เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 731 พบชายปลิ้นปล้อนกลางถนน + ตอนที่ 732 ดูข้านะ
ตอนที่ 731 พบชายปลิ้นปล้อนกลางถนน + ตอนที่ 732 ดูข้านะ
ตอนที่ 731 พบชายปลิ้นปล้อนกลางถนน
เช้าตรู่วันต่อมา เนี่ยเถิงที่เปลี่ยนมาสวมชุดนักเรียนมายังยอดเขาสำนักยาเซียนภายใต้การนำทางของนักเรียนคนหนึ่ง
เขาไม่ได้เดินเข้าไปใกล้ แค่มองอยู่ไกลๆ อากาศในป่าเขายามเช้าหอมสดชื่น ใบไม้พลิ้วไหวเบาๆ ท่ามกลางสายลม นกน้อยที่หยุดลงบนกิ่งไม้กระโดดโลดเต้นอย่างเริงร่าพร้อมขานร้องเจื้อยแจ้ว
อาศรมนั้นเงียบเชียบ ไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าอาศรมมีหมีดำตัวใหญ่นั่งเฝ้า และยังมีม้าประหลาดนอนส่ายหางอยู่บนพื้นหญ้า
ยามเห็นม้าขาวที่แสนคุ้นเคยตัวนั้น ม่านตาเขาหดลงเล็กน้อย หัวใจสั่นไหว
เป็นนางจริงๆ!
แม้ไม่เห็นคน แต่ม้าชื่อเหล่าไป๋ตัวนั้นอยู่ตรงนั้น นางต้องอยู่ที่นี่แน่นอน
เดิมนึกว่าจะไม่ได้เจอกันอีก กลับนึกไม่ถึงว่าเมื่อพบอีกครั้งจะอยู่ในสำนักศึกษาเดียวกัน ซ้ำยังกลายเป็นนักเรียนสำนักศึกษาเดียวกับนาง ยามนี้หัวใจที่เดียวดายของเขาเหมือนมีชีวิตชีวา เริ่มเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
เขาไม่ได้อยู่นานนัก หลังจากมั่นใจก็หมุนตัวจากไป
เขาไปได้ไม่นานมากนัก เฟิ่งจิ่วในอาศรมถอดชุดสีฟ้าเปลี่ยนมาสวมชุดคลุมสีแดง หลังจากกำชับสามสัตว์อสูรให้อยู่เฝ้าอาศรม ก็มุ่งหน้าไปยังสำนักพลังเร้นลับและสำนักพลังวิญญาณ คิดจะไปตามพี่ชายกับเยี่ยจิงออกจากสำนักศึกษาไปเดินเล่นด้วยกัน
ทว่าเมื่อมาถึงสำนักพลังเร้นลับ กลับได้รู้ว่าพี่ชายไปเรียนการต่อสู้กับนักเรียนสำนักพลังเร้นลับแล้ว เธอจึงมาเรือนของเยี่ยจิงที่สำนักพลังวิญญาณ
“เฟิ่งจิ่ว? เจ้ามาได้อย่างไร?” เยี่ยจิงประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นนาง
เธอขยิบตาไปทางเยี่ยจิง เอ่ยว่า “ข้ามาถามว่าเจ้าจะไปเดินเล่นในเมืองกับข้าหรือไม่?” ระหว่างพูดก็โยนๆ ป้ายคำสั่งในมือเล่น
เยี่ยจิงแปลกใจอยู่บ้าง “เจ้าได้ป้ายคำสั่งจากเจ้าสำนักมาหรือ?”
“เจ้าสำนักมอบให้ข้า จะไปหรือเปล่า?”
“ไปสิ ไปแน่นอน” นางยิ้มเอ่ย “เจ้ารอข้าสักครู่ ข้าจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” กล่าวจบก็เข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ทั้งสองมาถึงภายในเมืองซิงอวิ๋น ด้วยรูปโฉมโดดเด่นบุคลิกสง่างาม แค่ปรากฏตัวก็ดึงดูดสายตาคนสัญจรไปมาไม่น้อย แม้ภายในเมืองนี้จะรวบรวมผู้โดดเด่นจากแต่ละที่ไว้ แต่หน้าตาท่าทางของทั้งสองก็ยังทำให้เป็นดั่งกระเรียนในฝูงไก่ สะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง
“หาที่กินอาหารก่อนค่อยเดินเล่นเถอะ” เฟิ่งจิ่วกล่าว สิ่งที่นึกถึงในทีแรกไม่ใช่อย่างอื่น แต่เป็นอาหารรสเลิศ
“ข้าค่อนข้างคุ้นเคยภายในเมือง ข้าจะพาเจ้าไปแล้วกัน! มีแต่อาหารดั้งเดิมที่สุดของที่นี่ทั้งนั้น” เยี่ยจิงพูดพลางพาเฟิ่งจิ่วข้ามถนนใหญ่ไปยังอีกตรอกหนึ่ง
เมื่อผ่านตรอกไป มีชายวัยกลางคนร่างผอมสูงเดินสวนมาด้านหน้า สวมชุดผ้าแพรหรูหรา เดินไปพลางมองแผงลอยที่วางเรียงรายบนพื้นตรอกไปพลาง เมื่อเห็นสองคนเบื้องหน้า ดวงตาพลันเป็นประกาย สายตาหยุดมองบนร่างเยี่ยจิงในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนนุ่มนวลน่าหลงใหล
แม้เป็นตรอกแต่ก็ไม่เล็ก หากตัดที่วางแผงลอยบนพื้นสองฝั่งไป ตรงกลางยังเดินเรียงหน้ากระดานได้ประมาณสามคน เยี่ยจิงกับเฟิ่งจิ่วสองคนเดินไปพลางพูดคุยกัน
สายตาเฟิ่งจิ่วสนใจแผงลอยพวกนั้นบนพื้น เห็นว่าสิ่งที่วางขายบนแผง นอกจากของเล็กๆ น้อยๆ ยังมีพวกสมุนไพรด้วย
เยี่ยจิงแม้มองไปเบื้องหน้า ยังสังเกตเห็นสายตาจากชายวัยกลางคนร่างผอมสูงคนนั้น แต่ว่าไม่ได้สนใจ เมื่อเดินไปเผชิญหน้ากันก็เอี้ยวตัวผ่าน ขยับก้าวไปทางเฟิ่งจิ่วเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงชายวัยกลางคน
ทว่าสองคนที่เดิมไม่น่าชนกัน ขณะนางเบี่ยงตัวผ่าน ชายวัยกลางคนกลับยกแขนขึ้นเอี้ยวกายเล็กน้อยจะชนหน้าอกนางด้วยท่าทางเหมือนไม่ได้ตั้งใจ
เยี่ยจิงเห็นเช่นนี้ก็รีบเอนตัวไปทางเฟิ่งจิ่วเพื่อหลบมือที่เฉียดผ่านมา นางโกรธเคืองเล็กน้อย หันกลับไปมองคนคนนั้นอย่างเกรี้ยวกราด
………………………………………………….
ตอนที่ 732 ดูข้านะ
“เป็นอะไรไป?”
เฟิ่งจิ่วหันกลับมามองเยี่ยจิง เห็นนางมองชายร่างสูงโปรงที่สาวก้าวเดินไปไกลอย่างขุ่นเคือง สายตาจึงหยุดพินิจมองร่างคนคนนั้น
“ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ!” เยี่ยจิงกดโทสะในใจไว้ เอ่ยพลางดึงสายตากลับมา
เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เพราะไม่ได้สังเกตจึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เห็นนางไม่บอก คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยไม่ได้ถามอะไรมากอีก
ทว่าเมื่อสองคนเดินกลับไปอีกครั้งหลังกินอาหาร คิดจะไปดูร้านยาทิพย์เสียหน่อย ก็ยังพบชายวัยกลางคนร่างผอมสูงคนก่อนหน้านั้นบนถนนใหญ่อีก
ตรงแผงลอยบนถนนใหญ่มีหญิงอ้วนท้วนอายุสามสิบกว่าสวมชุดกระโปรงสีสันสดใสกำลังเท้าสะเอวชี้พ่อค้าหาบเร่พลางด่ากราด บริเวณรอบๆ มีคนไม่น้อยมามุงดู ชายวัยกลางคนร่างผอมสูงก็เบียดเสียดไปมาข้างกายเหล่าหญิงสาวตรงข้างทาง พร้อมยกมือชนหน้าอกพวกนางด้วยท่าทางเหมือนไม่ได้ตั้งใจ
เฟิ่งจิ่วเห็นภาพเช่นนี้ แววตาเย็นเยียบเล็กน้อย สักพักก็นึกถึงตอนที่เบี่ยงตัวผ่านในตรอกก่อนหน้านี้ ชายวัยกลางคนต้องใช้วิธีนี้เอาเปรียบเยี่ยจิงเป็นแน่ เป็นไปตามคาด มองเยี่ยจิงข้างกายก็เห็นสีหน้านางเย็นชาขึ้นมาเช่นกัน
“คนเช่นนี้ เจอหนึ่งครั้งต้องสั่งสอนหนึ่งครั้ง ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ หากรู้คงทำให้เขาออกจากตรอกนั้นไม่ได้แน่” เฟิ่งจิ่วกล่าว สายตาหยุดลงบนร่างชายวัยกลางคนร่างผอมสูงคนนั้น
“ข้าหลบแล้ว แต่ยังโมโหนิดหน่อย”
หน้าตาเยี่ยจิงโดดเด่นไม่เลว แต่เพราะมีฐานะดี รวมถึงมีวรยุทธ์ติดตัว คนปกติจึงไม่กล้าเอาเปรียบนาง และนางก็ไม่เคยเจอชายปลิ้นปล้อนที่มีอายุเช่นนี้
ในความคิดนาง เป็นถึงคนมีอายุแล้ว อย่างไรก็ไม่น่าทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ ทว่าชัดเจนมากว่านางแค่ไม่เคยเจอเท่านั้น ไม่ได้แปลว่าไม่มีคนเช่นนี้อยู่
“เจ้าดูข้านะ”
เฟิ่งจิ่วเผยรอยยิ้มให้นาง สาวก้าวเดินไปยังฝูงชนที่คึกคักเบื้องหน้าแล้วเบียดเสียดเข้าไป จนมาถึงข้างกายชายวัยกลางคนร่างผอมสูง เห็นเขากำลังแสร้งโน้มตัวเข้าไปมุงดู แต่กลับแอบๆ ใช้แขนถูไถหญิงสาวข้างกาย ริมฝีปากยกโค้งขึ้นอย่างอดไม่ได้ เขายื่นมือออกไปบีบบั้นท้ายหญิงอ้วนที่กำลังเท้าสะเอวด่าทอเสียงดังคนนั้นอย่างแรง จากนั้นค่อยก้าวถอยอย่างเงียบเชียบ
หญิงอ้วนที่กำลังด่านิ่งไป ใบหน้าที่เดิมทีมีความโกรธยามนี้ยิ่งเดือดดาลกว่าเก่า ทันทีที่หันกลับไป ก็เห็นชายร่างผอมสูงด้านหลังกำลังใช้หางตามองหญิงคนหนึ่งข้างกาย ก่อนจะยกข้อศอกชนหน้าอกหญิงคนนั้นคล้ายไม่ได้เจตนา
นางเห็นเช่นนี้ก็ถลึงตาอย่างโกรธเกรี้ยว ริมฝีปากที่ทาสีแดงจัดอ้ากว้างก่นด่าราวกับกระถางเลือด “ไอ้ลูกหมาสารเลว! แม้แต่ข้ายังกล้าเอาเปรียบ ข้าว่าเจ้าคงอยากตายเสียแล้ว!”
มือนางดึงคอเสื้อเขาไว้แล้วยกเขาลากมาข้างหน้าทั้งตัว ด่าเสียงดังเสียจนน้ำลายกระเซ็น “บั้นท้ายอวบๆ ของข้าใครหน้าไหนก็จับได้หรือ? ตาแก่อย่างเจ้าไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตนเองเสียบ้าง อัปลักษณ์เช่นนั้นยังจะเบียดเสียดในกลุ่มหญิงสาวเดี๋ยวชนโน่นชนนี่? ดูท่าข้าต้องจัดการไอ้บัดซบอย่างเจ้าเสียหน่อย!”
ระหว่างด่าทอ นางที่โกรธจัดใช้สองมือดึงชายร่างผอมสูงขึ้นกลางอากาศ เตรียมจะเหวี่ยงลงพื้นอย่างรุนแรง ชายวัยกลางคนตกใจจนหน้าถอดสี “ยะ อย่าๆ…เจ้าอย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา…อ๊าก!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงที่สั่นเครือก็ได้ยินเสียงเขาอุทานตกใจ จากนั้นเห็นเขาถูกหญิงอ้วนเหวี่ยงลงพื้นอย่างโหดร้าย ไม่ทันไรบั้นท้ายอวบๆ ก็นั่งทับบนท้องเขาเต็มรัก…
………………………………………………….