เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 853 ทำไมเจ้าโตเร็วเพียงนี้ + ตอนที่ 854 โคมไฟงามในเทศกาลโคมไฟ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 853 ทำไมเจ้าโตเร็วเพียงนี้ + ตอนที่ 854 โคมไฟงามในเทศกาลโคมไฟ
ตอนที่ 853 ทำไมเจ้าโตเร็วเพียงนี้? + ตอนที่ 854 โคมไฟงามในเทศกาลโคมไฟ
ตอนที่ 853 ทำไมเจ้าโตเร็วเพียงนี้?
เฟิ่งจิ่วชายตามองเขา “ไม่ได้ก็ต้องได้!”
“ข้าไม่ยอม!”
“ความไม่ยินยอมของเจ้าเป็นโมฆะ” หากเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นวันนี้อีก เธอก็ไม่รู้ว่าจะจบดีได้อย่างไร
ยมราชน้อยมองนาง รู้ว่านางชอบให้ใช้ไม้อ่อน ดังนั้นจึงผ่อนเสียงลงและกล่าวว่า “ครั้งหน้าข้าจะระวังหน่อย ไม่ลื่นล้มหรอก อุบัติเหตุเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก หนำซ้ำข้าดูแลตัวเองดีๆ ได้”
เขาไม่ใช่เด็กน้อยจริงๆ จะดูแลตัวเองไม่ดีได้อย่างไร? หากไม่ใช่จู่ๆ นางก็ตะโกนอยู่ด้านนอกว่าจะเข้ามา ตอนนั้นคงไม่ลื่นล้มเพราะกำลังก้าวออกจากอ่างน้ำ ซ้ำยังหัวทิ่มกลับไปอีก
เฟิ่งจิ่วหรี่ตา “ไม่ให้ข้าช่วยเจ้าอาบ?”
“อืม” เขาพยักหน้าหนักๆ ใบหน้าเล็กงดงามเต็มไปด้วยความจริงจัง
ร่างเล็กๆ นี่ให้นางเห็นได้หรือ? คำตอบคือไม่ได้
“เช่นนั้นก็ได้ ข้าหาคนอื่นมาช่วยเจ้าอาบก็เหมือนกัน” เฟิ่งจิ่วกล่าวอย่างใจเย็น ไม่แปลกใจที่เห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไป กัดฟันกรอดถลึงมองเธอ สุดท้ายก็ยอมประนีประนอมในที่สุด
“ได้! เจ้าจะอาบให้ก็อาบ!” ผู้หญิงคนนี้ รู้แก่ใจว่าเขาเกลียดการให้คนอื่นเข้าใกล้เป็นที่สุด นึกไม่ถึงว่ายังจะหาคนมาอาบน้ำให้เขาอีก? นี่คิดจะไม่ให้ทางหนีเขาเลยสินะ
ยามนี้เขาอดคิดไม่ได้ว่า การมาหาโดยอาศัยช่วงที่วรยุทธ์ยังไม่ฟื้นคืนนี้ถูกต้องหรือไม่กันแน่? ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองที่ร่างกายหดเล็กลงมาอยู่กับนางที่นี่ก็ไม่มีอำนาจเลย แม้จะคัดค้านยังเปล่าประโยชน์
“นี่สิถึงจะเป็นเด็กดี” เฟิ่งจิ่วดึงเขาเข้ามาลูบๆ หัว “เป็นเด็กดีว่าง่ายข้าจะไม่ตีเจ้า”
ผิวหน้าเขาสั่นเทิ้ม มุมปากกระตุก มองค้อนนางแวบหนึ่งแล้วก็ละสายตาไปอย่างหมดคำพูด
“เอ๊ะ? ทำไมเหมือนเจ้าจะสูงขึ้นแล้ว?” ลากเขามาข้างกาย โอบไว้ในอ้อมแขน จู่ๆ เฟิ่งจิ่วที่ลูบหัวเขาก็พบว่าไม่เจอกันครึ่งเดือน เด็กคนนี้เหมือนจะสูงขึ้นไม่น้อยเลย
เธอดันเขาออกไปหนึ่งก้าว พินิจมองหัวจรดเท้าและเปรียบเทียบกัน ก่อนจะมองเขาอย่างแปลกใจ “สูงขึ้นจริงๆ ด้วย เดิมทีเป็นเช่นเด็กน้อยอายุสามสี่ขวบ ตอนนี้ดูจะสูงเท่าเด็กอายุห้าหกขวบแล้ว หลายวันมานี้เจ้ากินอะไร? ทำไมถึงโตเร็วเพียงนี้?”
เขาได้ยินคำพูดนี้ก็ก้มหน้ามองตัวเอง ไม่ได้พูดอะไร แน่นอนว่าโตขึ้นนิดหน่อย เพราะครึ่งเดือนนี้เขาฝึกบำเพ็ญตลอด ขอแค่วรยุทธ์ที่สูญเสียไปฟื้นคืนกลับมา เขาก็จะเปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิมแน่นอน
แต่คำพูดนางกลับเตือนสติเขา หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาจะฟื้นสภาพเร็วเกินไป หนึ่งหรือสองครั้งนางอาจจะไม่คิดไปด้านนั้น แต่ถ้านานไปก็ไม่แน่
หากก่อนหน้าไม่เกิดเรื่องน่าอายมากมายเพียงนี้ต่อหน้านางยังดี บอกนางก็แค่บอกไป แต่ตอนนี้เขาจะเอ่ยปากบอกนางอย่างไร? เขากล้ามั่นใจว่าเพียงเอ่ยปากไปคราวนี้ ภายหน้าจะไม่เหลือความน่าเกรงขามแล้วจริงๆ
ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่างไรก็ให้นางรู้ไม่ได้ หนำซ้ำสถานการณ์เป็นเช่นนี้เกรงว่าต้องจากไปก่อนเวลาเสียแล้ว
“คิดอะไรน่ะ ข้าถามเจ้าอยู่ ช่วงนี้เจ้ากินอะไรบ้าง? ไม่ได้กินยาอะไรมั่วซั่วกระมัง?” ระหว่างถามนางยื่นมือไปจับชีพจรเขาตามปกติ กลับไม่พบว่าร่างกายเขามีตรงไหนผิดปกติ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆ
ครึ่งเดือนเท่านั้นเอง ทำไมถึงโตเร็วเพียงนี้?
“แค่ก!”
เขาไอเบาๆ ใบหน้าเล็กงดงามปั้นหน้านิ่ง บอกว่า “ข้าเหมือนพี่ชาย ตอนเด็กๆ ก็โตเร็วกว่าคนอื่น ไม่มีอะไรน่าแปลก”
ตอนพูดยังชำเลืองมองนาง ก่อนกล่าวด้วยความจริงจัง “ข้าเป็นผู้ชาย ทีหลังเจ้าจะตี…ข้าเช่นนี้อีกไม่ได้ แค่ก!” เมื่อคำว่าก้นมาถึงปากก็รู้สึกว่าพูดยากนัก
………………………………………………….
ตอนที่ 854 โคมไฟงามในเทศกาลโคมไฟ
ครั้นได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วชายตามองเขา ยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่ “เจ้าเป็นเช่นนี้ นับว่าเป็นผู้ชายไม่ได้หรอก เป็นได้เพียงเด็กชายเท่านั้น” กล่าวจบก็เห็นสีหน้าเขามืดทึม ใบหน้าเล็กบึ้งตึง ท่าทางเช่นนั้นเหมือนเจ้าตำหนักยมราชอย่างกับแกะ เห็นแล้วเธอยื่นมือไปบีบนวดใบหน้าเขาอย่างอดใจไม่ไหว
“เจ้าเด็กบ้า ปั้นหน้าทั้งวันไม่กลัวแก่เร็วไปหรือ?” ในใจกลับแอบยิ้ม ใบหน้าของเจ้าตำหนักยมราชเธอไม่กล้าจับ แต่ของเด็กน้อยนี่มีหรือเธอจะไม่กล้าจับ?
เขาจับมือเธอออกอย่างหมดคำจะพูด “อย่าจับหน้าข้า”
“วันนี้คือวันที่สิบห้าเดือนหนึ่งมีเทศกาลโคมไฟ คืนนี้พวกเราจะไปล้อมวงกินข้าวในวัง จากนั้นค่อยพาเจ้าไปเดินเล่นในงานเทศกาลเป็นอย่างไร?” เธอยิ้มถามพลางมองเด็กน้อยที่ค่อนข้างหยิ่งทะนงในอ้อมแขน
“อืม” เขาขานรับ ดูดีใจเล็กน้อย
เช่นนี้เอง เมื่อถึงช่วงเย็นพวกเขาจึงเข้าไปในวัง จนถึงตอนค่ำ เพราะซู่ซียังต้องอยู่เดือนหลังคลอดไม่ได้ออกมา พวกเขาจึงล้อมวงกินอาหารกันอย่างเรียบง่าย และเล่นกับเด็กทารกในวังพักหนึ่งถึงจะออกไป
เทศกาลโคมไฟในคืนนี้ ทุกหนแห่งในเมืองต่างแขวนโคมผูกผ้า บ้างทายปริศนาโคมไฟ บ้างปล่อยดอกไม้ไฟ เห็นได้เลยว่าทุกที่ล้วนสนุกสนานครื้นเครง
ยามมองโคมไฟมากมายหลายแบบ ยมราชน้อยที่เดินข้างกายเฟิ่งจิ่วแววตาวูบไหวเล็กน้อย ฝีเท้าชะลอลงสองสามก้าวมาที่เบื้องหน้าโคมไฟจุดหนึ่ง เขามองๆ บนหมู่โคมไฟนั้น สุดท้ายสายตาก็หยุดลงบนโคมดอกบัวหนึ่งในนั้น อ่านปริศนาด้านล่าง จากนั้นค่อยมองไปยังพ่อค้าหาบเร่ “เอาเจ้านี่ลงมาที”
“เหอะๆ คุณชายน้อย ทายปริศนาโคมถูกไม่ต้องจ่ายเงิน ทายไม่ได้ต้องเก็บเงินนะ” พ่อค้าหาบเร่ยิ้มเอ่ย หยิบโคมดอกบัวลงมาถือไว้ในมือ ก่อนถามว่า “คุณชายน้อย ปริศนาของโคมดอกบัวนี้คือ บ้างเป็นสีแดง บ้างเป็นสีเขียว บ้างชอบลม บ้างชอบฝน ทายมาหนึ่งคำ”
“ฤดูใบไม้ร่วง” ยมราชน้อยตอบแล้วยื่นมือเล็กออกไป “เอามา”
รอยยิ้มบนหน้าพ่อค้าหาบเร่แข็งทื่อ หันกลับไปอ่านคำตอบ จากนั้นจึงยื่นโคมดอกบัวให้เขา พลางยิ้มกล่าวว่า “คุณชายน้อยฉลาดจริงๆ ทายถูกในครั้งเดียว คำตอบคือฤดูใบไม้ร่วงไม่ผิด โคมดอกบัวนี้เป็นของท่านแล้ว”
“เจ้าชอบเจ้านี่หรือ?” เฟิ่งจิ่วเดินเข้ามา ในมือถือโคมไฟดวงหนึ่งเช่นกัน แต่ว่าเป็นรูปปลา “ข้านึกว่าเจ้าจะชอบอันนี้ นี่” เธอยกโคมไฟในมือยื่นไปให้เขา
หลังจากเหลือบมองเขาถึงรับมา ขณะเดียวกันก็ยื่นโคมดอกบัวในมือไป “ให้เจ้า”
“ให้ข้า?”
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ยิ้มตาหยี รับมาอย่างยินดีและนึกไม่ถึงอยู่บ้าง “ขอบคุณนะ”
ยมราชน้อยเห็นนางยิ้มอย่างสุขใจ ก็ละสายตาออกไปเล็กน้อย พยายามจะปั้นหน้านิ่งรักษามาดไว้ แต่มุมปากกลับยกโค้งขึ้นอย่างอดไม่ไหว เผยความรู้สึกพอใจออกมา
“เจ้ายังอยากได้ดวงไหนอีก? ข้าจะเอาให้เจ้า” เขาถือโคมไฟรูปปลาที่นางมอบให้ เงยหน้ามองนางเล็กน้อย ทำท่าทางมั่นใจว่าขอแค่เจ้าชอบ ข้าก็สามารถนำมาให้เจ้าได้
“ดวงเดียวพอแล้ว ไปเถอะ! พวกเราไปกินทังหยวน[1]ข้างหน้ากัน” เฟิ่งจิ่วหยีตายิ้ม มือหนึ่งถือโคมดอกบัวอีกมือจับจูงเขาไว้
ทั้งสองคนไปกินทังหยวนตรงแผงลอยด้านหน้า จากนั้นเบียดฝูงชนเข้าไปชมการแสดงบนถนน สุดท้ายยังไปชมดอกไม้ไฟ จนกระทั่งเที่ยงคืนถึงจะกลับจวนตระกูลเฟิ่งมาพักผ่อน
หลังอาบน้ำเสร็จ ยมราชน้อยที่นอนอยู่บนเตียงมองสาวน้อยซึ่งยืนมองท้องฟ้าไกลยามค่ำคืนตรงข้างหน้าต่าง ถามว่า “เจ้ากำลังมองอะไร?”
“คืนนี้วันที่สิบห้า ไม่รู้ว่าพิษเหมันต์ของเขาจะกำเริบหรือไม่?”
………………………………………………….
[1] ทังหยวน คือขนมดั้งเดิมของชาวจีนที่นิยมกินกันในวันหยวนเซียว (เทศกาลโคมไฟ) ทำจากแป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลมใส่ไส้ ชื่อคล้ายกับคำว่าถวนหยวนซึ่งหมายถึงครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า