เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 835 ข้าคุมสัตว์ได้ + ตอนที่ 836 สำนักคุมสัตว์
ตอนที่ 835 ข้าคุมสัตว์ได้ + ตอนที่ 836 สำนักคุมสัตว์
ตอนที่ 835 ข้าคุมสัตว์ได้
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า เดินไปพลางพูดคุยตลอดทาง ครั้นถึงด้านในก็ถามว่า “พวกหลัวอวี่ออกไปทำภารกิจหรือ ทำไมยังไม่เห็น?”
“เซี่ยงหวาพาพวกเขารับภารกิจออกไป เดาว่าสองวันคงกลับมา” ตู้ฝานกล่าว เมื่อพาพวกเขามานั่งในห้องโถง เหลิ่งซวงก็ยกชามาให้
หลังจากพวกเขารวบรวมวังกำเนิดสวรรค์ขึ้นมาใหม่ อันที่จริงคนก็ไม่มาก ถึงแม้มีคนในอดีตอยากจะติดตาม แต่พอตรวจสอบทั้งหมดก็รู้สึกว่ารับเข้ามาไม่ได้ ดังนั้นคนในนี้จึงมีไม่มากจริงๆ มีเพียงพวกเขาสองสามคน รวมถึงองครักษ์ตระกูลเฟิ่งแปดคนนั้น
แต่ถึงคนจะน้อย หนึ่งคนกลับแทนได้สิบคน ให้เซี่ยงหวาพาพวกเขาไปทำภารกิจสร้างชื่อเสียง เวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือน ไม่ว่าลอบสังหารหรือภารกิจอื่นๆ ก็ล้วนทำได้อย่างยอดเยี่ยม คำสั่งตอนนี้ยาวไปถึงเดือนหกปีหน้าแล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงคิดเช่นกันว่าเพิ่มคนเข้าวังกำเนิดสวรรค์นั้นได้ ทว่าจะให้ใครๆ เข้ามาหมดไม่ได้
“ยาอายุวัฒนะที่ข้าให้ส่งไปภูเขาร้อยปีเจ้าส่งไปด้วยตนเองหรือไม่?” เฟิ่งจิ่วดื่มชาแล้วถามอีก
“ขอรับ ข้าส่งยาอายุวัฒนะถึงมือคุณหนูหวันเหยียนด้วยตนเอง นางได้รับยาอายุวัฒนะแล้วดีใจมาก ซ้ำยังส่งของขวัญมาหนึ่งกล่อง เดิมคิดจะส่งข่าวไปบอกนายท่าน แต่คิดได้ว่าวันนี้ท่านจะมาจึงไม่ได้บอกขอรับ”
“อืม” เธอพยักหน้า “เซี่ยงหวาจัดการภายนอกเจ้าจัดการภายใน เป็นมือดีจริงๆ” ขณะเอ่ยก็มองเขา แล้วหยิบยาขวดหนึ่งยื่นให้ “นี่เป็นยาสร้างฐานพลัง เจ้าหยุดอยู่ระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นสูงสุดมาพอควรแล้ว ถึงเวลาทะลวงขั้นเสียที”
ตู้ฝานได้ยิน ในดวงตาพลันเอ่อล้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ขอบคุณนายท่านมากขอรับ”
“ตั้งใจทำงาน จากนี้ไปเจ้าจะไม่ขาดผลประโยชน์” เธอยิ้มพลางกำชับ
“ขอรับ ข้าน้อยจะไม่ทำให้นายท่านผิดหวังแน่นอน”
เขาถือขวดยาไว้ในมือ ในใจตื่นเต้นไม่สิ้นสุด ยาสร้างฐานพลัง นี่คือสิ่งที่มีมูลค่าเป็นพันชั่ง ตอนแรกเซี่ยงหวาก็ยังถูกหักหลังเพราะยาสร้างฐานพลังเม็ดเดียว ทว่าพอถึงตานายท่านที่นี่กลับส่งให้เขาอย่างง่ายดาย เขารู้แล้วเชียวว่าการติดตามนายท่านเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด!
“คุณชาย พวกเรากลับมาแล้วขอรับ” เสียงไป๋เสี่ยวลอยเข้ามาจากด้านนอก ไม่นานนักก็เห็นเขาสาวก้าวยาวเดินเข้ามา
เฟิ่งจิ่วเห็นไป๋เสี่ยวก็บอกว่า “เจ้ากลับมาพอดี ข้าต้องดูทักษะการคุมสัตว์เจ้าหน่อย หากทำให้ข้าพอใจไม่ได้ เจ้ารู้ใช่ไหมว่าควรทำเช่นไร?”
“ขอรับ คุณชายวางใจเถอะ! สองสามเดือนนี้ข้าเพียรฝึกคาถาคุมสัตว์อสูร อีกทั้งยังขวนขวายด้วยตนเอง สัตว์วิญญาณระดับเก้าลงไปข้าจัดการได้หมดขอรับ” คำพูดเขามีความมั่นใจ ท่าทางฮึกเหิมกว่าสองสามเดือนก่อนไม่น้อยเลย
“ใช่ขอรับนายท่าน” ตู้ฝานเอ่ยปากบอก “ทักษะคุมสัตว์ของไป๋เสี่ยวก้าวหน้าไปรวดเร็วจริงๆ เซี่ยงหวากับพวกหลัวอวี่กลับมาจากทำภารกิจทุกครั้งจะจับสัตว์วิญญาณกลับมาหนึ่งตัว ในนั้นมีสัตว์ร้ายด้วย เลี้ยงไว้ในป่าด้านหลังเรา เขาฝึกสัตว์วิญญาณกับสัตว์ร้ายพวกนั้นทั้งหมดจนเชื่องได้แล้ว”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้า ยิ้มเอ่ยว่า “ไปเถอะ! อย่างไรเสียตอนนี้ก็ว่างๆ ข้าจะไปดูหน่อยว่าเจ้าคุมสัตว์อย่างไร” เธอให้สัญญาณพลางลุกขึ้น สนใจใคร่รู้เรื่องคุมสัตว์อสูรอยู่บ้างจริงๆ
ถึงอย่างไรเธอก็รู้ว่านักฝึกสัตว์ส่วนใหญ่หรือนักคุมสัตว์อสูรต้องเป็นพวกตระกูลที่เก่าแก่จริงๆ ถึงจะมีคาถาคุมสัตว์ และข้อนี้ยังเป็นเหตุผลที่ตอนแรกเธอรู้จากไป๋เสี่ยวว่าเขามาจากตระกูลนักคุมสัตว์ จึงคิดจะรับเขาไว้
“ได้ขอรับ” ไป๋เสี่ยวพยักหน้าด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ก่อนจะไปยังป่าด้านหลังพร้อมกับเธอ
คนอื่นๆ เห็นเช่นนั้นก็ตามไปด้วยกัน
………………………………………………….
ตอนที่ 836 สำนักคุมสัตว์
บริเวณป่าที่ภูเขาด้านหลัง พวกเฟิ่งจิ่วยังไม่ทันเข้าใกล้ เพียงเห็นไป๋เสี่ยวเดินเข้าไปด้านในและหยุดฝีเท้าลงตรงประมาณสามสิบจั้ง จากนั้นหยิบอะไรออกมาไม่รู้ ได้ยินแค่ว่ามีเสียงคล้ายเครื่องดนตรีลอยมา
เสียงนั้นลอยละล่องไปโดยมีไป๋เสี่ยวเป็นจุดศูนย์กลาง เมื่อเสียงกระจายออกไป ก็มีกระแสอากาศที่เห็นได้ด้วยตาเปล่ากระเพื่อมเบาๆ แผ่ออกไปทีละวงราวกับลายน้ำ…
พวกเขาฟังแล้วไม่รู้สึกอะไร แต่กลืนเมฆาที่นอนอยู่บนพื้นหญ้าข้างๆ กลับยืดตัวตรงขึ้นมาหลังได้ยินเสียงนั้น แล้วมองไปทางไป๋เสี่ยว
เฟิ่งจิ่วสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ของอสูรกลืนเมฆา แววตาสั่นไหวเล็กน้อย สายตาหยุดลงตรงหน้านั้น เพียงเห็นว่าในเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ สัตว์วิญญาณและสัตว์ร้ายยี่สิบกว่าตัวก็วิ่งออกมาจากในป่า
สัตว์วิญญาณและสัตว์ร้ายยี่สิบกว่าตัวนั้นเหมือนจะไม่มีความฮึกเหิมและดุร้ายกระหายเลือดอย่างที่พวกมันควรมี มากันอย่างบ้าคลั่ง ครั้นมาถึงข้างกายไป๋เสี่ยวกลับเดินวนรอบเขา แต่ละตัวร้องเบาๆ เสือร้ายตัวหนึ่งในนั้นยังโน้มตัวลงให้ไป๋เสี่ยวขึ้นไปนั่ง
ไป๋เสี่ยวเป่าคาถาคุมสัตว์ก่อนขี่เสือร้ายตัวนั้นมายังเบื้องหน้าเฟิ่งจิ่ว แล้วถึงจะขยับของตรงริมฝีปากออก มองไปยังเฟิ่งจิ่วด้วยใบหน้าเผยรอยยิ้ม “คุณชาย พวกระดับเก้าลงไปข้าควบคุมได้หมด แต่ระดับเก้าขึ้นไปข้าต้องฝึกฝนวิชาคุมสัตว์ของตระกูลถึงชั้นที่หกถึงจะทำได้”
เฟิ่งจิ่วมองเสือร้ายตัวนั้นที่ไม่มีพันธสัญญาและเป็นพาหนะให้เขาอย่างเชื่องๆ พลางพยักหน้า “ไม่เลว ก้าวหน้าเร็วมากจริงๆ เจ้ามีสิ่งนี้ติดตัว แม้สู้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
สายตาเธอมองผ่านร่างสัตว์อสูรพวกนั้น ในหัวกลับกำลังคิดว่าทักษะคุมสัตว์ของไป๋เสี่ยว เมื่อฝึกฝนแล้วการคุมสัตว์อสูรจะเทียบเท่าหนึ่งกองทัพ หากต้องสู้กันเป็นกลุ่ม การคุมสัตว์นี้ก็ช่วยได้มากจริงๆ
ยามนี้สายตาของยมราชน้อยที่ยืนอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วหยุดลงบนร่างไป๋เสี่ยวพักหนึ่งถึงจะละออกไป
“ในตระกูลเจ้ามีกี่คนที่คุมสัตว์เป็น?” เฟิ่งจิ่วเอ่ยถาม
“ท่านปู่ข้าขอรับ ยังมีท่านพ่อด้วย แต่เขาบาดเจ็บถึงแก่นพลังทอง ไม่มีทางฝึกวิชาคุมสัตว์ของตระกูลเราได้แล้ว หนำซ้ำเพลงคุมสัตว์ยังเป่าไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้คนในตระกูลล้วนฝึกสัตว์อสูรเป็น แต่คุมสัตว์อสูรจะมีแค่ข้ากับท่านปู่”
เอ่ยถึงตรงนี้เขานึกดีใจอยู่บ้าง หากคุณชายไม่กดดันเขา ไม่รู้ว่าตนเองจะฝึกฝนวิชาคุมสัตว์ได้ถึงชั้นที่สี่หรือไม่ แต่นี่ก็ต้องยกความชอบให้ยาน้ำที่คุณชายมอบให้ด้วย
เขากำลังคิดว่าหากนำยานั้นมาให้ท่านปู่ได้ วิชาคุมสัตว์ของท่านปู่อาจจะพัฒนาขึ้นได้อีก แต่ก็รู้เช่นกันว่าถ้าไม่ใช่คนของตัวเองคุณชายจะไม่หยิบยาออกมาให้ และยาทุกขวดอยู่ด้านนอกล้วนเป็นของล้ำค่าที่ต้องแย่งชิง
“คุมสัตว์ต้องใช้เสียงควบคุมหรือ?” เฟิ่งจิ่วแปลกใจอยู่บ้าง มองไปยังมือของเขา “นั่นเครื่องดนตรีอะไร?”
ทว่ารอบนี้ไป๋เสี่ยวยังไม่ทันปริปาก ก็ได้ยินยมราชน้อยที่ยืนข้างกายเฟิ่งจิ่วเอ่ยขึ้น
“การคุมสัตว์ต้องใช้เสียงควบคุม แต่คนที่ฝึกฝนสำเร็จอย่างแท้จริงใช้แค่เสียงก็คุมสัตว์อสูรได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างเขาคงเป็นขั้นต่ำที่สุดในวิชาคุมสัตว์ ถึงต้องใช้เครื่องดนตรีมาควบคุม”
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็มองเขาอย่างแปลกใจ “เจ้ารู้หรือ” จากนั้นค่อยคิดดูแล้วพยักหน้า “ก็ใช่ ในแปดจักรวรรดิใหญ่ไม่มีอะไรบ้าง? คงมีตระกูลนักคุมสัตว์ด้วยกระมัง?”
ยมราชน้อยเงยหน้ามองเธอเล็กน้อย บอกว่า “ในแปดจักรวรรดิใหญ่มีสำนักคุมสัตว์”
………………………………………………….