เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 917 รู้สึกผิด + ตอนที่ 918 หลอมแก่นพลังขั้นกลาง
ตอนที่ 917 รู้สึกผิด + ตอนที่ 918 หลอมแก่นพลังขั้นกลาง
ตอนที่ 917 รู้สึกผิด
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เจ้าสำนักศึกษาสองดาราตกใจไปพักหนึ่ง สั่งการว่า “ไปตรวจสอบ! ดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!”
“ข้าจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ขอรับ” อาจารย์สำนักศึกษาสองดาราคนหนึ่งขานรับ กลับไม่นึกว่ายังไม่ทันเดินออกมาข้างนอก ก็เห็นชายชราสองคนทะยานมาจากอากาศ ความเร็วสูงจนแทบจะมาถึงตรงหน้าเจ้าสำนักในชั่วพริบตา
เจ้าสำนักศึกษาสองดาราเห็นพวกเขาสองคน ก็อดตกใจเล็กน้อยไม่ได้ “ผู้อาวุโสทั้งสองมาได้อย่างไร?”
“พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แดนลับเกิดเรื่องแล้ว ท่านยังถามอีกหรือว่ามาได้อย่างไร?” ผู้อาวุโสสองคนเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม กวาดมองรองเจ้าสำนักและอาจารย์จากแต่ละสำนักศึกษารอบข้าง สะบัดแขนเสื้อ แล้วหมุนตัวมุ่งไปทางประตูค่ายกล
เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสอง ไม่เพียงคนสำนักศึกษาสองดาราจะตกใจ แม้แต่คนสำนักศึกษาอื่นก็หัวใจหนักอึ้ง รีบร้อนตามพวกเขาไปยังทิศทางประตูค่ายกลพร้อมๆ กัน
แดนลับนั้นเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ฝึกบำเพ็ญ จะเกิดเรื่องได้อย่างไร หากเกิดเรื่องขึ้น เช่นนั้นเป็นเรื่องอะไรกัน แม้แต่ผู้อาวุโสสำนักศึกษาสองดาราสองท่านยังแตกตื่นไปด้วย?
เวลาเดียวกันนี้ ภายในแดนลับ ทุกคนนอกค่ายกลรวมพลังวิญญาณต่างนิ่งอึ้ง แต่ละคนตาค้างมองต้นไม้รอบด้านไร้ชีวิตชีวาราวกับป่าผีสิง อ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะพูดอะไรดี
หลังสายฟ้าครั้งที่สามผ่าลงมา ชั้นเมฆในอากาศในที่สุดก็สลายไป เมฆขาวกลับคืนสู่ท้องฟ้า หากป่าไม้เบื้องล่างไม่เป็นเช่นป่าผีสิง อากาศไม่ไร้กลิ่นอายพลังวิญญาณ และต้นไม้ไม่สูญสิ้นพลังชีวิต พวกเขาคงคิดจริงๆ ว่าภาพก่อนหน้านี้เป็นเพียงสิ่งลวงตา
ทว่า ภายในค่ายกลรวมพลังวิญญาณ เฟิ่งจิ่วถอนหายใจเบาๆ กลิ่นอายพลังวิญญาณทั่วร่างย้อนกลับสู่จุดตันเถียน ยามนี้ในจุดตันเถียนของเธอหลอมแก่นพลังทองสำเร็จแล้ว สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจเป็นพิเศษคือ เม็ดบัวเขียวนั้นในที่สุดก็เบ่งบานเล็กน้อย มีหนึ่งกลีบดอกบานออกมา แม้แค่กลีบเดียวก็ทำให้เธอปลื้มใจไม่สิ้นสุดแล้ว
เห็นเสื้อผ้าบนร่างตัวเองถูกเปลวไฟเผาทำลาย เธอจึงหยิบอีกชุดหนึ่งจากในห้วงมิติมาสวมอย่างรวดเร็ว หลังจากสวมเสื้อผ้าก็ถอนหายใจเบาๆ เพียงรู้สึกว่าร่างกายแตกต่างจากเดิม แรกเริ่มถึงระดับหลอมแก่นพลัง แม้ไปไม่ถึงขั้นสูงสุด แต่พละกำลังก็ผ่านขั้นเริ่มต้นเข้าสู่ขั้นกลาง นี่ก็เกินความคาดหมายแล้ว
เช่นเดียวกัน พลังวิญญาณโดยรอบที่อุดมสมบูรณ์มากเพียงนี้หล่อเลี้ยงช่วยเหลือด้วย ซ้ำยังมียาและยาอายุวัฒนะมาเสริม หากบรรลุขั้นไม่ได้ก็ไม่น่าเป็นไปได้สักเท่าไร
“เวลาไม่ถึงหนึ่งปีก็บรรลุถึงระดับหลอมแก่นพลัง คิดว่าระดับกำเนิดวิญญาณคงไม่ห่างข้าไปไกลนัก” เธอกล่าวอย่างยินดีเปรมปรีดิ์ ยืดเอวนวดไหล่ นึกถึงว่าวันนี้เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว ชิงหินวิญญาณมาได้แค่สิบก้อนยังน้อยเกินไป จึงคิดว่าจะออกไปดูเสียหน่อย
ด้วยเหตุนี้จึงก้าวฝีเท้ากระฉับกระเฉงเดินออกไป ทว่าเมื่อออกไปก้าวแรก เธอถึงเพิ่งสังเกตว่าหินวิญญาณใต้เท้าเป็นสีเทาๆ ราวกับว่ากลิ่นอายของหินวิญญาณถูกรีดเค้นจนแห้ง แม้จะไม่หมดเกลี้ยง แต่ดูท่าทางก็ประมาณหนึ่งแล้ว
“กลิ่นอายพลังวิญญาณรอบๆ นี้เหมือนจะลดลงไปไม่น้อยเลย” เธอกระซิบพลางมองไปรอบข้าง เพราะมีม่านหมอกขวางกั้นจึงมองไม่เห็นภายนอก แต่รู้สึกได้ว่ากลิ่นอายในอากาศไม่ได้ลดลงไปมากอย่างที่เธอว่า แต่แทบจะถูกดูดซับไปเสียสะอาดหมดจด
เธอลูบๆ จมูกโดยทันที ดวงตาวาววับ รู้สึกผิดอยู่บ้าง “คงจะไม่มาหาเรื่องข้ากระมัง? เหมือนจะไม่มีกฎว่าดูดซับกลิ่นอายพลังวิญญาณในนี้จนหมดไม่ได้นี่นา? แต่ข้าก็ไม่นับว่าดูดไปหมด พักเสียหน่อยพลังวิญญาณน่าจะกลับมาแล้ว”
………………………………………………….
ตอนที่ 918 หลอมแก่นพลังขั้นกลาง
เธอคิดพลางเดินไปข้างนอก ข้ามผ่านค่ายกลแต่ละด่าน เมื่อมาถึงค่ายกลสุดท้ายด้านนอก ก็เห็นร่างหนึ่งที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดล้มหมดสติอยู่บนพื้น เธออดไม่ได้ตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเข้าไปร้องเรียก
“เฮ้?”
เธอเห็นไม่มีการเคลื่อนไหวจึงย่อตัวลงตรวจชีพจร ครั้นเห็นว่าเป็นลมจึงจะเดินข้ามไป แต่เมื่อหางตาเหลือบเห็นถุงหินวิญญาณตรงเอวของนักเรียนคนนั้นก็หัวเราะร่าทันที
“เอาเถอะ! ข้าจะเป็นคนดีสักครั้ง”
เธอยื่นมือหยิบถุงหินวิญญาณมาเก็บเข้าห้วงมิติ ก่อนจะแบกคนที่หมดสติขึ้นมาหมายจะพาออกไปด้วย ใครจะรู้ว่าเดินไปอีกระยะหนึ่งก็พบนักเรียนที่หมดสติและทั่วร่างถูกกระแสลมกรีดจนบาดเจ็บเช่นกัน
“เอ๋? มีอีกคนหรือ” เธอเลิกคิ้วขึ้น หลังจากขานเรียกแล้วพบว่าไม่ตื่น จึงเก็บถุงหินวิญญาณของเขามาทันที มือหนึ่งก็ลากคนเดินออกไป
“ซ่าๆ…ซ่าๆๆ…”
นี่เป็นเสียงที่เหล่านักเรียนด้านนอกค่ายกลรวมพลังวิญญาณได้ยิน เป็นเสียงที่เหมือนมีอะไรบางอย่างเสียดสีบนพื้น ยามได้ยินเสียงนั้นหัวใจแต่ละคนก็ขลาดกลัวทันที
คนคนนั้นจะออกมาแล้วหรือ?
คนด้านในนั้นเป็นนักเรียนในหมู่พวกเขาจริงๆ หรือ?
ทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า? แต่เป็นเสียงซ่าๆ?
จนกระทั่งเห็นเฟิ่งจิ่วในชุดขาวลากคนสองคนเดินออกมา บนใบหน้าแต่ละคนนอกจากจะตะลึงก็มีความตะลึงอีก
“เอ๊? นึกไม่ถึงว่าจะอยู่กันหมดเลย?”
เฟิ่งจิ่วเดินออกมานอกค่ายกล เห็นนักเรียนแต่ละคนยืนล้อมอยู่บริเวณไม่ไกลก็แปลกใจเล็กน้อย ยิ้มพลางกล่าวทักทายพวกเขา โดยเฉพาะเมื่อเห็นโอวหยางซิวกับเซียวอี้หานที่ยืนอยู่ไม่ไกล ยิ่งทำหน้ายิ้มเสียยกใหญ่
“พวกเจ้าสองคนก็อยู่ด้วยหรือ?”
ระหว่างพูด เธอปล่อยสองคนมือที่ลากอยู่ทันที สองคนนั้นพลันล้มกลับลงพื้นเสียงดัง ครั้นเห็นว่าบนร่างนักเรียนสองคนที่สลบเหมือดเต็มไปด้วยบาดแผลที่ถูกใบมีดคมกรีดทำร้าย ทุกคนกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ ดวงตาแต่ละคู่จ้องเด็กหนุ่มที่ทำหน้ายิ้มเดินไปด้านข้างไม่วางตา
สำนักศึกษาหกดารา? เป็นนักเรียนสำนักศึกษาหกดารา? คนคนนี้เป็นระดับสร้างรากฐานสูงสุด ยามนี้เลื่อนขึ้นเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแล้ว? นะ นี่ทำให้พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรดีเลยจริงๆ
ตอนอีกฝ่ายยังไม่ออกมา พวกเขาคิดว่ารอออกมาแล้วจะต้องสั่งสอนให้หนัก แต่เมื่อเขาออกมา แต่ละคนกลับตาค้าง วรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลัง ร่างกายไม่เสียหาย ในมือยังลากนักเรียนที่หมดสติสองคนเดินออกมาจากกลางค่ายกลรวมพลังวิญญาณอย่างสบายอารมณ์และไม่สะทกสะท้านเช่นนั้น นึกไม่ถึงว่ายังยิ้มกล่าวทักทายพวกเขาอีก นี่มันช่าง…
ทักทายบ้านมารดามันสิ!
ตอนนี้พวกเขาแค่คิดว่าหากสู้ชนะได้ ก็ต้องจัดการเขาสักยก!
โอวหยางซิวจ้องมองเฟิ่งจิ่วด้วยท่าทางเหมือนเห็นผี เห็นเฟิ่งจิ่วเดินมา ก็อดจับจ้องอีกฝ่ายไม่ได้ มองจากหัวจรดเท้าถึงสองรอบ ช่างแตกต่างไปจริงๆ หนำซ้ำกลิ่นอายทั่วร่างยังไม่เหมือนเดิม
เขาบรรลุขั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแล้วจริงหรือ? แต่เดิมโอวหยางซิวคิดจะล้ำหน้าเขาไป ยามนี้เห็นเขาเข้ามาแดนลับก็เลื่อนขั้นจากสร้างรากฐานไปถึงหลอมแก่นพลังทันที นอกจากความรู้สึกเหลือเชื่อ ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในใจก็ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกเสียแล้ว
เนี่ยเถิงมองเฟิ่งจิ่วที่ใบหน้ายิ้มแย้ม หัวใจที่หวั่นๆ ผ่อนคลายลงในทันที ไม่นึกว่านางจะกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังจริงๆ เช่นนี้พละกำลังก็เหนือกว่าเขาแล้ว
มีเพียงเซียวอี้หานที่แหงนหน้าหัวเราะลั่น “ฮ่าๆๆๆ เฟิ่งจิ่ว ข้ารู้อยู่แล้วว่าเป็นเจ้า เจ้าหนูนี่ใช้ได้เลย! แต่ข้าคิดว่าเจ้ามีปัญหาแล้ว”
………………………………………………….