เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 773 พบไป๋เสี่ยวอีกครั้ง + ตอนที่ 774 ข้ามาจากตระกูลนักคุมสัตว์อสูร
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 773 พบไป๋เสี่ยวอีกครั้ง + ตอนที่ 774 ข้ามาจากตระกูลนักคุมสัตว์อสูร
ตอนที่ 773 พบไป๋เสี่ยวอีกครั้ง + ตอนที่ 774 ข้ามาจากตระกูลนักคุมสัตว์อสูร
ตอนที่ 773 พบไป๋เสี่ยวอีกครั้ง
“พี่ชาย มีอะไรพูดกันดีๆ สิ ทำเรื่องน่าอดสูเช่นนี้ได้อย่างไร? พี่ชาย อย่างมากข้าจะไม่ขอค่าชดเชยจากคุณหนู แต่พวกท่านอย่าทำชะ เช่นนี้เลย…”
“หึ! ค่าชดเชย? เจ้าหนูไปขอกับพญายมที่ใต้พิภพเถอะ!”
“เหลือศพให้เจ้ายังนับว่าปรานี ฮึ! วันนี้หากเปลี่ยนเป็นคุณชาย คงเป็นภาพนองเลือดไปนานแล้ว”
“พี่ชาย เช่นนั้นข้าไม่เอาค่าชดเชยไม่ได้หรือ? ท่านปล่อยข้าไปเถอะ! ถือซะว่าทำเรื่องดีๆ สักหน่อย”
“ปล่อยเจ้า? ไม่ต้องรีบหรอก จะปล่อยเจ้าลงไปแน่”
เฟิ่งจิ่วบริเวณไม่ไกลกระโดดเบาๆ ขึ้นมาดูบนต้นไม้ต้นหนึ่ง เพียงเห็นชายฉกรรจ์สองคนตรงหน้านั้นกำลังขุดหลุมอยู่กลางป่า หนึ่งคนในนั้นยังกระโดดลงไปลองความลึก สุดท้ายก็ออกมาและวางชายหนุ่มสวมชุดสีฟ้าคนหนึ่งด้านบนลงไปภายในหลุมนั้น จากนั้นค่อยเริ่มกลบดิน
ฝังทั้งเป็น? เธอเลิกคิ้วขึ้น คิดว่าชายหนุ่มที่กำลังลำบากคนนั้นคุ้นตานิดหน่อย
“พี่ชาย พวกเรามาคุยกันเถอะ ท่านหยุดตักดินก่อน…”
“พี่ชาย ท่านอย่าทิ้งดินมาบนหัวข้าได้หรือไม่?”
เฟิ่งจิ่วเห็นภาพเช่นนั้นก็ยิ้มโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะนึกได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร คือชายนามไป๋เสี่ยวคนนั้น เจ้าของเหล่าไป๋คนก่อน แต่นึกไม่ถึงว่าผ่านไปนานเพียงนี้จะยังพบเขาอีก
เธอเก็บใบไม้สองใบมาอย่างลวกๆ นิ้วมือดีดยิงออกไปพร้อมกลิ่นอายพลังวิญญาณ โดนเข้าตรงข้อมือชายฉกรรจ์สองคนนั้น พวกเขาเจ็บเสียจนร้องอุทาน กุมข้อมือพลางมองไปรอบๆ แล้วเปล่งเสียงตะโกนลั่น
“ใคร? ใครกัน? ออกมานะ!”
“คนที่พวกเจ้าฝังเป็นเพื่อนข้า”
สองแขนเฟิ่งจิ่วกอดอก เอนพิงบนกิ่งไม้พลางมองไป๋เสี่ยวที่โดนฝังไปสูงถึงครึ่งตัว แล้วยกยิ้มส่งให้เขา “ไม่เจอกันนานนะไป๋เสี่ยว เจ้าจะทำให้ตนเองลำบากเกินไปแล้ว”
“เจ้าหนู! เจ้ากล้าใช้อาวุธลับทำร้ายข้า!” หนึ่งคนในนั้นเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ก็ส่งเสียงด่ากราดทันที “ข้าว่าเจ้าไม่อยากมีชีวิตเสียแล้ว”
เฟิ่งจิ่วเก็บใบไม้สองใบมาอีก กล่าวว่า “พวกเจ้าไม่ไปแน่หรือ? ใบไม้สองใบนี้ ครั้งนี้จุดที่โดนคงไม่ใช่ข้อมือพวกเจ้า”
อีกคนหนึ่งเห็นท่าทาง ก้มหน้ามองเห็นว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บคือใบไม้ใบหนึ่งจริงๆ ในใจก็ตกใจ รีบร้อนลากคนข้างกายจะไป กลับถูกเฟิ่งจิ่วเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
“จะ เจ้าบอกให้พวกเราไปไม่ใช่หรือ? พะ พวกเราแค่ทำตามคำสั่ง ไม่ได้อยากจะฝะ ฝังเพื่อนเจ้า…” ยามนี้ทั้งสองตกใจ สองขาสั่นเทาเล็กน้อย สีหน้าขาวซีดไปบ้าง
ใช้ใบไม้เป็นอาวุธลับได้ เช่นนั้นวรยุทธ์ต้องสูงเพียงใด? อย่างไรก็ตามพวกสองคนใช้ใบไม้เป็นอาวุธไม่ได้ จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้หนุ่มน้อยคนนี้
“ลากเขาขึ้นมาค่อยไป” เธอเชิดคางขึ้นให้สัญญาณ
“โอ้ ได้ๆๆ”
สองคนรีบร้อนขานรับ ใช้แขนข้างที่ไม่บาดเจ็บลากไป๋เสี่ยวที่โดนฝังทรายไปครึ่งตัวคนนั้นขึ้นมา ถึงจะสับขาวิ่งหนี ราวกับด้านหลังมีสัตว์ร้ายงูพิษอะไรไล่ตาม
“เจ้าคือ… เฟิ่งจิ่ว?” ไป๋เสี่ยวลังเลสักพัก แล้วเรียกชื่อเฟิ่งจิ่วออกมา
“อืม ดูท่าทางเจ้ายังจำข้าได้” เธอพยักหน้า หรี่ตายิ้มพลางเอ่ยถาม “ไป๋เสี่ยว เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมทำให้ตนเองลำบากเช่นนี้?” ระหว่างพูดยังแก้เชือกบนตัวเขาไปด้วย
“เฮ้อ! มันอธิบายยากน่ะ”
หลังจากเขาแก้เชือกออก ก็ปัดๆ ทรายในเส้นผม พร้อมเขย่าชุดสีฟ้าบนร่าง ถามว่า “เฟิ่งจิ่ว เหล่าไป๋ล่ะ? ทำไมไม่อยู่ด้วยกันกับเจ้า? มันเชื่อฟังไหม? ก่อปัญหาอะไรให้เจ้าหรือเปล่า?”
………………………………………………….
ตอนที่ 774 ข้ามาจากตระกูลนักคุมสัตว์อสูร
“เหล่าไป๋! อธิบายยากเหมือนกัน” เฟิ่งจิ่วยิ้มพลางส่ายหน้า เห็นดินทรายบนร่างเขาก็บอกว่า “ข้างหน้าไม่ไกลมีลำธาร เจ้าจะไปอาบน้ำหรือไม่? เปลี่ยนเสื้อผ้า?”
“ได้ เดี๋ยวทำความสะอาดสักหน่อยพวกเราค่อยมาคุยกัน ตอนนี้สภาพเช่นนี้ ช่างเสียมารยาทจริงๆ” เขาเอ่ยด้วยความเกรงใจนิดหน่อย รีบไปถอดเสื้อผ้าและโดดลงอาบน้ำตรงลำธารนั้นตามทิศทางที่เฟิ่งจิ่วบอก
เฟิ่งจิ่วไม่ตามไปด้วย แต่อาศัยเวลานี้ที่เขาไปอาบน้ำจับไก่ป่ามาย่าง
“หอมมาก! เฟิ่งจิ่ว ข้าหิวมาทั้งวันแล้ว พวกเขาไม่หาอาหารให้ข้ากินเลย” เขาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เส้นผมยังมีหยดน้ำ มานั่งลงข้างกายเฟิ่งจิ่ว พร้อมจ้องมองเนื้อไก่ที่ย่างบนไฟนั้นอย่างน้ำลายสอ
“มา ดื่มเหล้าก่อนสิ” เธอหยิบเหล้าไหเล็กจากห้วงมิติมารินให้เขาครึ่งชาม
“พอแล้วๆ” เขารับชามไว้ด้วยสองมือ “ข้าดื่มเหล้าไม่ค่อยเก่ง”
“ดื่มเหล้าไม่ค่อยเก่งจะดื่มตอนท้องว่างไม่ได้ เช่นนี้แล้วกัน! รอเดี๋ยวก่อน ไก่นี้ได้ประมาณหนึ่งแล้ว” เธอยิ้มๆ แล้วเริ่มเพิ่มเครื่องปรุงรสอีกหน่อย พลางถามว่า “ทำไมทุกครั้งที่เจอกันเจ้าล้วนกำลังร่อนเร่? จะไปไหนหรือ?”
“ข้าไม่อยากไปไหน แค่ถูกคนในบ้านไล่ออกมา ให้ข้าออกมาฝึกวิชาเสียบ้าง แต่ล้มเหลวไม่เป็นท่าเสียทุกที่” เขาพูดไปสองมือก็ถือเหล้า ดวงตาจ้องไก่ย่างไว้ตลอด พลางเล่าเรื่องที่ตนเองเจอมาหลายวันนี้ออกมา
“อ้อ? เจ้าเป็นคนในตระกูลนักคุมสัตว์อสูรหรือ?” เธอแปลกใจเล็กน้อย และเข้าใจในทันที ใช่สิ หากไม่ใช่คนจากตระกูลเช่นนี้ก็ไม่น่าได้ม้าประหลาดอย่างเหล่าไป๋มา
“อืม แต่ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ฝีมือข้าไม่ได้เรื่อง แค่คุมสัตว์อสูรได้ บางครั้งคุมสัตว์อสูรก็มักจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน อย่างเหล่าไป๋ม้าประหลาดเช่นนั้นข้ายังคุมไม่ได้ และสัตว์เลี้ยงคุณหนูของสองคนนั้นเมื่อครู่ ไม่รู้เป็นอะไรถึงกระโดดตะครุบวุ่นวาย ตะปบชุดใหม่บนร่างนายมันจนขาด ซ้ำยังข่วนหลังมือนางเลือดไหล”
เฟิ่งจิ่วใช้มีดหั่นน่องไก่ให้เขา “หมายความว่าตอนนี้เจ้าไม่มีที่ไปหรือ?”
“อืม คนในบ้านไม่ให้ข้ากลับไป บอกให้ข้ามาสร้างชื่อเสียงข้างนอก แต่การสร้างชื่อเสียงนั้นยากเกินไป ข้ากลัวว่าสูญเสียชีวิตน้อยๆ นี้ไป”
เขากลืนน้ำลาย รับน่องไก่มา เพราะยังร้อนเล็กน้อย มือจึงใช้ใบไม้เป็นฉนวนกันความร้อน เพิ่งกัดไปหนึ่งคำกลิ่นหอมเนื้ออันอบอวลก็กระจายไปในปาก ทำให้เขาเบ้าตาแดงก่ำอย่างอดไม่ได้
“เฟิ่งจิ่ว เจ้าดีกับข้าเหลือเกิน เจ้าไม่รู้หรอก คนบ้านนั้นให้ข้าไปฝึกสัตว์อสูร ให้กินหมั่นโถวผักสดทุกวัน ข้าหิวเสียจนผอมลงไปรอบใหญ่ เมื่อวานยังไม่ให้ข้าวข้ากิน วันนี้ยังจับข้ามาฝังทั้งเป็นอีก จะเกินไปแล้วจริงๆ”
“เจ้าฝึกสัตว์อสูรเป็นจริงหรือ?” เธอสงสัยมาก ถึงอย่างไรตอนแรกที่พบกัน เขายังโดนเหล่าไป๋เหวี่ยงตกจากหลังม้าอยู่เลย
“แน่นอนว่าได้ แค่นานๆ ทีจะเกิดเหตุคาดไม่ถึง แต่ข้าฝึกสัตว์อสูรเป็นจริงๆ จริงๆ นะ” เหมือนกลัวว่าเขาจะไม่เชื่อ ไป๋เสี่ยวจึงเน้นย้ำอีกครั้ง
“ในเมื่อเจ้าไม่มีที่ไป จะติดตามข้าไปไหมเล่า?” เธอยิ้มด้วยใบหน้าไร้พิษสงราวกับหมาป่าอวดหาง “สถานที่ที่ข้าจะไปครั้งนี้ด้านในมีสัตว์อสูรไม่น้อย เจ้าจะได้ฝึกมือพอดี เป็นอย่างไร? ไปไหม?”
เขาได้ยินเช่นนี้ ยังไม่ได้ขานรับทันที แต่มองเขาด้วยสีหน้าจริงจังพลางถามว่า “หากเจ้าเห็นข้าโดนสัตว์ร้ายไล่ล่าจนไม่มีทางหนี เจ้าจะช่วยข้าใช่ไหม?”
เฟิ่งจิ่วตกใจเล็กน้อย จากนั้นค่อยหัวเราะร่าขึ้นมา…
………………………………………………….