เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 847 ราวกับมีชีวิตใหม่ + ตอนที่ 848 ท่านอาคุยโวถึงข้าหรือไม่
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 847 ราวกับมีชีวิตใหม่ + ตอนที่ 848 ท่านอาคุยโวถึงข้าหรือไม่
ตอนที่ 847 ราวกับมีชีวิตใหม่ + ตอนที่ 848 ท่านอาคุยโวถึงข้าหรือไม่?
ตอนที่ 847 ราวกับมีชีวิตใหม่
เริ่นเสียงได้ยินก็หัวเราะเจ้าเล่ห์ ในดวงตาฉายแววหยอกล้อบางส่วน “นายท่าน มองไม่ออกจริงๆ ว่าท่านเอาใจผู้หญิงเก่งนัก! แต่สัญญาสิบปีของพวกท่าน แม้บอกว่าเหลือเก้าปีแล้ว ข้างกายภูตหมอก็มีผู้ชายโดดเด่นไม่น้อย ช่วงนี้ยังมีโม่เฉินโผล่มาด้วยไม่ใช่หรือ? นั่นเป็นลูกศิษย์ผู้เฒ่าเทียนจีเชียวนะ”
ยมราชน้อยได้ยินคำพูดนี้ ในดวงตาเขาฉายแวววาววับ “รู้สาเหตุที่เขาตามติดเฟิ่งจิ่วหรือไม่?”
“ข้าเดาว่าคงเกี่ยวข้องกับคำทำนายที่ผู้เฒ่าเทียนจีพยากรณ์ออกมากระมัง!”
“เจ้าหมายถึงคำทำนายที่ว่าดาราหงส์ปรากฏ วิญญาณต่างภพมาเยือนโลกหรือ” เขาไต่ถาม สิ้นเสียงดวงตาก็หรี่ลง “พูดเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วนาง…”
“ขอรับ ดูท่าทางน่าจะเป็นนาง แต่โชคดีที่ตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจต่างๆ ในแปดจักรวรรดิใหญ่ยังไม่รู้ข่าวนี้ หากรู้เกรงว่าสถานการณ์ของนางจะยิ่งอันตราย”
ไม่ว่าใครก็คงไม่ปล่อยให้คนเช่นนั้นเติบโตมาเป็นภัยต่อคนอื่น หากรู้ว่าคนในคำทำนายของผู้เฒ่าเทียนจีคือองค์หญิงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวง เดาว่าทั้งราชวงศ์จะถูกกลุ่มอำนาจเบื้องบนพวกนั้นทำลายราบคาบ
เขาได้ยินแล้วก็เงียบไป ผ่านไปเนิ่นนานถึงบอกว่า “ถึงเวลานั้นข้าจะกำชับนางเอง ว่าไปจักรวรรดิทางนั้นต้องแต่งกายเป็นชายไปไหนมาไหน ไม่ต้องเปิดเผยตัวตนผู้หญิง คนพวกนั้นอย่างไรก็คงนึกไม่ถึงว่าดาราหงส์จะปรากฏตัวในแคว้นระดับเก้าล่างสุด สำหรับตอนนี้นางยังปลอดภัย”
ต่อให้ไม่ปลอดภัย เขาก็จะกวาดล้างอุปสรรคให้นาง และขจัดอันตรายทั้งหมดที่เป็นไปได้!
“เจ้ากลับไปเถอะ! ไม่มีเรื่องสำคัญก็ไม่ต้องมาอีก การระแวดระวังภัยของนางแกร่งนัก อย่าให้นางรู้เชียว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เริ่นเสียงยิ้มเอ่ยว่า “นายท่านอยู่ที่นี่ ตอนนี้ข้าจึงปักหลักในเมืองนี้ด้วย มีเรื่องอะไรก็จะดูแลอย่างดี แต่นางคุ้นเคยกับข้ามากเช่นกัน ต่อให้เห็นข้าที่นี่ก็คงไม่เป็นอะไร อย่างมากคงนึกว่านายท่านสั่งให้ข้ามาดูแลและอำนวยความสะดวกนางอย่างใกล้ชิด”
กล่าวจบเสียงเขาชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย “ฟ้าใกล้สว่างเต็มที ข้าต้องกลับไปแล้ว หากนายท่านมีเรื่องอะไรอยากหาข้า ก็ส่งสัญญาณได้ทันที”
“อืม” ยมราชน้อยพยักหน้ารับ เห็นอีกฝ่ายจากไปแล้วถึงจะหมุนตัวกลับ
เมื่อมาถึงภายในห้องนอนของตำหนัก เห็นผู้หญิงที่หลับสนิทบนเตียง เขาโน้มตัวลงจูบตรงหน้าผากของนางอย่างอดไม่ได้ จากนั้นถึงแทรกตัวเข้าไปข้างกายนาง โอบนางไว้พลางหลับลึกไป
วันต่อมาตื่นขึ้นตอนเช้าตรู่ เฟิ่งจิ่วมองเด็กน้อยที่นอนหลับอยู่ข้างกาย ในดวงตาฉายแววแปลกใจแวบหนึ่ง เมื่อคืนเธอหลับลึกมาก นึกไม่ถึงว่าแวบเดียวก็ถึงวันรุ่งขึ้นแล้ว? หรือว่าจะเหนื่อยเกินไปจริงๆ?
เห็นเขายังหลับอยู่ เธอจึงอาบน้ำออกไปข้างนอก คิดจะไปดูท่านย่ากับท่านอาน้อยที่เกิดใหม่เสียหน่อย ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้ว่าแม้ยมราชน้อยกำลังหลับ แต่ยามนี้วรยุทธ์ในร่างกายเขากลับไหลเวียนอย่างรวดเร็ว…
“แม่หนูเฟิ่ง ย่าเจ้าฟื้นแล้ว เดิมทีข้าว่าจะส่งคนเข้าไปบอกเจ้า เจ้าก็มาเสียแล้ว” ท่านผู้เฒ่ามีสีหน้าระรื่น ทั้งร่างเปี่ยมด้วยรัศมีแห่งความปีติ ยามนี้กำลังนั่งป้อนน้ำแกงไก่ให้ซู่ซีอยู่ข้างเตียง
“ท่านยา สภาพจิตใจไม่เลวแล้วกระมัง?” เฟิ่งจิ่วเข้ามาดู เห็นสีหน้านางแม้จะซูบผอม แต่ประกายในดวงตากลับปิดไว้ไม่มิด
“แม่หนูเฟิ่ง ขอบคุณเจ้าด้วย เดิมทีข้านึกว่าจะไม่รอดเสียแล้ว”
ตอนนั้นนางนึกจริงๆ ว่าตนเองจะไม่รอด ยามที่หลับตาลงหมดสติไป ข้างหูนางได้ยินเสียงร้องของลูก อยากลืมตามองลูกสักแวบยิ่งนัก กลับไม่อาจต้านทานความมืดที่เข้ามาถาโถมได้ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งตอนเช้าตรู่ ยิ่งมีความรู้สึกประหลาดใจราวกับมีชีวิตใหม่
………………………………………………….
ตอนที่ 848 ท่านอาคุยโวถึงข้าหรือไม่?
“ท่านย่า ท่านอย่าพูดเช่นนี้เลย นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าควรทำ” เฟิ่งจิ่วยิ้มบอก เห็นเด็กทารกไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยก็ถามว่า “ท่านอาตัวน้อยล่ะเจ้าคะ?”
“เมื่อครู่ร้องไห้ตลอด จึงให้แม่นมอุ้มไปแล้วละ” ท่านผู้เฒ่ากล่าว แล้วสั่งคนอุ้มลูกชายกลับมาให้เฟิ่งจิ่วดู
“องค์หญิง”
แม่นมอุ้มเด็กเข้าไป เฟิ่งจิ่วก็รับมาอุ้มไว้ในมือเบาๆ โดยไม่กล้าใช้แรง อาจเพราะเพิ่งกินอิ่มมา เด็กน้อยจึงกำลังลืมตามองเธอ เพียงโดนเธอหยอกก็หัวเราะขึ้นมา
“เอ๋? เร็วเพียงนี้ก็หัวเราะเป็นแล้ว? ดูท่าท่านอาตัวน้อยจะฉลาดมาก!” เธอหัวเราะเบาๆ พลางหยอกทารกน้อยในอ้อมแขนเล่น แต่ทารกง่วงง่ายเป็นพิเศษ หัวเราะสักพักก็หลับตาลงไม่สนใจเธออีก
“เหอะๆ… ท่านปู่ ท่านดูสิ หลับเสียแล้ว” เธออุ้มเข้าไปให้พวกเขาดูอย่างอดไม่ได้
“ใช่แล้ว เมื่อคืนตอนเกิดเด็กคนนี้ก็ร้องไห้ เช้านี้ตอนหิวก็ยังร้อง แต่เวลาอื่นๆ เลี้ยงง่ายมาก” สำหรับทารกคนนี้ พูดได้ว่าท่านผู้เฒ่ารักใคร่เช่นหลานชายก็ไม่เกินไป
ครั้นได้ยินเช่นนี้ เธอยิ้มถามว่า “เช่นนั้นท่านอาตัวน้อยชื่ออะไรเจ้าคะ ท่านปู่ตั้งเรียบร้อยหรือยัง?”
“อืม ตั้งเรียบร้อยแล้ว” เขากับซู่ซีมองหน้ากัน บอกว่า “เด็กเกิดตอนเที่ยงคืน ข้าจึงตั้งเป็นอักษรเดียวให้เขาว่าเย่ (กลางคืน) ชื่อเฟิ่งเย่”
“ท่านอาเฟิ่งเย่?” เฟิ่งจิ่วกระซิบเบาๆ จากนั้นค่อยยิ้มขึ้นมา “ชื่อนี้เพราะมากเจ้าค่ะ”
เธอคุยกับพวกเขาในตำหนักสักพักถึงจะออกไป มาถึงด้านนอกก็พบบิดาตนเหมือนกำลังจะเข้าไปดู ดังนั้นจึงขานเรียก
“ท่านพ่อ”
“เสี่ยวจิ่ว? เจ้าเข้ามาเช้าเพียงนี้เชียว” เขามองลูกสาว ใบหน้าเคร่งขรึมเผยรอยยิ้มออกมา
“เจ้าค่ะ เข้ามาดูท่านย่ากับท่านอาตัวน้อยเสียหน่อย ท่านพ่อก็จะเข้าไปด้วยใช่หรือไม่? ข้าว่าท่านเข้ามาเย็นหน่อยจะดีกว่า ท่านย่าเพิ่งหลับไป ท่านอาตัวน้อยก็เช่นกัน”
“โอ้ เช่นนี้เอง! อย่างนั้นเย็นๆ ข้าค่อยเข้ามาดูอีกที” เขาพยักหน้ากล่าว
“ท่านพ่อ พวกเราไปเดินเล่นกันไหมเจ้าคะ”
เธอคล้องแขนบิดาเดินไปในวัง พ่อลูกทั้งสองเดินเล่นรอบๆ คุยเล่นกันไป จนกระทั่งเวลาเที่ยง เมื่อจัดสำรับอาหารเตรียมจะกินด้วยกัน เฟิ่งจิ่วถึงนึกได้ว่าวันนี้เด็กน้อยหลับจนถึงตอนนี้แล้วเหมือนจะยังไม่เห็นหน้า ขณะกำลังจะส่งคนไปเรียก ก็เห็นเด็กน้อยสวมชุดคลุมสีดำตัวเล็กเดินเข้ามา
“ยมราชน้อยมาแล้ว? มานั่งกินข้าวด้วยกันสิ” เฟิ่งเซียวเรียกยมราชน้อย อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้
เขาคารวะไปทางเฟิ่งเซียวพร้อมขานรับ มองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง จากนั้นถึงเดินไปข้างกายเธอ เพียงแต่เก้าอี้ค่อนข้างสูง เขาหันไปจะนั่งยังทำไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้ตอนกำลังคิดจะปีนขึ้นไปถึงโดนอุ้มขึ้นมา
“นั่งสิ! มา นี่ให้เจ้ากิน” เฟิ่งจิ่วอุ้มเขามานั่งบนเก้าอี้ พลางเติมข้าวให้เขาเล็กน้อยและคีบอาหารให้บ้าง
เขาเหลือบมองเธอแล้วจึงหยิบตะเกียบกินข้าว ส่วนเฟิ่งจิ่วกับเฟิ่งเซียวสองพ่อลูกกินไปพลางพูดคุยกัน หลังมื้ออาหารพวกเขาออกไปเดินเล่น ดื่มชาสักพัก เฟิ่งเซียวก็กลับไปจัดการราชกิจ เหลือเพียงเฟิ่งจิ่วกับยมราชน้อย
สองคนสี่ตามองประสานกัน ดวงตาคู่ใหญ่จ้องมองดวงตาคู่เล็ก มองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร
“เด็กน้อย พูดมาเถอะ! ทำไมเจ้าถึงชอบตามติดข้าเพียงนี้?” มือข้างหนึ่งของเธอเท้าคาง เอ่ยถามอย่างยิ้มแย้ม
เขาได้ยินคำถามก็ถลึงมอง “ข้าตามติดเจ้าเสียที่ไหน?”
“ไม่ใช่หรือ ถึงแม้ข้าจะหน้าตาใครเห็นใครก็รัก แต่เด็กเล็กเจอข้าครั้งแรกน่าจะไม่ชอบตามติดข้า เจ้ากลับเป็นข้อยกเว้น ว่ามาตามจริงเถอะ ท่านอาคุยโวถึงข้าต่อหน้าเจ้าตลอดเลยใช่หรือไม่?” แววตาเธอสั่นไหวเล็กน้อย แย้มยิ้มถามด้วยคำพูดเจือความคาดหวังรอคอย
………………………………………………….