เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 779 เชิญเทพเข้ายังง่าย เชิญเทพออกยากกว่า + ตอนที่ 780 แพ้จะยกชีวิตให้เจ้า
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 779 เชิญเทพเข้ายังง่าย เชิญเทพออกยากกว่า + ตอนที่ 780 แพ้จะยกชีวิตให้เจ้า
ตอนที่ 779 เชิญเทพเข้ายังง่าย เชิญเทพออกยากกว่า + ตอนที่ 780 แพ้จะยกชีวิตให้เจ้า
ตอนที่ 779 เชิญเทพเข้ายังง่าย เชิญเทพออกยากกว่า
เฟิ่งจิ่วนึกว่า คนที่ชายฉกรรจ์พวกนี้เรียกเป็นพี่ใหญ่ได้ อย่างไรคงเป็นชายร่างใหญ่กำยำ หรือผู้ฝึกตนร่างอ้วนบึกบึน หรืออันธพาลบ้าเลือดท่าทางชั่วร้าย ทว่าคนที่เดินออกมานี้กลับเกินความคาดหมายของเธอมากนัก
นั่นเป็นชายหนุ่ม ดูเหมือนอายุยี่สิบต้นๆ สวมชุดนักเรียนที่ไม่รู้ว่าได้มาจากนักเรียนสำนักพลังวิญญาณคนไหนของสำนักศึกษาหมอกดารา ท่าทางดูสุภาพไร้พิษภัยเช่นนั้น ดวงตาที่หรี่ลงยิ้มยังให้ความรู้สึกเช่นเดียวกัน ทว่าในสายตาเฟิ่งจิ่วกลับคิดว่าคนคนนี้หน้าเนื้อใจเสือ
วรยุทธ์ระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นสูงสุด ดูเหมือนไร้พิษสง กลับมีอันตรายถึงชีวิต มิน่าอายุยังน้อยถึงกลายเป็นพี่ใหญ่คนพวกนี้ได้ ชัดเจนว่าหากไม่มีเล่ห์เหลี่ยมสักหน่อยคงทำให้คนชั่วช้าพวกนี้เกรงกลัวไม่ได้
“ใต้เท้านามว่าอะไร?” ชายหนุ่มยืนบนบ้านต้นไม้ มองลงไปยังเฟิ่งจิ่วในชุดสีแดงแพรวพราวราวดังตะวันฉายฉาน
ไม่รอเฟิ่งจิ่วเอ่ยปาก ชายร่างสูงที่นำทางก็รีบร้อนตอบ “พี่ใหญ่ เจ้าหนูนี่บอกว่าเขาเป็นจิ้งจอกหน้ามนนักเก็บดอกไม้อะไรนี่แหละ”
“อืม ถูกต้อง ข้าคือโจรเก็บดอกไม้ที่คนเรียกว่าจิ้งจอกหน้ามน” เฟิ่งจิ่วหรี่ตาลงยิ้มพยักหน้าพลางเอ่ย
แววตาชายหนุ่มมีรอยยิ้ม “บนร่างใต้เท้าไม่มีกลิ่นอายชั่วช้าสักนิด จะเป็นโจรเก็บดอกไม้ไปได้อย่างไร? ว่ามาเถอะ! มาหาพวกเรามีธุระอะไร?”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มๆ “คำพูดนี้กล่าวผิดแล้ว ชัดเจนว่าพวกเจ้ามาหาข้า ทำไมกลับกลายเป็นข้ามาหาพวกเจ้า?” ระหว่างพูดยังมองคนพวกนั้นที่นำทางมา
“พี่ใหญ่ หลังพวกเราพบเขาก็จับกลับมา หากพี่ใหญ่เห็นพวกเขาขัดตา เราจะไล่พวกเขาออกไปยังได้” ชายฉกรรจ์พวกนั้นกล่าว กังวลอยู่บ้างว่าพี่ใหญ่บนบ้านต้นไม้จะโกรธ ถึงอย่างไรจนตอนนี้ฝีมือเขายังทำให้คนใจสั่นสะท้าน
“เชิญเทพเข้ายังง่าย เชิญเทพออกยากกว่า ในเมื่อมาแล้ว เจ้าคิดว่าเขาจะออกไปง่ายๆ หรือ?” ชายหนุ่มคนนั้นชายตามองคนพวกนั้น แม้ใบหน้ามีรอยยิ้ม แต่ท่าทีนั้นกลับเผยกลิ่นอายกระหายเลือด
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ โดยทันที “พวกเจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่คิดจะมีเรื่องกับพวกเจ้า แต่อยากขอกำลังพวกเจ้าช่วยข้าหาคนคนหนึ่งที่นี่”
เสียงเธอชะงักเล็กน้อย หันกลับไปมอง สายตาหยุดลงบนหมูป่าตัวนั้น “ดูสิ แม้แต่ของขวัญขอบคุณข้ายังนำมาให้พวกเจ้าด้วย”
มุมปากทุกคนรอบๆ กระตุก จะใช้หมูป่าตัวหนึ่งเป็นของขวัญขอบคุณ? คนคนนี้ไม่เกรงใจกันเลยจริงๆ
ชายบนบ้านต้นไม้นั้นได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มๆ ถามว่า “ไม่ทราบว่าใต้เท้าอยากตามหาใคร?”
“เซี่ยงหวา” เธอมองชายคนนั้นพลางกล่าว
“เซี่ยงหวา ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายวังกำเนิดสวรรค์” แววตาชายหนุ่มสั่นไหวเล็กน้อย “ใต้เท้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาอยู่ที่นี่?”
“แน่นอนว่าเคยพบกัน”
“ถามได้หรือไม่ ว่าใต้เท้าจะตามหาเซี่ยงหวาไปทำไม?”
“ข้าขาดลูกมือ ทำไม? เจ้าสนใจด้วยหรือ?” เธอมองชายหนุ่มคนนั้นอย่างหยอกล้อ อยากรู้นิดหน่อยว่าคนอายุน้อยเช่นนี้ทำไมถึงถูกจับและติดกับเข้ามาในนี้?
ชายหนุ่มยิ้มๆ บอกว่า “ให้เซี่ยงหวาเป็นลูกมือใต้เท้า? ใต้เท้ามั่นใจไม่น้อยเลย”
เขายิ้มพลางเดินลงจากบ้านต้นไม้ กล่าวว่า “พวกเรามีเวลาไปตามหาเซี่ยงหวา และรู้จุดปักหลักของเขาในป่านี้ แต่อยากจะจับเขากลับไม่ง่ายดายเพียงนั้น หากใต้เท้าสนใจพรุ่งนี้ค่อยตามเราไปพบเขา”
“แน่นอน” เธอพยักหน้าเอ่ย บอกกับชายร่างใหญ่สองคนข้างๆ ว่า “ย่างหมูป่าตัวนั้นซะ”
“หึ! ทำไมพวกเราต้องฟ… ฟัง เจ้า?”
………………………………………………….
ตอนที่ 780 แพ้จะยกชีวิตให้เจ้า
คำพูดชายร่างใหญ่คนนั้นยังไม่ทันกล่าวจบ ก็เห็นกริชแหลมคมจี้มาตรงลำคอเขา ประกายหนาวเย็นนั้นที่หางตาเหลือบเห็น ทำให้ร่างกายเขาแข็งทื่อ พร้อมถลึงมองหนุ่มน้อยชุดแดงคนนั้นอย่างตะลึงไปบ้าง
“ข้ารู้ว่าในนี้จะพูดจาต้องมีพละกำลัง หากเจ้าไม่ถือสา พวกเราประลองกันเสียหน่อยยังได้ หืม?” น้ำเสียงเฉยเมยปรากฏความเกียจคร้านเช่นนั้น ไร้ซึ่งแรงอาฆาตและอันตราย ทว่าทุกคนรอบข้างกลับขมวดคิ้วครุ่นคิด ในดวงตามีความหนักใจที่ไม่เคยมีมาก่อน
พวกเขาล้วนเป็นอันธพาลที่บนร่างแบกรับชีวิตคนหลายร้อย บางคนยังมีชีวิตคนบนร่างยิ่งกว่าหลายร้อย ความตายสำหรับพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่ใครก็ไม่ยอมตกอยู่ในเงื้อมมือเด็กหนุ่มที่ไม่รู้แจ้งแม้แต่ที่มาเช่นนี้
ชายฉกรรจ์คนนั้นเข้าใจข้อนี้อย่างชัดเจน เพียงหลังจากแข็งทื่อไปพักหนึ่ง ก็แบกหมูป่าตัวนั้นไปย่างด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“จ้องข้ากันทำไม?”
เธอเลิกคิ้วกวาดมองไปยังทุกคน หลังจากสายตาเธอมองผ่านไป ดวงตาแต่ละคู่นั้นไม่ละออกก็เก็บกลับไป
ยามนี้หลังจากสายตาชายคนนั้นมองผ่านขนนกเคลือบหลากสีชิ้นนั้น ซึ่งเป็นเครื่องประดับตรงเอวที่ถูกชุดสีแดงบดบังไว้ครึ่งหนึ่ง ก็เอ่ยว่า “ใต้เท้าเป็นนักเรียนสำนักศึกษาหมอกดารา? ได้ขนนกเคลือบหลากสี หนึ่งในสามสมบัติหอสวรรค์สำนักศึกษาหมอกดารามาได้ ชัดเจนว่าไม่ใช่คนธรรมดา”
“เพียงแวบเดียวก็มองของล้ำค่าตรงเอวออก สายตาเจ้าไม่เลวเลย!” เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ มานั่งลงยังตอไม้ตรงโต๊ะไม้สี่ขาที่ทำมาจากต้นไม้ แล้วหยิบเหล้ากับแก้วเหล้าสองใบจากห้วงมิติออกมา
“ดื่มสักแก้วไหม?”
ชายหนุ่มมานั่งลงตรงโต๊ะ ส่วนไป๋เสี่ยวก็ยืนอยู่ด้านหลังเฟิ่งจิ่ว ชายร่างใหญ่พวกนั้นรอบๆ เห็นหนุ่มน้อยหยิบข้าวของออกมาตามสะดวก ท่าทางมั่นใจไม่กลัวถูกพวกเขาเพ่งเล็งสักนิด แต่ละคนต่างครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“ดูเจ้าอายุยังไม่มาก เข้ามาได้อย่างไร?” เธอรินเหล้ายื่นไป พลางเอ่ยถามไปตามอารมณ์
“ถูกพวกตาแก่สำนักหวนเอกาจับเข้ามา” เขายกแก้วเหล้าขึ้นดมๆ กลิ่นหอมเหล้า “เข้ามาสองปีกว่า เพิ่งได้กลิ่นหอมเหล้าเช่นนี้เป็นครั้งแรก”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ หลังจากจิบไปเบาๆ ก็กล่าวว่า “เจ้าอาจพิจารณาเสียหน่อยยังได้ หากติดตามข้าภายหน้าเรื่องกินดีอยู่ดีก็ไม่ใช่ปัญหา”
“เจ้ามีวิธีพาข้าออกไปจากในนี้หรือ?” แววตาเขาสั่นไหวเล็กน้อย พร้อมจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้า
“แน่นอน”
“กล่าวเช่นนี้ ตัวเจ้ามีป้ายหยกสำนักศึกษาออกไปได้หรือ?”
“ถูกต้อง”
เธอยิ้มรับ รู้สึกว่าพวกชายร่างใหญ่ที่เคยนั่งอยู่แต่ละคนต่างลุกขึ้นยืน และจ้องเธอราวกับเสือหิวหมาโหย สายตาดุร้ายแก่งแย่งเช่นนั้นเธอไม่แปลกใจเลย
ชายคนนั้นจิบเหล้า แล้วหลุบตาลง “เจ้ามั่นใจมาก ไม่รู้ว่าจะมีความสามารถน่ามั่นใจจริงๆ หรือไม่?”
เฟิ่งจิ่วเล่นแก้วเหล้า ยกริมฝีปากยิ้ม ในสายตาเผยแววชั่วร้าย “เจ้าอาจลองเสียหน่อยยังได้ แต่ข้าให้ลองเปล่าๆ ไม่ได้หรอก”
“หากแพ้ ชีวิตข้าจะเป็นของเจ้า” กล่าวจบแก้วเหล้าในมือชายหนุ่มพลันจู่โจมออกไป ขณะเดียวกันกริชเล่มหนึ่งพลิกมาจับไว้ในมือและโจมตีไปยังเฟิ่งจิ่วอย่างดุดัน
เฟิ่งจิ่วโยนแก้วเหล้าในมือขึ้น ระหว่างที่ยกมือกระแสพลังวิญญาณก็สะบัดออกไป กลิ่นอายพลังวิญญาณไร้รูปร่างไหลพล่านไปดุจลายน้ำ สบโอกาสเหวี่ยงแก้วเหล้าที่จู่โจมมานั้นขึ้นไปกลางอากาศ ยื่นมือไปจับข้อมือศัตรูที่ถือกริชไว้บิดกลับไปด้านหลัง และลบล้างการโจมตีที่มาจากมืออีกข้างของเขาได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะยกขาเตะน่องขาศัตรูจนเขาทรุดลงไปข้างหน้า
ขณะที่คิดจะตอบโต้ ความรู้สึกเย็นเยียบจากอาวุธก็มาถึงตรงลำคอเขาเสียแล้ว…
………………………………………………….