เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 799 มือที่มองไม่เห็น + ตอนที่ 800 นึกว่าเจ้าโดนผีลากไปแล้ว
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 799 มือที่มองไม่เห็น + ตอนที่ 800 นึกว่าเจ้าโดนผีลากไปแล้ว
ตอนที่ 799 มือที่มองไม่เห็น + ตอนที่ 800 นึกว่าเจ้าโดนผีลากไปแล้ว
ตอนที่ 799 มือที่มองไม่เห็น
ผี!
มีผี!
ที่นี่มีผี!
ในห้วงความคิดเขากึกก้องไปด้วยคำพูดนี้ ทำให้เขาหวาดกลัวจนเหงื่อออกเสียดื้อๆ ได้ยินเสียงฝีเท้าด้านหลัง บางครั้งยังได้ยินเสียงอืมตอบกลับเขา เพียงรู้สึกใจสั่นสะท้านไปหมด
เขาได้ยินว่าโลกนี้มีผี วิญญาณ และพวกวิญญาณผู้ฝึกตน แต่ไม่เคยเจอหรอก!
ยามนี้ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมพวกเฟิ่งจิ่วถึงไม่เข้ามา ที่แท้รู้ตั้งแต่แรกว่าที่นี่ไม่ปกตินัก มิน่าล่ะ มิน่าคนร้อยกว่านั้นหลังเข้ามาที่นี่ก็ไร้กลิ่นไร้เสียงไม่มีการเคลื่อนไหว
คงไม่ถูกผีลากไปกระมัง?
หากเป็นเช่นนี้จริง เดิมทีจริงๆ พวกเขาไม่ต้องเข้ามาเลย คนพวกนั้นไม่เหลือแล้ว จะเข้ามาหาที่ตายหรือไร?
“ตึกๆๆ…”
เสียงฝีเท้าฟังแล้ววุ่นวายไปบ้าง เหมือนกำลังเดินตามหลังเขา สายลมเย็นจู่โจมมา พร้อมเสียงใบไม้ใบหญ้ารางๆ ไม่รู้ว่าเขาหูฝาดหรือเปล่า ราวกับว่าในความมืดมิดยังมีเสียงหัวเราะแปลกๆ แต่ละเสียงลอยมาแว่วๆ…
เขาเหงื่อออกไม่กล้าหันกลับไป แค่แสร้งว่าไม่รู้เรื่องด้านหลังมาตลอดทาง เดินออกไปนอกค่ายกลทีลก้าว พลางบอกว่า “พะ พวกเราไปกันเถอะ! ข้าจะไม่เข้าไปที่นี่แล้ว”
“ไม่เป็นไร ข้ารู้ทาง จะพาเจ้าเข้าไปเอง…”
เสียงน่ากลัวที่ลอยมาด้านหลังทำให้เขากลัวเสียจนต้องร้องอุทานอย่างกลั้นไม่ไหวในที่สุด สับขาวิ่งไปข้างหน้า ทว่ายามนี้มือคู่เย็นเยียบยื่นออกมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ดึงขาเขาไว้ แล้วลากไป
“ไม่เป็นไร… ข้ารู้ทาง ข้าจะพาเจ้าเข้าไป…”
“อ๊าก… ไม่ต้อง… ไม่ต้อง… อ๊าก…”
เสียงร้องอย่างเสียงหลงตัดผ่านท้องฟ้ายามวิกาล กึกก้องไปท่ามกลางราตรี คล้ายว่าเสียงนี้กลับถูกสายลมกลางคืนพัดกระจาย มีเพียงเสียงเล็กน้อยลอยล่องไปแว่วๆ…
ท้องฟ้ากลางคืนยิ่งค่ำมืด บนภูเขาร้อยปียังคงเงียบงัน มีเพียงส่วนลึกนั้นคล้ายจะมีคน และยังมีแสงไฟลอยโลดแล่นอยู่รางๆ…
ตู้ฝานที่ตามเฟิ่งจิ่วมุ่งไปยังในเมือง ตลอดทางยังครุ่นคิดไม่ปริปาก เพียงมองไปยังเฟิ่งจิ่วเป็นครั้งคราว ในใจแปลกใจว่าทำไมนางถึงรู้?
วิญญาณโลกนี้ไม่ได้ถูกยอมรับโดยทั่วกัน เช่นเดียวกับวิญญาณผู้ฝึกตน ทำได้เพียงใช้ชีวิตในมุมมืด แม้ฝึกบำเพ็ญจนเดินไปมาภายใต้แสงอาทิตย์ได้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็เป็นเพียงวิญญาณผู้ฝึกตน หากเอ่ยถึงเพียงทำให้คนยอมถอยทัพ
ตามปกติแล้วคนที่ตายไปส่วนมากแค่จะกลายเป็นวิญญาณ หากไม่เข้าสู่เส้นทางเวียนว่ายตายเกิด เช่นนั้นหลังจากล่องลอยในโลกสักระยะก็จะหายลับไป ส่วนคนพวกนั้นที่ตอนตายยังมีจิตแค้นเคืองรุนแรงไม่ยอมแพ้ ตายไปจิตวิญญาณจะยิ่งลึกล้ำ และกลายเป็นผีร้าย
อย่างวิญญาณผู้ฝึกตนเช่นนั้นยิ่งมีน้อย เพราะนั่นต้องการโอกาส เฉกเช่นคนปกติที่ก้าวเข้าสู่เส้นทางฝึกวิชาเซียน ไม่ใช่ว่าใครๆ จะทำได้
ส่วนวิญญาณก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นได้ เพราะเป็นเช่นนี้เอง สำหรับคนส่วนมากแล้ว พวกเขายังน่ากลัวกว่าผู้ฝึกตนเสียอีก เพราะไม่รู้ว่าจะถูกวิญญาณร้ายห้อมล้อมเมื่อใด
แต่เมื่อวรยุทธ์ถึงระดับที่แน่นอน วิญญาณทั่วไปกลับไม่มีทางเข้าใกล้ตัวผู้ฝึกเซียน ถึงขั้นว่าท่าทางแรงกดดันบนร่างบางคนค่อนข้างหนักหน่วงและรุนแรง วิญญาณพวกนั้นก็ไม่อาจเข้าใกล้ตัว
สิ่งที่เขาสงสัยคือนายท่านรู้ได้อย่างไรว่าที่นั่นแปลกๆ? ทำไมถึงรู้ว่าพวกเขาเข้าไปแล้วจะออกมาไม่ได้? หรือว่านางสำรวจเส้นทางไว้ก่อน?
แต่หากสำรวจทางแล้วจริง ทำไมนางยังเดินออกมาได้ดีๆ?
เซี่ยงหวาที่ครุ่นคิดเนิ่นนานมองไปยังเฟิ่งจิ่วในชุดสีแดง ถามว่า “คุณชาย พวกเขาเข้าไปจะออกมาได้หรือไม่?”
………………………………………………….
ตอนที่ 800 นึกว่าเจ้าโดนผีลากไปแล้ว
เฟิ่งจิ่วที่ก้าวฝีเท้าสบายๆ เดินเข้าในเมืองยกมุมปาก แววตาเย็นเยียบ น้ำเสียงเฉยชา “เช่นนั้นต้องดูฝีมือพวกเขาแล้ว”
เซี่ยงหวาได้ยินเช่นนี้ใจก็คร่ำเครียด ดูฝีมือพวกเขา? พูดเช่นนี้ก็รอดยากน่ะสิ? ที่นั่นมีอะไรแปลกไปกันแน่? ทำให้นางไม่ไปเกี่ยวข้องได้ ถึงกับเอ่ยคำพูดนี้ออกมา?
ไม่พูดไม่จามาตลอดทาง กระทั่งถึงโรงเตี๊ยม ไป๋เสี่ยวที่รอตรงประตูโรงเตี๊ยมมาสามวันเต็มๆ แค่เห็นพวกเขากลับมา ก็ยกมือตะโกนทันทีว่า “คุณชาย คุณชาย ข้าอยู่ตรงนี้ขอรับ ตรงนี้”
เขาวิ่งเข้าไปพลางๆ มาถึงข้างกายเฟิ่งจิ่วก็มองหัวจรดเท้า “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? เจ้าไม่กลับมาตั้งหลายวันเพียงนี้ ข้านึกว่าเจ้าโดนผีลากไปเสียแล้ว” คำพูดนี้กล่าวออกมาอย่างไม่ผ่านสมอง พลันแลกมาด้วยหนึ่งเคาะจากเฟิ่งจิ่ว
“ลากเจ้าน่ะสิ ไม่ลากข้าหรอก” เธอยิ้มด่า แล้วเคาะหัวเขาไปที “ได้ข้อมูลมาหรือเปล่า?”
เขาฉีกยิ้มกว้าง พร้อมลูบๆ หัว “ส่งมาเมื่อวานแล้วขอรับ”
“อืม เข้าไปคุยกัน” เธอยิ้มพยักหน้าพลางเดินเข้าไปยังห้องปีกที่จองไว้
ส่วนด้านหลัง เซี่ยงหวาที่ตามเข้ามาด้วยกันหลังจากได้ยินคำพูดไป๋เสี่ยว สายตาก็หดลงโดยทันที แล้วก้าวถอยหลังไปดึงตู้ฝานไว้ “ตู้ฝาน เจ้าเคยเข้าไปด้านใน ในนั้นจริงหรือเปล่า…”
“ข้าไม่เจอ แต่ด้านในไม่ปกติแน่นอน หนำซ้ำยังวางค่ายกลไว้ หากข้าไม่คุ้นเคยกับค่ายกล เกรงว่าคงเดินออกมาไม่ได้”
เอ่ยถึงตรงนี้ เขาชะงักไปเล็กน้อย “ร่วมทางมาด้วยกัน นิสัยนายท่านเจ้าคงเข้าใจบ้างแล้ว คนพวกนั้นรนทาที่ตาย โทษนายท่านไม่ได้แม้แต่น้อย ดีที่สุดเจ้าอย่าเสียระเบียบจะดีกว่า อย่าลืมว่าเจ้าออกมาจากที่นั่นอย่างไร”
เซี่ยงหวาได้ยินเช่นนี้ ดวงตาเผยความจริงจัง เอ่ยว่า “เจ้าวางใจเถอะ ข้าแยกแยะความสำคัญได้”
สองคนคุยกันก็ไม่พูดอะไรอีก แต่ขึ้นตึกเข้าห้องปีกนั้นไป
ตรงโต๊ะห้องปีก ไป๋เสี่ยวช่วยเฟิ่งจิ่วรินน้ำชา พลางบอกว่า “ข้าเห็นเจ้ายังไม่กลับมาจึงอ่านข้อมูลบนนี้ก่อนแล้ว ภูเขาร้อยปีนั้นสำหรับโลกภายนอกเป็นเพียงภูเขาธรรมดา แต่อ่านจากข้อมูลบนนี้กลับมาก อย่างกับภูเขาผีสิงจริงๆ”
เขานั่งลงข้างกายนาง กล่าวว่า “บนนี้บอกว่าพวกชาวบ้านทั่วไปเข้าไปแล้วยังเดินออกมาได้ อย่างไรก็เข้าไปข้างในไม่ได้ แต่ผู้ฝึกตนบางคนเข้าไป กลับไม่ได้ออกมาอีก”
“หนำซ้ำยังบอกว่า เวลากลางคืนที่นี่ค่อยข้างน่ากลัว มีดวงไฟวิญญาณลอยไปมารางๆ เดาจากข้อมูลบนนี้ ที่นี่น่าจะเป็นหมู่บ้านผี หรือว่าคนตระกูลนี้จะเลี้ยงผีไว้ สรุปว่าเป็นสถานที่อันตรายก็แล้วกัน”
เฟิ่งจิ่วอ่านข้อมูลบนนั้น พลางฟังไป๋เสี่ยวเล่าอย่างตื่นตระหนกยกใหญ่อยู่ตรงนั้น ยิ้มอย่างอดไม่ได้ “แม้อันตรายเจ้ายังเดินออกมาจากข้างในได้ ตอนนั้นไม่โดนลากไป เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก”
“ตอนนั้นคนคนนั้นจ้องมองเจ้าตลอด ข้าเดาว่าหากเจ้าไม่อยู่ ข้าคงโดนลากไปแน่ๆ” นึกถึงคนชุดคลุมดำที่เจอกันข้างในนั้น เขาก็ตัวสั่นโดยฉับพลัน
ผ่านไปเนิ่นนาน หลังจากเฟิ่งจิ่วปิดเอกสารก็ยื่นให้ไป๋เสี่ยว “คนวังกำเนิดสวรรค์ร้อยกว่าคนนั้นเข้าไปยังออกมาไม่ได้ พอดีเลย จะได้ไม่ต้องลงมือเสียเอง”
เธอลุกขึ้นมา ปัดๆ เสื้อคลุมพลางบอกพวกเขาว่า “พวกเจ้าหาห้องพักผ่อนกันเองเถอะ พวกเราจะพักอยู่ที่นี่สักสองวัน ลองดูสถานการณ์หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงค่อยไป” ระหว่างพูดก็ให้สัญญาณพวกเขาออกไป
“ขอรับ” ทั้งสามขานรับ ถึงจะเดินออกไป
………………………………………………….