เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 825 เด็กโตถึงพียงนี้แล้ว + ตอนที่ 826 ได้ยินชื่อสำนักหมอกดาราครั้งแรก
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 825 เด็กโตถึงพียงนี้แล้ว + ตอนที่ 826 ได้ยินชื่อสำนักหมอกดาราครั้งแรก
ตอนที่ 825 เด็กโตถึงพียงนี้แล้ว + ตอนที่ 826 ได้ยินชื่อสำนักหมอกดาราครั้งแรก
ตอนที่ 825 เด็กโตถึงพียงนี้แล้ว
“ในห้องข้ามีแค่เตียงเดียว”
“ข้าตัวเล็ก ไม่กินที่หรอก” เขาเอ่ยโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไป มือเล็กไพล่ไว้ด้านหลังพลางเดินวนอยู่ภายใน “จากนี้เจ้าไปไหนต้องพาข้าไปด้วย”
เฟิ่งจิ่วจ้องมองเขา ทั้งสงสัยและไม่เข้าใจอยู่บ้าง ขณะกำลังจะถามเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก
“เฟิ่งจิ่ว เฟิ่งจิ่ว เจ้าสำนักให้เจ้าเข้าไปยอดเขาหลัก”
เมื่อเดินออกไปเห็นว่าเป็นคนข้างกายของเจ้าสำนักจากยอดเขาหลัก ถึงพยักหน้ารับ “รู้แล้ว เดี๋ยวข้าจะเข้าไป”
หลังเห็นคนคนนั้นออกไปแล้ว เธอหันกลับไปบอกเด็กชายด้านหลังว่า “ข้าจะออกไปสักพัก เจ้า…”
ยังกล่าวไม่ทันจบก็ถูกขัดจังหวะ
“ข้าจะไปกับเจ้า” ระหว่างพูดมือเล็กๆ ยังดึงชายเสื้อเธอไว้เรียบร้อย
เฟิ่งจิ่วมองเด็กชายที่หันใบหน้าเล็กไปด้านข้างเล็กน้อยพลางดึงเสื้อคลุมเธอไว้ ยิ้มๆ อย่างจนปัญญา “ได้ๆๆ ไปด้วยกันเถอะ! ถึงอย่างไรมีคนติดตามเพิ่มมาเช่นนี้ ข้าก็ยังต้องรายงานท่านเจ้าสำนักด้วย”
ดังนั้นเธอจึงพาเขานั่งขนนกบินมายังยอดเขาหลัก เมื่อมาถึงภายในเขตเรือนของเจ้าสำนัก ถึงจะสังเกตเห็นว่านอกจากเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักแล้ว โม่เฉินผู้นั้นก็อยู่ด้วย ตอนที่ทั้งสามคนเห็นเธอเข้ามา สายตาก็หยุดลงบนร่างเด็กน้อยอายุสามสี่ขวบข้างกายเธอพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“เด็กคนนี้มาจากไหนกัน?”
เจ้าสำนักเอ่ยถาม สายตาพินิจมองบนร่างเด็กชายผู้งดงาม ก็มองต้นสายปลายเหตุไม่ออก เพียงรู้ว่าเด็กน้อยคนนี้หน้าตาโดดเด่น อายุยังน้อยบุคลิกก็ไม่ธรรมดาแล้ว แค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็มีกลิ่นอายข่มขวัญดุดันราวกับใบมีดคมกริบรอวันออกจากฝัก
คนตัวเล็กมาถึงที่นี่ก็ไม่ตกใจหรือหวาดกลัว และไม่แม้แต่จะตื่นสถานที่ ยืนไพล่สองมือประหนึ่งเด็กที่โตเกินวัย ยืดอกเชิดคางเล็กน้อยพลางมองพวกเขา
อ้อ ไม่สิ สายตาเขาแค่มองผ่านร่างเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนัก แล้วหยุดลงบนร่างโม่เฉินในชุดสีขาวคนนั้น มีทั้งการพินิจมองและสำรวจตรวจสอบ
โม่เฉินก็รู้สึกว่าหลังจากเด็กน้อยเข้ามา แววตาดุดันที่ลึกล้ำจนไม่เหมือนเด็กน้อยก็หยุดมองประเมินบนร่างตนเองอยู่ตลอด เห็นเช่นนี้เขาแอบแปลกใจเล็กน้อย และพินิจมองเด็กชายเช่นกัน แต่กลับพบว่าตนมองเด็กคนนี้ได้ไม่ทะลุปรุโปร่งสักเท่าไร
ทั้งที่เป็นแค่เด็กชายอายุสามสี่ขวบ กลับมีกลิ่นอายสูงส่งและแรงกดดันที่ชวนให้คนใจสั่น ทั้งที่มีรูปร่างเช่นเด็กน้อย ทว่าประกายหนาวเยือกที่แผ่จากดวงตาทั้งคู่กลับทำให้คนไม่กล้าดูแคลน
นอกจากนั้น เจ้าหนูคนนี้งดงามยิ่งนักจริงๆ ต่อให้เป็นภายในราชวงศ์หรือตระกูลสูงศักดิ์ ก็เห็นเด็กชายที่โดดเด่นเช่นนี้น้อยนัก
“ท่านเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก นี่เป็น…ลูกชายของหลิงโม่หาน” เฟิ่งจิ่วเปลี่ยนคำพูด พอถึงปากก็บอกว่าเป็นลูกชายท่านอาทันที
“ลูกของโม่หาน? แม้แต่เขาเจ้าก็ยังรู้จัก?” ยามได้ยินชื่อนี้ที่ไม่ได้เอ่ยถึงมานาน เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักแปลกใจเล็กน้อย
“ขอรับ มีโอกาสเคยเจอกันสองสามครั้ง” เธอยิ้มพลางพยักหน้า “เขาส่งคนมา บอกว่ามีธุระต้องไปทำยังไปไหนไม่ได้ จึงทำได้เพียงส่งลูกชายเขามาให้ข้าดูแลแทน อีกอย่างเขาเคยเป็นอาจารย์ของที่นี่ จึงคิดว่าท่านเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักน่าจะไม่ถือสา”
เด็กชายที่ยืนอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วแววตาวูบไหวเล็กน้อย เงยหน้ามองเธอ แล้วยืนเงียบไม่ปริปาก
ส่วนเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักได้ยินแล้วกลับรู้สึกตะลึงอย่างยิ่ง ต่อมาถึงมองเด็กน้อยพลางยิ้มเอ่ยว่า “เขาเคยสอนอยู่ที่นี่ช่วงหนึ่ง แต่ออกไปตั้งนานแล้วไม่เห็นกลับมา พวกเราคิดว่าเขาไปที่อื่นเสียอีก ไม่นึกว่าแม้แต่ลูกชายยังโตถึงเพียงนี้แล้ว”
………………………………………………….
ตอนที่ 826 ได้ยินชื่อสำนักหมอกดาราครั้งแรก
พูดไปดวงตายังเผยความชื่นชม “เด็กคนนี้หน้าตาช่างเหมือนพ่อเขาจริงๆ แต่เทียบกันแล้วงามกว่ามาก”
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ ก็ยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ใช่แล้ว จริงดังว่า หนวดเคราบนหน้าท่านอาน่ากลัวแปลกๆ จริงๆ”
เด็กน้อยข้างกายได้ยินคำสนทนาของพวกเขา ใบหน้าเล็กงดงามก็ตึงเกร็ง แต่ยังคงไม่พูดไม่จา
“พวกเจ้านั่งเถอะ!”
เจ้าสำนักให้สัญญาณ กล่าวว่า “อันที่จริงเรียกเจ้ามาเพราะอยากจะบอกเจ้าไว้ก่อน หลังจากเปิดเรียนปีหน้าจะมีการจัดอันดับสำนักศึกษา เป็นการแข่งขันสำนักศึกษาระหว่างแคว้นระดับหกถึงสอง และต้องไปแข่งขันถึงแคว้นระดับสอง ทุกสำนักศึกษามีรายชื่อแค่สิบคน เป็นตัวแทนของสำนักศึกษาเรา ข้าว่าจะนับเจ้าไว้คนหนึ่ง คิดว่าอย่างไร?”
ได้ยินเช่นนี้ เธอยังไม่ตอบรับทันทีแต่ขบคิดในใจ ก่อนจะยิ้มถามว่า “ผู้ชนะได้สิทธิประโยชน์อะไร? ไม่มีผลประโยชน์ข้าไม่ไปหรอก ไปเข้าร่วมงานนั้นไม่รู้ว่าตนเองจะมีเวลาว่างกลั่นยาอายุวัฒนะสองสามเตามาหาเงินหรือเปล่า”
เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักอึ้งไป จากนั้นค่อยส่ายหน้ายิ้มขึ้นมา “แน่นอนว่ามีผลตอบแทน”
เจ้าสำนักเอ่ย “ไม่รู้ว่าเคยบอกเจ้าหรือยัง สำนักศึกษาหมอกดาราเป็นเพียงสาขาย่อยในแคว้นเหินเวหานี้ ในแคว้นทุกระดับเหนือขึ้นไปล้วนมีสาขาย่อยของสำนักศึกษาหมอกดารา และสำนักศึกษาในแคว้นระดับหนึ่งพูดได้ว่าเป็นสาขาหลักของเรา”
เสียงเขาหยุดไป ก่อนกล่าวต่อว่า “แต่มีเพียงผู้มีศักยภาพยอดเยี่ยมที่สุดถึงจะเข้าเรียนสำนักศึกษาหมอกดาราในแคว้นระดับหนึ่งได้ สำนักศึกษาหมอกดาราที่แคว้นระดับหนึ่งนั้นถูกประเมินว่าเป็นสำนักศึกษาหนึ่งดารา ส่วนพวกเราที่นี่เป็นเพียงหกดาราเท่านั้น”
เขากล่าวถึงตรงนี้ก็ยิ้มๆ “หากในหมู่พวกเจ้ามีคนทำผลงานโดดเด่นได้ในการแข่งขันสำนักศึกษา เช่นนั้นจะส่งตัวไปเข้าสำนักศึกษาหนึ่งดาราของแคว้นระดับหนึ่งทันที ความใหญ่โตของสำนักศึกษาหนึ่งดารา พวกเราที่นี่เทียบไม่ได้อย่างแน่นอน หนำซ้ำข้างในยังรวบรวมผู้มีพรสวรรค์จากแต่ละแคว้นไว้ นักเรียนจากที่นั่นอนาคตในแต่ละสายล้วนมีความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา คนในทุกแวดวงก็มีเช่นกัน”
“แต่ว่า สถานที่แท้จริงซึ่งทำให้เหล่านักเรียนในสำนักหนึ่งดาราต่างแก่งแย่งอยากจะเข้าไป กลับเป็นสำนักหมอกดารา นั่นคือสำนักหนึ่งในแปดจักรวรรดิใหญ่ มีประวัติศาสตร์มานานปี กลุ่มอำนาจทรงพลัง มีลูกศิษย์กระจายไปทั่วทุกที่ ภายในสำนักหมอกดารามีผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณขึ้นไปอยู่ สถานที่นั้นต่างหากถึงจะเป็นแหล่งรวมเหล่าผู้มีพรสวรรค์”
เขามองทางเฟิ่งจิ่ว เอ่ยว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะไป คนอื่นข้าไม่รู้ แต่หากเป็นเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าจะเข้าสำนักศึกษาหนึ่งดาราได้แน่ๆ และอนาคตจะยิ่งมีโอกาสเข้าสำนักหมอกดารา”
แววตาของเฟิ่งจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าสำนักเอ่ยถึงเรื่องนี้ สำนักหมอกดารา? ในแปดจักรวรรดิใหญ่?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ในใจเธอคิดวางแผน ยามนี้มีวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด แต่ภายใต้แรงกดดันของหงส์ไฟสัตว์เทวะโบราณ รวมถึงทักษะการลอบสังหารและการต่อสู้ที่ตนชำนาญ เธอสามารถสู้สังหารระดับกำเนิดวิญญาณได้ ทว่ายังคงไม่อาจถึงขั้นมั่นใจว่าไม่มีพลาด เช่นนั้น ก่อนหน้านั้นเธอมีแต่ต้องบรรลุระดับหลอมแก่นพลังโดยเร็ว
หากพลังบรรลุขั้น ต่อให้ไปที่อื่น เธอถึงจะมั่นใจได้ว่าไม่มีพลาด
“ได้ เรื่องนี้ข้ารับปาก” เธอพยักหน้าเอ่ย อย่างไรเสียอนาคตก็ต้องไปแปดจักรวรรดิใหญ่ หากมีสะพานเช่นนี้อยู่ เดินเข้าแปดจักรวรรดิใหญ่ก็จะไม่เป็นแมลงวันไร้หัวไม่รู้ทิศทาง
เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักพยักหน้าอย่างพอใจ พวกเขารู้ว่าเฟิ่งจิ่วจะตอบรับแน่นอน ถึงอย่างไรไม่ว่าพูดจากด้านไหนๆ นางก็ไม่ใช่คนธรรมดา แคว้นเหินเวหาและสำนักศึกษาหกดาราแห่งนี้ไม่มีทางหยุดนางได้
………………………………………………….