เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 775 เยือนป่าฝึกวิชาอีกครั้ง + ตอนที่ 776 จิ้งจอกหน้ามนนักเก็บดอกไม้คือข้า
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 775 เยือนป่าฝึกวิชาอีกครั้ง + ตอนที่ 776 จิ้งจอกหน้ามนนักเก็บดอกไม้คือข้า
ตอนที่ 775 เยือนป่าฝึกวิชาอีกครั้ง + ตอนที่ 776 จิ้งจอกหน้ามนนักเก็บดอกไม้คือข้า
ตอนที่ 775 เยือนป่าฝึกวิชาอีกครั้ง
เป็นเช่นนี้ เดิมทีการเดินทางแค่คนเดียวจึงเปลี่ยนกลายเป็นสองคน
เฟิ่งจิ่วพาไป๋เสี่ยวนั่งขนนกบินมุ่งไปยังป่าฝึกวิชาผืนนั้น ระหว่างทางยังเล่าเรื่องเกี่ยวกับเหล่าไป๋ให้เขาฟัง…
หนึ่งวันต่อมา เช้าตรู่ทั้งสองมาถึงด้านนอกเขตอาคมของป่าแห่งนั้น เห็นป่าผืนนี้แล้ว เธอก็นึกถึงเรื่องตอนแรกที่หนีมาถึงที่นี่อย่างอดไม่ได้
หนีจากตำหนักยมราชออกมา ไม่รู้เดินไปนานเพียงใด ข้ามผ่านภูเขามากมายเท่าไรถึงเข้ามาที่นี่ นึกถึงว่าภายหลังยังถูกท่านอาคนนั้นจับไว้ได้ ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า
ทั้งหมดล้วนเป็นวาสนา
ขอแค่มีวาสนา ไม่ว่าหลบหรือหนีอย่างไร ก็ยังบังเอิญเจอ ได้พานพบ และเดินไปด้วยกัน
“เฟิ่งจิ่ว ที่นี่มีเขตอาคม พวกเราเข้าไปไม่ได้ หรือพวกเราจะไปที่อื่นกัน! ที่นี่ดูน่ากลัวแปลกๆ”
ไป๋เสี่ยวเห็นบนแผ่นหินตรงนั้นสลักไว้ว่า ‘สถานที่ฝึกฝนสำคัญ มีเขตอาคมคุ้มกัน อันธพาลชั่วช้า เต็มไปด้วยอสูรร้าย’
เขาเห็นอักษรพวกนั้น ก็ถอดใจกลางคันในทันที สถานที่อันตรายเช่นนี้ หากเข้าไปแล้วออกมาไม่ได้จะทำอย่างไร?
“เรามาที่นี่เป็นเรื่องภายใน หนำซ้ำสถานที่นี้ไม่ใช่ว่าอยากจะเข้าก็เข้าได้ หรืออยากจะออกก็ออกได้”
เธอยิ้มๆ แล้วยกป้ายหยกสีขาวสองชิ้นในมือขึ้น “ภายในนอกจากมีสัตว์ร้าย ยังมีพวกอันธพาลที่สามสำนักใหญ่กับสำนักศึกษาหมอกดาราจับไว้ แต่พวกเขาไม่มีของสิ่งนี้จึงออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงติดกับอยู่ข้างใน และกลายเป็นอันตรายในการฝึกวิชาของศิษย์สามสำนักใหญ่กับนักเรียนสำนักศึกษาหมอกดารา”
“เจ้าจะบอกว่าคนคนนั้นที่ต้องตามหาอยู่ข้างในด้วยหรือ? ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าคนที่ติดกับอยู่ที่นี่ล้วนเป็นพวกอันธพาล…”
“เหอะๆ ทุกอย่างล้วนมีข้อยกเว้น เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว พวกเราเข้าไปกันเถอะ!” มือหนึ่งเธอจับลงบนไหล่เขา แล้วผลักเขาเข้าไปทันทีโดยไม่ให้โอกาสเขาลังเล
ร่างทั้งสองราวกับทะลุผ่านกระแสลม ภายในอากาศผิดเพี้ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะโดดบีบเข้ามา สำหรับเขตอาคมนี้ ในใจเธอยังแปลกๆ นิดหน่อย ถึงอย่างไรครั้งก่อนเธอไม่มีป้ายหยกยังเข้ามาได้เลย
“เฟิ่งจิ่ว ข้างในนี้มืดมนน่าสะพรึง กลิ่นอายนี้ให้ความรู้สึกอันตรายมาก” เขาที่แทบไม่มีกำลังป้องกันตัวอะไรเลยดึงชุดสีแดงของเฟิ่งจิ่วไว้ด้วยความตึงเครียดไปบ้าง
จะโทษว่าเขาใจเสาะไม่ได้ แม้ออกมาจากตระกูลนักคุมสัตว์อสูร แต่เมื่อก่อนจะฝึกสัตว์อสูรข้างกายต้องมีคนคุ้มกัน ต่อให้อยู่ในป่าสัตว์ร้ายที่อันตรายยิ่งก็ไม่กลัว เพราะรู้ว่าหากมีอันตรายคนข้างกายจะปกป้องเขาไม่ให้บาดเจ็บแม้แต่น้อยแน่นอน
แต่นี่ไม่เหมือนกัน แม้เฟิ่งจิ่วบอกว่าคุ้นเคยกับเขา ทว่าแค่รวมครั้งนี้ก็เพิ่งเคยเจอหน้ากันสองครั้งเท่านั้น ใครรู้ว่าหากเขาพบอันตรายจริงๆ จะวิ่งหนีไปเสียเองทันทีหรือเปล่า?
เฟิ่งจิ่วไม่รู้ว่าในใจเขาคิดเช่นนี้ หากรู้จะต้องถีบเขาขาคู่ก่อนเป็นแน่
เธอเห็นสีหน้าเขาซีดไปหมด ก็หัวเราะเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ ตบๆ ไหล่เขาพลางเอ่ยว่า “เจ้าต้องฝึกความกล้าเสียหน่อย พอดีเลย อาศัยครั้งนี้ที่มาตามหาคนที่นี่ ข้าจะให้เจ้าฝึกฝนความกล้า”
“ไม่ต้องหรอกกระมัง? ข้าเป็นแค่นักฝึกสัตว์อสูร ซ้ำยังไม่ใช่นักสู้ ไม่ต้องจริงๆ” เขาโบกมือรัวๆ ทว่าเขาเป็นเช่นนั้น เคยสู้ความพยายามของเฟิ่งจิ่วได้เสียที่ไหน?
สุดท้ายเฟิ่งจิ่วก็พาเขาฝึกตั้งแต่รอบนอก พลางมุ่งไปรอบด้านใน ภายในป่า พวกสัตว์อสูรกำลังต่อสู้ไม่ค่อยมากที่เจอล้วนให้เขาฝึก เธอจึงเห็นวิธีฝึกสัตว์อสูรจริงๆ มันไม่ธรรมดาโดยแท้ แต่ชัดเจนว่าเมื่อพบเหล่าสัตว์ร้ายระดับค่อนข้างสู้ เขากลับฝึกไม่ได้
………………………………………………….
ตอนที่ 776 จิ้งจอกหน้ามนนักเก็บดอกไม้คือข้า
เวลาช่วงเย็น ไป๋เสี่ยวลากหมูป่าตัวหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บมายังใต้ต้นไม้ ตะโกนว่า “เฟิ่งจิ่ว เจ้าดูสิ แรดนอเดียวจับมาให้ข้า ตัวใหญ่เพียงนี้ เราพอจะย่างกินไปได้หลายวันเลย”
“เจ้าจัดการเถอะ! ข้าจะพักผ่อน” เฟิ่งจิ่วบนต้นไม้เอ่ยอย่างเกียจคร้าน เดินวนภายในนี้มาเกือบทั้งวัน นอกจากเจอสัตว์ร้ายยังไม่เห็นอันธพาลพวกนั้นเลยสักคน
ป่ากว้างใหญ่แห่งนี้ ต่อให้เธอนั่งขนนกบินวนข้างใน เดาว่าสองสามวันคงวนได้ไม่หมด เช่นนั้นจะตามหาเซี่ยงหวาในป่าแห่งนี้ได้อย่างไร? น่าปวดหัวนิดหน่อยจริงๆ
“ได้ เช่นนั้นเจ้าพักผ่อนเถอะ! ข้าย่างสุกแล้วจะเรียกเจ้า” เขากล่าวโดยไม่เงยหน้า พลางจัดการหมูป่าตัวนั้น ทว่าตอนเตรียมจุดไฟกลับพบว่ากิ่งไม้ไม่พอ จึงคิดจะไปเก็บแถวๆ นี้กลับมา
“ข้าจะไปเก็บพวกกิ่งไม้มาทำฟืน สักพักจะกลับมา” เขาเอ่ยกับเฟิ่งจิ่ว พลางมุ่งไปข้างหน้า
เฟิ่งจิ่วไม่สนใจ แถวนี้เป็นที่ที่ทั้งสองเคยเดินผ่าน ไม่มีอันตรายอะไร ทว่าหลังจากชำเลืองมองแผ่นหลังเขาที่ออกไปและหลับตาลงอีกครั้ง ประมาณไม่กี่ชั่วอึดใจก็ได้ยินเสียงร้องตกใจแว่วมา
เธอลืมตาขึ้นทันที แล้วเรียกพลังพุ่งไปบริเวณเสียง เมื่อมาถึงจุดที่ไป๋เสี่ยวอยู่ และเห็นเขาถูกชายฉกรรจ์ร่างกายบึกบึนสองสามคนใช้ดาบยาวจี้คอ แววตาพลันสั่นไหวเล็กน้อย
“นี่พวกท่านทำอะไรกัน?” เธอเอนพิงต้นไม้ พลางเอ่ยถามเสียงเบาๆ และไม่ได้เดินเข้าไป เพียงสองมือกอดอกมองคนพวกนั้นไปเช่นนั้น
“เจ้าหนู พวกเจ้าสองคนมาใหม่หรือ?” ชายร่างใหญ่คนหนึ่งเอ่ยถามเสียงหยาบกระด้าง
แววตาเธอสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “อืม เพิ่งเข้ามาวันนี้”
“ทางไหน? เข้ามาอย่างไร?” ชายร่างใหญ่คนนั้นยังคงถาม เหมือนกำลังคาดเดาความน่าเชื่อถือจากคำพูดเฟิ่งจิ่ว
“ทางไหน? เข้ามายังต้องแบ่งด้วยหรือว่าทางไหน?” เธอมองชายร่างใหญ่พวกนั้นอย่างแปลกใจเล็กน้อย เห็นกลิ่นคาวเลือดบนร่างพวกเขารุนแรงนัก คิดว่าคงฆ่าคนมาไม่น้อย
“แน่นอน รายงานฉายาเจ้า แล้วเข้ามาอย่างไร? พูดสิ!”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ มุมปากยกเล็กน้อย มือหนึ่งเกี่ยวเส้นผมที่ลู่ลงเล่น พลางกล่าวว่า “ได้ยินแล้ว ข้าหล่อเหลาเป็นสง่า รูปงามไม่ธรรมดา คนเรียกว่าจิ้งจอกหน้ามนนักเก็บดอกไม้ที่ทำลายและเก็บดอกไม้ทั่วหล้าโดยไร้คู่ต่อกร”
ได้ยินชื่อเรียกยาวเหยียดเป็นชุดนั้น ชายร่างใหญ่ท่าทางดุร้ายสองสามคนก็อึ้งไป พินิจมองเฟิ่งจิ่วด้วยท่าทีแปลกๆ แล้วฉีกยิ้มเอ่ยว่า “พูดง่ายๆ ก็แค่โจรเก็บดอกไม้ชั้นต่ำสินะ? แต่เจ้าหนูนี่ล่ะ?” เขาตบๆ หน้าไป๋เสี่ยวพลางถาม
“อืม ประมาณนั้น แต่ข้ามีชื่อ เรียกจิ้งจอกหน้ามน เจ้าหนูนั่นเป็นน้องชายข้า” เธอหรี่ตายิ้มเอ่ย
“ไม่ว่าเจ้าเป็นโจรเก็บดอกไม้หรือจิ้งจอกหน้ามน เข้ามาข้างในนี้ไม่ตายก็ยอมจำนน เจ้าหนูจะเลือกแบบไหนเล่า?” ชายร่ายใหญ่คนนั้นใช้ดาบยาวในมือตบลงบ่าไป๋เสี่ยว ส่งเสียงดังตุบๆๆ เขาตกใจเสียจนหน้าซีดไปหมด
“นี่… คงไม่ใช่ยอมจำนวนพวกเจ้ากระมัง?” เธอลูบๆ คางมองพวกเขาสองสามคนพลางเอ่ยถาม
“เหอะ เจ้าเข้ามาใหม่ยังไม่รู้กระมัง! ภายในนี้มีกฎ ตามพี่ใหญ่ถึงมีเนื้อกิน แม้ติดกับอยู่ในนี้ สักวันจะต้องออกไปฆ่าพวกเขาไม่ให้เหลือซากแน่!”
“โอ้ เช่นนี้เอง! เรายอมจำนนแน่นอน! มีขาใหญ่ใครเล่าจะไม่กอด? ใช่หรือไม่?” เธอกล่าวอย่างยิ้มแย้ม สายตาหยุดลงบนดาบยาวเล่มนั้นที่ตั้งบนไหล่ไป๋เสี่ยว
“พี่ชายทั้งหลาย ตอนนี้ขยับดาบออกไปได้แล้วกระมัง?”
………………………………………………….