เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 911 ด้านในมีคน + ตอนที่ 912 เป็นเจ้าตัวปัญหานั่น
ตอนที่ 911 ด้านในมีคน + ตอนที่ 912 เป็นเจ้าตัวปัญหานั่น
ตอนที่ 911 ด้านในมีคน
“เล่ากันว่าผลไข่วิญญาณสิบปีจะผลิดอกสิบปีออกผล ผลไข่วิญญาณหนึ่งลูกทำให้วรยุทธ์บรรลุไปหนึ่งขั้น พลังวิญญาณและโภชนาการที่แฝงไว้ในผลไข่วิญญาณจะอยู่หล่อเลี้ยงในร่างกายเป็นเวลาครึ่งเดือน คนไปทั่วไปกินก็รักษาได้ร้อยโรค เพิ่มอายุขัยไปสิบปี จิ๊ๆ เป็นของดีจริงๆ”
เฟิ่งจิ่วกินไปพลางพูดไปพลาง พร้อมจ้องมองผลไข่วิญญาณในมือ วันนั้นที่ไปเข้าร่วมสมัชชาใหญ่วิเคราะห์ยาเซียน เธอแค่หมายตาผลไข่วิญญาณนี้ เพราะเธอวางแผนจะปลูกผลไม้วิญญาณในห้วงมิติ แต่ไม่อยากปลูกสายพันธุ์ทั่วไปเยอะเกินไปนัก ทว่าผลไข่วิญญาณนี้แม้แต่เธอยังไม่รู้ว่าจะไปหามาจากไหน
ยามนี้มีสามผล เธอคิดว่าหลังจากกินเสร็จจะนำเมล็ดมันไปปลูกเลี้ยงในห้วงมิติ ถึงเวลานั้นค่อยลองดูว่าใช้ยาเร่งให้โตเร็วได้หรือไม่
ในห้วงความคิดกำลังวางแผน หากทำได้ละก็ เธอคิดว่าอนาคตจะย้ายไปปลูกในพระราชวังของราชวงศ์เฟิ่งหวง ให้พวกท่านพ่อได้กินผลไม้นี้ด้วย
หลังกินผลไม้เสร็จ เธอก็แวบร่างเข้าไปในห้วงมิติ ฝังเมล็ดลงบนพื้นที่ว่างในนั้น แล้วรดน้ำวิญญาณเสียหน่อย เหล่าไป๋ในห้วงมิติเห็นเธอเข้ามาก็พุ่งมาหาด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“นายท่านๆ นายท่านๆ ท่านเข้ามาดูข้าหรือขอรับ?” มันวิ่งห้อมาแต่ไกล ห้วงมิตินี้เป็นดั่งสวรรค์ พื้นที่กว้างขวางทำให้เหล่าไป๋โลดแล่นในนี้ได้อย่างอิสระ
เธอลูบๆ หัวมัน ยิ้มเอ่ยว่า “ข้าฝึกบำเพ็ญในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของสำนักศึกษาสองดารา เข้ามาปลูกเมล็ดพันธุ์น่ะ จริงสิ เจ้าอยู่ในนี้อย่าลืมช่วยข้ารดน้ำพืชดอกผลไม้วิญญาณด้วย”
“นายท่าน ผลไม้วิญญาณพวกนั้นที่ท่านปลูกล้วนไม่ออกผล มีแค่ต้นกับใบไม้ ซ้ำยังสูงไม่ถึงครึ่งตัวข้า” เหล่าไป๋เบ้ปากพูด นายท่านบอกว่าพวกนั้นเป็นผลไม้วิญญาณ สำหรับมันกลับไม่ต่างอะไรกับต้นหญ้า อีกทั้งไม่เห็นออกผล
“นั่นเพราะเพิ่งปลูกได้ไม่นาน เอาละ ข้าต้องออกไปก่อนแล้ว” เธอกำชับแล้วถึงจะแวบหายออกไปข้างนอก เมื่อกลับมาถึงใจกลางค่ายกลรวมพลังวิญญาณและยืดแขนขาออกกำลังกาย ก็รู้สึกว่าหลังจากกินผลไข่วิญญาณไปแล้วช่างอิ่มท้อง หนำซ้ำกลิ่นอายพลังวิญญาณในร่างยังหลั่งไหลช้าๆ สบายตัวอย่างยิ่ง
“ยังมีเวลาอีกเจ็ดแปดวัน ช่วงนี้ข้าจะต้องทะลวงระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุดไปถึงระดับหลอมแก่นพลัง!” เธอกล่าวจบก็รีบนั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญทันที
ส่วนทุกคนรอบนอกพักผ่อนไปสักพักเห็นว่ากลิ่นอายพลังวิญญาณฟื้นฟูแล้ว จึงเตรียมนั่งลงฝึกบำเพ็ญกันอีกครั้ง ใครจะรู้ว่าเพิ่งนั่งลงฝึกไม่ทันไร ก็เหมือนมีพลังที่แข็งแกร่งกำลังแย่งกลิ่นอายพลังวิญญาณกับพวกเขา กลิ่นอายพลังวิญญาณที่เดิมทีทำท่าจะซึมเข้าร่างกายพวกเขาดันหมุนกลับไปยังใจกลางค่ายกลรวมพลังวิญญาณ ทำเอาพวกเขามองกันตาค้างไปบ้าง
“นะ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ดีที่ข้ายังไม่ได้โคจรวิชายุทธ์ หากถูกพลังเช่นนี้แย่งพลังวิญญาณระหว่างขั้นตอนฝึกบำเพ็ญ แม้ไม่ตายเลือดลมก็ต้องย้อนกลับและบาดเจ็บสาหัส” นักเรียนคนหนึ่งตบๆ หน้าอกอย่างนึกกลัวภายหลัง ตกใจจนเหงื่อออกทั้งตัว
“ภายในค่ายกลรวมพลังวิญญาณมีอะไรกันแน่? สถานการณ์ผิดปกติแน่นอน หลังจากค่ายกลรวมพลังวิญญาณรวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณก็จะปล่อยพลังวิญญาณกระจายออกไปโดยรอบ กลิ่นอายพลังวิญญาณรอบๆ จะไม่ถูกแย่งไปหมดเช่นนี้ ต้องเป็นฝีมือคนแน่”
ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าท่าทีก็เปลี่ยนไป “ฝีมือคน? จริงด้วย! ทำไมพวกเรานึกไม่ถึงว่าเป็นฝีมือคน! มีคนเข้าไปด้านในแน่ๆ! ในหมู่นักเรียนแต่ละสำนักศึกษามีใครชำนาญด้านค่ายกลบ้าง? ภายในค่ายกลรวมพลังวิญญาณนี้มีคนแน่นอน!”
………………………………………………….
ตอนที่ 912 เป็นเจ้าตัวปัญหานั่น
พวกเนี่ยเถิงได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นประหลาดในทันที เพราะในความคิดของพวกเขาสามคนนึกถึงเฟิ่งจิ่วพร้อมกันโดยไม่นัดหมาย
หากบอกว่าท่ามกลางเหล่านักเรียนมีคนเข้าไปค่ายกลรวมพลังวิญญาณได้ เช่นนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเฟิ่งจิ่ว อีกอย่างเดิมทีพวกเขาก็รู้สึกแปลกๆ พวกเขาสามคนหาที่นี่พบ แม้แต่นักเรียนสำนักศึกษาอื่นก็เช่นกัน แต่กลับไม่เห็นตัวเฟิ่งจิ่วได้อย่างไร?
ที่แท้เฟิ่งจิ่วเข้าไปยังใจกลางค่ายกลรวมพลังวิญญาณแล้ว
ใช่แล้ว หากเป็นเช่นนี้ ก็จะหาสาเหตุที่เหมาะสมเรื่องการลดลงอย่างน่าแปลกใจของพลังวิญญาณได้
ใจกลางค่ายกลรวมพลังวิญญาณในยามนี้ เฟิ่งจิ่วกำลังพากเพียรฝึกบำเพ็ญโดยไม่สนใจทุกคนด้านนอก กลิ่นอายพลังวิญญาณเหล่านั้นแทรกซึมเข้าร่างของเธออย่างมีชีวิตชีวาราวกับหาร่างแม่พบ และหลอมรวมเข้ากับกลิ่นอายในร่าง
“สมควรตาย! ถ้าค่ายกลนี้ไม่ถูกทำลาย จากนี้ไปพวกเราก็ไม่มีทางฝึกบำเพ็ญได้แล้ว!”
คนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นพลางมองค่ายกลนั้น คิดจะลองเข้าไปอีกที พวกเขาต่างเรียนเรื่องค่ายกลมา แต่รู้จักเพียงพวกค่ายกลที่ง่ายๆ ทั่วไป ไม่เคยเรียนค่ายกลที่ป้องกันค่ายกลรวมพลังวิญญาณและปิดกั้นไม่ให้ใครเข้าไปเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้ต่อให้คิดจะลองแก้ โอกาสสำเร็จก็ต่ำมากจริงๆ
ครั้นนึกถึงข้อนี้ นักเรียนบางคนอยากเข้าไปลองทำลาย บางคนก็กัดฟันกรอด คิดจะเปลี่ยนสถานที่ให้ห่างจากที่นี่หน่อย แม้กลิ่นอายพลังวิญญาณของที่นี่กำลังลดลง สถานที่ไกลกว่าหน่อยคงไม่เป็นเช่นนั้น เพียงแต่เกรงว่ากลิ่นอายพลังวิญญาณจะค่อนข้างเบาบาง ทว่ายังดีกว่าโดนขัดจังหวะฝึกบำเพ็ญโดยไม่ทันตั้งตัวที่นี่
เหล่านักเรียนที่ไม่เชื่อยืนกรานจะบุกเข้าไป ทว่าลองไปแล้วหลายคน บางคนติดกับอยู่ข้างในออกมาไม่ได้ จำใจต้องร้องขอความช่วยเหลือ น่าเสียดายที่ไม่มีคนสนใจพวกเขา บางคนลองตั้งหลายครั้งถึงเดินออกมาอย่างเสียหน้า พร้อมก่นด่าเสียๆ หายๆ ด้วยสีหน้ากระหืดกระหอบ สุดท้ายก็สะบัดแขนเสื้อจากไป
เนี่ยเถิงเห็นภาพเช่นนี้ แววตาสั่นไหวเล็กน้อย สายตามองยังส่วนลึกของค่ายกลรวมพลังวิญญาณ สถานที่ที่ขวางกั้นด้วยผืนหมอกนั้น นางฝึกบำเพ็ญอยู่ข้างในหรือ? มีเพียงนางเท่านั้นถึงจะทำให้คนมากมายเพียงนี้หมดสิ้นหนทางได้กระมัง!
เมื่อในใจชัดเจน พูดไม่ออกว่าเป็นความรู้สึกเช่นไร เขาเพียงหันกายเดินไปฝึกบำเพ็ญยังจุดที่ห่างจากที่นี่ค่อนข้างไกลอย่างเงียบๆ
โอวหยางซิวเม้มริมฝีปากจ้องมองหมอกผืนนั้น เอ่ยถามเซียวอี้หานข้างกายว่า “เฟิ่งจิ่วอยู่ข้างในหรือ?”
“เหอะๆๆ ข้าได้ยินว่าเจ้าพ่ายแพ้และรับเขาเป็นอาจารย์ไม่ใช่หรือ เรียกชื่อท่านอาจารย์ตรงๆ ได้อย่างไร?” เซียวอี้หานมองเขาอย่างหยอกล้อ เมื่อเห็นเขาทำเคร่งเครียด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไป ก็ลูบคางโดยพลัน
สายตาหยุดลงในหมอกผืนนั้นพลางส่ายหน้า “เจ้าตัวปัญหานี่” เขาถอนใจเบาๆ ได้แต่หมุนตัวเดินไปไกลหน่อย หากใกล้เกินไปหายนะคงมาเยือนจริงๆ แต่เดินไปไกลนักก็ไม่ได้อีก อย่างน้อยๆ ถึงเวลานางออกมาเขาก็ยังได้พบหน้า
เวลาล่วงเลยไป วันคืนข้างในนี้เหมือนจะผ่านไปท่ามกลางความเงียบสงบ เพราะยิ่งใกล้เวลาออกไปเท่าใด การแย่งชิงระหว่างนักเรียนจะยิ่งดุเดือดขึ้น
ทว่า ในสองวันสุดท้าย เวลาช่วงเย็น ขณะที่นักเรียนบางคนกำลังฝึกบำเพ็ญ บางคนกำลังต่อสู้ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าทั่วเขตพื้นที่พลังวิญญาณเหมือนมีการเปลี่ยนแปลงที่ประหลาดเล็กน้อย ต้นไม้รอบๆ คล้ายถูกดึงความมีชีวิตชีวาออกไป กลิ่นอายพลังวิญญาณในอากาศยิ่งคล้ายน้อยลงด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า แม้แต่อากาศทุกที่ภายในเขตพื้นที่พลังวิญญาณอันกว้างใหญ่ ยามนี้กลิ่นอายพลังวิญญาณยังหลั่งไหลไปยังใจกลางค่ายกลรวมพลังวิญญาณทีละน้อย…
………………………………………………….