๆๆ นายท่านๆ เบาๆ ขอรับ” เหล่าไป๋พลันสูดลมหายใจ เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย
เฟิ่งจิ่วได้ยินว่าหลังจากยาออกฤทธิ์มันยังพูดภาษามนุษย์ได้ก็ตกตะลึง มือที่ดึงหูมันคลายออกทันที “จะ เจ้ายังพูดภาษาคนได้หรือ?”
สวรรค์ นั่นเป็นยาสัจจะไม่ใช่หรือ? หรือว่าทำพลาดตรงไหน?
เหล่าไป๋ฉีกยิ้มด้วยความเริงร่า เผยฟันม้าออกมา เอ่ยอย่างระริกระรี้ว่า “นายท่าน ข้าพูดได้ท่านไม่ดีใจหรือ ข้ายินดียิ่ง ในที่สุดเหล่าไป๋ก็พูดภาษามนุษย์ได้แล้ว นี่เป็นสิ่งสวยงามที่ข้าหวังมาเนิ่นนาน การติดตามนายท่านเป็นเรื่องที่ข้าเหล่าไป๋ทำถูกต้องที่สุดดังคาด นายท่านมียาอายุวัฒนะอะไรอื่นอีกหรือไม่? หากมีมาอีกเม็ดข้าอาจเปลี่ยนกลายเป็นคนได้นะขอรับ”
“เปลี่ยนกับผีน่ะสิ!”
เธอตบไปบนหัวมันทันที ถลึงตาบอกกับอสูรกลืนเมฆาข้างๆ ว่า “ดูไว้ดีๆ อย่าให้มันวิ่งโร่ไปก่อเรื่อง”
เธอต้องกลับไปศึกษาอีกหน่อยว่ายาสัจจะนี้มีปัญหาตรงไหน? ยามกำลังจะเดินไปยังด้านในอาศรม เสียงที่ดังมาด้านหลังกลับทำให้ฝีเท้าเธอซวนเซจนแทบจะหัวทิ่มลงไป
เหล่าไป๋ผิวปาก กล่าวอย่างลุ่มหลงว่า “แผ่นหลังนายท่านก็งดงามเช่นกันขอรับ”
………………………………………………….
ตอนที่ 702 ตัวทดลองยา
เฟิ่งจิ่วหันกลับไป จ้องมันอย่างดุร้าย “หุบปากเจ้าไปซะ! ข้าไม่อนุญาตให้พูดภาษามนุษย์ต่อหน้าคนอื่น มิเช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าส่งเสียงไม่ได้ตลอดไป!”
สัตว์อสูรที่ไม่ใช่สัตว์เทวะเอ่ยปากพูดภาษามนุษย์ หากคนอื่นรู้เข้าจะเกิดปัญหาใหญ่เพียงใด?
เหล่าไป๋ได้ยินคำพูดนี้ ก็พลันปิดปากด้วยท่าทางเช่นมนุษย์ แล้วหมอบกลับลงไปบนพื้นหญ้าอย่างเชื่องๆ นายท่านเป็นคนพูดจริงทำจริง มันไม่กล้าท้าทายความอดทนของนาง
กระทั่งเฟิ่งจิ่วเข้าอาศรมไป อสูรกลืนเมฆากับหมีดำตัวใหญ่ด้านนอกกำลังนั่งหมอบ สี่ตาของสองสัตว์อสูรจ้องมองเหล่าไป๋ เหล่าไป๋เห็นเช่นนี้ก็เชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ แล้วจ้องไปยังอสูรกลืนเมฆา
“ทำไมรึ ข้าทำให้เจ้าตกใจหรือไม่? ข้าเคยบอกเจ้าตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าไม่ใช่สัตว์อสูรธรรมดา เป็นอย่างไรเล่า? เห็นหรือยัง? หึ ข้าไม่ใช่สัตว์เทวะยังพูดภาษาคนได้ ไหนเลยจะเหมือนเจ้า”
อสูรกลืนเมฆาชายตามองมัน “เจ้าได้ใจอะไรกัน? นายท่านบอกแล้วไม่ใช่หรือ? หากเจ้ากล้าโพล่งพูดภาษามนุษย์ออกมาต่อหน้าคนอื่น จะทำให้เจ้าส่งเสียงไม่ได้อีกตลอดไป อย่านึกว่านายท่านแค่พูดไปตามปาก เรื่องที่เจ้าไม่ใช่สัตว์เทวะแต่พูดภาษามนุษย์ได้ หากแพร่งพรายไปมีแต่จะสร้างปัญหาให้นายท่าน ดังนั้นดีที่สุดต้องหุบปากม้าของเจ้าไว้แน่นๆ หน่อย”
เหล่าไป๋ได้ยินแล้วไม่พูดตอบอย่างที่เห็นได้ยาก ถึงอย่างไรความฉลาดมันก็ไม่ได้น้อย แม้จะบ้ากามไปหน่อย แต่เรื่องนี้มันยังรู้เรื่องดี
ภายในห้องยาประจำอาศรม เฟิ่งจิ่วมองยาอายุวัฒนะสองเม็ดที่เหลือ ไม่ว่าสีหรือการใช้ยาล้วนไม่มีผิดพลาด ทำไมถึงทำให้สัตว์อสูรพูดได้? แม้จะสงสัยแต่ยังคงมั่นใจ ตำรายานั้นเป็นตำรายาสัจจะไม่ผิดแน่ๆ เหล่าไป๋กินยาเม็ดนั้นไปถึงได้โพล่งเรื่องเบื้องหลังออกมาหมด ข้อนี้ไม่ต้องสงสัยเลย
“ต้องมีจุดที่พลาดแน่ๆ ตรงไหนกันล่ะ?” เธอหลับตาครุ่นคิด ภายในห้วงความคิดหวนนึกถึงกรรมวิธีและขั้นตอนการกลั่นยาเซียน หวนนึกถึงคุณสมบัติและสรรพคุณทางยาของสมุนไพรทุกอย่าง ทันใดนั้นห้วงความคิดก็มีแสงสว่างวาบ
“ใส่หญ้าวิญญาณทวีวาจามากไป!”
ดังนั้นเธอจึงเปิดเตาอีกครั้ง และกลั่นยาอายุวัฒนะใหม่ ครั้งนี้ตำรายาเหมือนเดิม แต่เธอปรับปริมาณสมุนไพรปรุงใหม่ ผ่านไปประมาณสองชั่วยาม ยาอายุวัฒนะก็ออกมาจากเตา
เธอนำยาเตานี้ออกมา เห็นว่าในนั้นเป็นยาอายุวัฒนะทั้งสามเม็ด แต่มีเพียงสองเม็ดที่สำเร็จ อีกเม็ดหนึ่งเป็นยาพิษ
เทียบกับสองเม็ดที่นำออกมาก่อนหน้านั้น สีสันและขนาดเหมือนกันทุกประการ สิ่งเดียวที่แตกต่างคือเพียงวินิจฉัยอย่างละเอียด จะได้กลิ่นว่ากลิ่นยาหนึ่งในนั้นค่อนข้างเจือจาง
“ครั้งนี้คงไม่พลาดแล้ว” เธอเอ่ยขึ้น ในใจกลับมีความมั่นใจแค่หกถึงเจ็ดจากสิบส่วน คิดๆ แล้วก็ถือยาอายุวัฒนะเดินออกมา เห็นสัตว์อสูรสามตัวด้านนอกหมอบอยู่บนพื้นหญ้า ก็กำชับไว้สักประโยค ก่อนจะนั่งขนนกบินไปหาเยี่ยจิง
เห็นนายท่านออกไปแล้ว เหล่าไป๋ถึงขยับปาก “เจ้าว่าพวกเราต้องตามไปหรือไม่?”
อสูรกลืนเมฆาชายตามอง “ตามไปทำไม?”
“แน่นอนว่าต้องปกป้องนายท่านสิ!” เหล่าไป๋กล่าวอย่างสมเหตุสมผลและคึกคัก
อสูรกลืนเมฆาเห็นมันยืนขึ้นสะบัดหางก็หัวเราะเยาะ “เจ้าไม่ได้ยินนายท่านสั่งไม่ให้พวกเราวิ่งพล่านหรือ? อยากไปเจ้าก็ไปสิ ข้าไม่ไปหรอก”
“เสี่ยวเฮย เจ้าไปไหม?” เหล่าไป๋มองหมีดำตัวใหญ่พลางถาม
หมีดำตัวใหญ่เกาหัว มองๆ เหล่าไป๋แล้วมองอสูรกลืนเมฆา สุดท้ายก็ส่ายหน้าไม่กล้าไป
เหล่าไป๋เห็นเช่นนี้ก็หัวเราะ หมอบกลับลงไปอย่างเบื่อหน่าย
อีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วตามหาที่พักไป๋รั่วเฟยพบ มาถึงบริเวณเรือนแล้ว เมื่อเห็นสองคนที่นั่งดื่มชาอยู่กลางลานบ้าน แววตาก็ฉายประกายพร้อมเผยรอยยิ้ม
………………………………………………….