เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 781 กลิ่นไม่เลว + ตอนที่ 782 เขาไม่รู้เรื่องยา
ตอนที่ 781 กลิ่นไม่เลว + ตอนที่ 782 เขาไม่รู้เรื่องยา
ตอนที่ 781 กลิ่นไม่เลว
มืออีกข้างหนึ่งเฟิ่งจิ่วสะบัดพลังวิญญาณไปเล็กน้อย แล้วรับแก้วเหล้าสองใบมาวางบนโต๊ะเบาๆ โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า สายตาเธอจ้องมองชายหนุ่มคนนั้น ยิ้มเอ่ยว่า “ชีวิตเจ้านี้ ช่างไร้ค่าจริงๆ”
ชายหนุ่มแข็งทื่อไป คางเชิดขึ้นเล็กน้อยเพราะกริชที่จี้ตรงลำคอ สายตาเงยมองหนุ่มน้อยชุดแดงที่ยิ้มอย่างแพรวพราวเบื้องหน้า ใบหน้าแม้อารมณ์ไม่ชัดเจน แต่หัวใจกลับสั่นสะท้านน้อยๆ
ฝีมือตนเองเป็นอย่างไรเขาชัดเจนยิ่ง แต่หนุ่มน้อยคนนี้กำลังฝีมือเหนือกว่าเขา ขณะยกมือก็กำราบเขา หนำซ้ำกริชที่จี้ตรงคอนั้นยังเป็นของตนเอง
เหล่าชายฉกรรจ์รอบๆ นั้นที่ลุกยืนขึ้นจ้องมองทั้งสอง แต่ละคนมีท่าทีแปลกไป พวกที่เคยคิดจะสู้ เห็นเด็กหนุ่มคนนั้นจัดการพี่ใหญ่พวกเขาอย่างคล่องแคล่วว่องไว ก็พากันอดทนต่อไป
พวกเขาล้วนเป็นคนระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณ ฝีมือหนุ่มน้อยคนนั้นเป็นอย่างไร เห็นเขาฆ่าคนในชั่วพริบตา ถึงตอนนี้ยังจัดการพี่ใหญ่พวกเขาอีก ก็รู้ได้แล้ว ว่ากำลังเขาต้องเหนือกว่ายอดปรมาจารย์พลังวิญญาณเป็นแน่
แต่เหนือกว่ายอดปรมาจารย์พลังวิญญาณคือผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน หรือว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน?
เฟิ่งจิ่วดึงมือกลับและสะบัดเสื้อคลุมนั่งลง นิ้วมือเรียวขาวเคาะๆ หน้าโต๊ะ “รินเหล้าซิ”
ไป๋เสี่ยวที่ยืนข้างๆ ตกใจ ก่อนจะได้สติกลับมาและเข้ามายกไหเหล้ารินเหล้าให้เธอ กลับถูกเธอห้ามไว้ “ไม่ได้เรียกเจ้า ไปนั่งข้างๆ เถอะ”
เธอโบกมือให้สัญญาณเขานั่งลง สายตาก็หยุดลงบนร่างชายหนุ่มคนนั้นที่คุกเข่าข้างเดียวตรงหน้า
ไป๋เสี่ยวอึ้งไป วางลงอย่างว่าง่าย และนั่งลงข้างๆ อย่างเป็นระเบียบ ต้องมองเฟิ่งจิ่ว พลันรู้สึกว่าบางครั้งกลิ่นอายที่แพร่ออกมาจากบนร่างเขาน่าสะพรึงนัก ทำให้คนบังเอิญได้ยินยังไม่กล้าขัดขืน แรงกดดันและท่าทางเช่นนั้น เพียงเคยเห็นบนร่างอาจารย์ในตระกูลเขาเท่านั้น
ชายหนุ่มจ้องมองเฟิ่งจิ่วสักพัก ถึงจะลุกขึ้นมาเก็บกริชไป แล้วเดินเข้าไปยกไหเหล้าขึ้นรินเหล้าแก้วหนึ่งให้เด็กหนุ่ม
เห็นภาพเช่นนี้ พวกชายร่างใหญ่รอบข้างแต่ละคนต่างขมวดคิ้ว กลับไม่เอ่ยปากเพียงจ้องมองพวกเขา ดูเด็กหนุ่มชุดแดงคนนั้นนั่งตรงโต๊ะ ส่วนพี่ใหญ่พวกเขาก็ยืนข้างๆ กัน หลังจากหนุ่มน้อยคนนั้นดื่มเหล้าในแก้วหมด ยังรินให้เขาอีกแก้ว
กระทั่งเสียงหนึ่งลอยมา ทุกคนถึงจะเคลื่อนสายตาไปยังบริเวณเสียงนั้น
“มาแล้วๆ ย่างหมูป่าเรียบร้อย”
ชายร่างใหญ่สองคนยกหมูย่างทั้งตัวเข้ามา ใช้ไม้เสียบไว้ หลังจากวางลงบนโต๊ะ ทั้งสองเอ่ยกับชายหนุ่มว่า “พี่ใหญ่ หมูป่าตัวนี้ย่างได้นุ่มมาก ต้าซานย่างด้วยวิธีพิเศษ รสชาติขาหลังยิ่งจัดจ้าน กลิ่นค่อนข้างหอม แต่เรารู้ว่าพี่ใหญ่ชอบรสอ่อนๆ เครื่องปรุงรสที่พวกเราใส่ตรงขาหลังจึงน้อย รสชาติจะอ่อนกว่าหน่อย”
ได้ยินคำพูดนี้ เหล่าชายร่างใหญ่หัวใจสั่นไหวเล็กน้อย จ้องมองหมูป่าย่างตัวนั้น แล้วละสายตาออกไป
ชายหนุ่มได้ยินคำพูดนี้ก็เงยหน้ามองเฟิ่งจิ่ว เห็นเขากำลังยกแก้วขึ้นดื่มเหล้า ใบหน้าแดงก่ำเล็กน้อย ในดวงตามีความพร่ามัวเหมือนดื่มมากไปหน่อย และคล้ายว่าไม่ได้ยินคำพูดสองคนนั้น ดื่มเหล้าแก้วหนึ่งหมดยังตะโกนให้รินเหล้าอีก
ไป๋เสี่ยวข้างๆ ดึงแขนเสื้อเฟิ่งจิ่ว “เจ้าอย่าดื่มมากเกินไป เมาไปจะแย่เอา” สายตาเขามองไปทางชายร่างใหญ่พวกนั้นที่ถลึงมองพวกเขาสองคนราวกับเสือและหมาป่า ในใจกังวลนิดหน่อย
“อืม ไม่ดื่มมากหรอก เนื้อย่างมาพอดีเลย มาๆ หั่นมาชิมสักสองชิ้นซิ”
เฟิ่งจิ่ววางแก้วเหล้าพลางตะโกน และพุ่งเข้าไปดมๆ กลิ่น “อืม กลิ่นไม่เลวเลย หอมมาก”
………………………………………………….
ตอนที่ 782 เขาไม่รู้เรื่องยา
“ข้าหั่นให้ๆ” สองคนนั้นที่ยกหมูย่างเข้ามาคอยอยู่ข้างๆ เพียงได้ยินคำพูดเฟิ่งจิ่ว หนึ่งคนในนั้นก็เข้าไปหยิบมีดหั่นเนื้อเล่มเล็กหั่นเนื้อตรงขาหลังมาสองชิ้นและใช้ใบไม้รองวางลงตรงหน้าเฟิ่งจิ่วกับไป๋เสี่ยว
“ขาหลังนี้ย่างได้พอเหมาะ พวกเจ้าชิมเสียหน่อย รสชาติกรอบนอกนุ่มในยังสดๆ ร้อนๆ” ชายฉกรรจ์คนนั้นส่งสัญญาณให้พวกเขาสองคนชิมเสียก่อน
ไป๋เสี่ยวเห็นเนื้อย่างตรงหน้า ก็กลืนน้ำลายโดยทันที พร้อมมองไปยังเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วไม่ได้มองพวกเขา เพียงมองเนื้อย่างตรงหน้า ยิ้มเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะชิมรสชาติก่อนเสียหน่อย” กล่าวจบยังใช้ใบไม้ห่อหยิบเนื้อขาหลังชิ้นนั้นขึ้นมา ขณะที่ยกขึ้นมาจะกิน มือคู่หนึ่งก็ยื่นเข้ามาหยิบเนื้อชิ้นนั้นไป
แววตาเฟิ่งจิ่วที่หลุบลงสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้น ในดวงตาเหลือเพียงความสงสัย “ทำอะไร? จะกินก็ไปหั่นเองไม่ได้หรือ?”
ชายหนุ่มเก็บเนื้อขาสองชิ้นนั้นของเฟิ่งจิ่วกับไป๋เสี่ยวขยับไปข้างๆ แล้วหยิบมีดหั่นเนื้อเล่มเล็กขึ้นพลางกล่าวว่า “หมูป่าตัวนี้ส่วนที่อร่อยที่สุดคือตรงคอ เนื้อมีความเหนียวนุ่มนัก มันงามชุ่มฉ่ำ ในเมื่อจะกินต้องกินชิ้นนี้”
ระหว่างพูดเขาไม่ได้สนใจสนใจสายตาเหล่าชายร่างใหญ่ แต่หลังจากหั่นไปสองชิ้นก็ยื่นเนื้อส่วนคอไปวางเบื้องหน้าทั้งสอง “ลองชิมสิ”
เฟิ่งจิ่วรับมากัดคำหนึ่ง พลางให้สัญญาณไป๋เสี่ยว “กินเถอะ! รสชาติอ่อนหน่อย แต่รสสัมผัสไม่เลว”
“อ้อ” ไป๋เสี่ยวขานรับ และหยิบขึ้นมากิน
เมื่อท้องฟ้ามืดลง เฟิ่งจิ่วที่กลายเป็นผู้สั่งการที่นี่สั่งพวกเขาเตรียมออกตามหาเซี่ยงหวาพรุ่งนี้เช้า ก่อนจะพาไป๋เสี่ยวเข้ายึดครองบ้านต้นไม้นั้นทันที และกลายเป็นสถานที่พักผ่อนของทั้งสอง
บ้านต้นไม้ไม่ได้ใหญ่ เฟิ่งจิ่วนอนเตียง ไป๋เสี่ยวได้แต่หาที่นอนตามสะดวก
ส่วนด้านล่าง เห็นพวกเขาสองคนเข้าบ้านต้นไม้ไป ถอยไปยังบริเวณค่ายกลด้านนอก สายตาแต่ละคนต่างหยุดลงบนร่างชายหนุ่ม บางคนยังถามอีกว่า “พี่ใหญ่ ทำไมไม่ฆ่าสองคนนั้น?”
“ใช่ หากให้พวกเขากินเนื้อขาหลังนั้น แม้เด็กหนุ่มชุดแดงนั่นกำลังแข็งแกร่ง ยังทำได้เพียงตายเป็นวิญญาณรับใช้เรา พี่ใหญ่ ท่านจะห้ามทำไม? ใยไม่ฆ่าสองคนนั้น?”
“พี่ใหญ่ อย่าบอกพวกเรานะ ว่าท่านคิดจะเป็นลูกน้องเด็กหนุ่มนั่นจริงๆ”
เมื่อเอ่ยคำพูดนี้ แต่ละคนต่างเงียบลง ดวงตาแต่ละคู่ล้วนจ้องมองเขา ในดวงตาเผยความดุร้ายรางๆ เหมือนกำลังบอกว่า หากเขากล้าทำเช่นนี้จริง ก็อย่าหาว่าพวกเขาไม่เกรงใจ
ความคิดคนพวกนี้ ชายหนุ่มจะไม่รู้ได้อย่างไร? คนพวกนี้เป็นคนชั่วช้าอย่างที่สุด แต่ละคนฆ่าผู้บริสุทธิ์มามากเกินไปจึงถูกสามสำนักรวมถึงสำนักศึกษาหมอกดาราจับเข้ามา ปากพวกเขาเรียกว่าพี่ใหญ่ แต่เพราะอยู่ในนี้เขาปกป้องพวกเขาได้แน่ๆ ก็เท่านั้น
หากเป็นภัยถึงประโยชน์ส่วนตนจริงๆ ทุกคนจะกลายเป็นศัตรูกันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เขาจึงบอกว่า “พวกเจ้าคิดว่าจะฆ่าเด็กหนุ่มชุดแดงคนนั้นได้ง่ายดายนักหรือ? ตามที่เขากล้าพาแค่คนเดียวเข้ามาที่นี่ เจ้าคงรู้ว่ากำลังวรยุทธ์เขาเหนือกว่าเราแน่นอน หากลงมือปุบปับ ถึงเวลานั้นเขาคงฆ่าล้างบางพวกเราทั้งหมด หรือว่าพวกเจ้าอยากเห็นจุดจบเช่นนั้น?”
“แต่พวกเราวางยาเขาก็ได้!”
“วางยา? เจ้ารู้หรือว่าเขาไม่รู้เรื่องยา? หากเขารู้เล่า?” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเข้ม สายตาคมกริบกวาดมองไปยังคนพูดคนนั้น
“ข้าเห็นท่าทางเขาไม่เหมือนว่ารู้ หากพี่ใหญ่ไม่ห้าม เขาก็กินเนื้อชิ้นนั้นไปแล้ว”
………………………………………………….